“วันนี้ว่างเหรอคะ” ใบหน้าสะสวยโน้มเข้าไปใกล้ขณะถาม ทว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาหลุดความตกใจหรือความรู้สึกใดๆ ออกมาเหมือนทุกครั้ง
รู้ว่าเธอกำลังพยายาม แต่อยากรู้มากกว่าว่าวันไหนเธอจะเลิกพยายาม
“ไหนๆ วันนี้ก็ว่าง ไปดูหนังกันไหมคะ”
“ไม่ว่าง”
“อ้าว ถ้าไม่ว่างแล้วทำไมถึงมาได้ล่ะคะ”
“แล้วอยากให้พูดตรงๆ หรืออยากให้พูดจาแบบรักษามารยาทมากกว่าล่ะ” คนฟังยกยิ้ม คิดเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่าทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้
ปากคอเราะรายนักเหรอ อยากจะรู้เหมือนกันว่าร้ายจริงหรือเปล่า
“ตรงๆ ก็ได้นะคะ ถ้าพี่น่านไม่กลัวว่าพั้นช์จะร้องไห้”
“ตรงนี้ไม่มีใครอยู่ ไม่จำเป็นต้องแสดงก็ได้นะ”
“แหม มองโลกในแง่ร้ายจังเลยนะคะ พั้นช์ไม่ได้แสดงแบบที่พี่น่านว่าเลยสักนิด”
“จะบอกว่าเธอจริงใจมาก ทั้งที่เราต่างก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรน่ะเหรอ?”
“อะไรเป็นอะไรนี่คืออะไรเหรอคะ” คนถามยิ้มเก๋ กะจะทำให้เขาอารมณ์ดี กลับกลายเป็นกระตุ้นคนเย็นชาให้หน้าตึงมากกว่าเดิม
“เราสองคนแค่ถูกบังคับไม่มีใครเต็มใจที่จะทำแบบนี้ทั้งนั้น”
“ไม่เปลี่ยนใจภายหลังแน่เหรอคะ”
“ไม่เปลี่ยน”
“แต่ทุกอย่างมันก็ไม่มีทางเปลี่ยนตราบใดที่พั้นช์ไม่ท้อนะ” เอียงคอบอก ตากลมสวยกวาดมองไปทั่วใบหน้าคมคาย ต่อให้จะไม่มีรอยยิ้มให้เธอเห็นเลยสักนิด แต่ก็ยอมรับว่าหล่อมากอยู่ดี
“แล้วทำไมเธอต้องอดทน”
“พั้นช์ชอบพี่น่านมั้งคะ”
“เธอยังเด็ก เราต่างกันจะตาย เธอแค่อยากเอาชนะมากกว่า”
“แล้วถ้าเป็นแบบนั้นล่ะคะ พี่น่านจะยอมให้พั้นช์ชนะไหม”
“ไม่มีทาง” คนตัวโตยืนยันหนักแน่นจนพาลทำให้อีกคนรู้สึกหมั่นไส้
“มั่นใจจังเลยนะคะ”
“แน่นอนว่ามันต้องเป็นแบบนั้น”
“อย่าเพิ่งมั่นใจนักเลยค่ะ ในเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตรงกันออกแบบนั้น ถ้าคิดจะยกเลิกทุกอย่างง่ายๆ มันอาจจะไม่ได้ง่ายแบบที่คิดก็ได้ค่ะ”
“ถ้าคิดว่าทนได้ก็ทน”
“ทนได้ค่ะ”
“ถ้าใจร้ายขึ้นมาก็อย่าหาว่าไม่เตือน”
“ร้ายได้แค่ไหนล่ะคะ”
“มากกว่าที่คิด”
“แต่ในหัวตอนนี้ ไม่ได้คิดว่าพี่ร้ายเลยสักนิด”
“จำไว้ว่าพี่ไม่ง้อ ไม่ตาม ไม่อะไรทั้งนั้น ถ้ายังอยากคุยกันก็คุย แต่พี่ไม่ตามใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ง้อแต่พั้นช์ง้อ พี่ไม่ตามแต่พั้นช์ตาม ทุกอย่างมันดูง่ายไปหมดเลยว่าไหมคะ”
“ก็อย่ามาร้องไห้ทีหลังก็แล้วกัน”
“แน่นอนค่ะ ไม่มีวันนั้นแน่นอน”