ขิงไม่รู้ว่าใบข้าวถูกพาตัวไปที่ไหนรู้แต่ว่าเขาถูกขังอยู่ที่ใดสักแห่งในอาณาเขตของบ้านนี้ คิดแล้วก็เริ่มรู้สึกผิด หวังว่าคุณนายจะไม่ทำอะไรรุนแรง ขิงพยายามไม่สนใจแล้วถักไหมพรมไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกเบื่อจึงนอนหลับ ชีวิตสะใภ้ของตระกูลนี้ช่างดีจริง ๆ วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก
แต่ว่าเขาก็เป็นแค่สะใภ้จอมปลอมเท่านั้นหากเป็นสะใภ้ที่แท้จริงคุณนายคงจะใส่ใจมากกว่านี้หรือไม่ก็ควบคุมมากกว่าเดิม
ตอนบ่ายขิงรอต้อนรับทัพกลับมาจากทำงานเพราะวันนี้มีงานสังสรรค์จึงกลับมาไวกว่าทุกวัน อีกฝ่ายทำท่าจะเดินไปหาใบข้าวแต่ขิงหาคำพูดรั้งไว้ก่อน
“คะ…คุณแม่มีเรื่องจะคุยกับพี่ครับ”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องงานวันนี้น่ะสิ” ทิษยาเดินมาพอดีจึงเอ่ยบอกได้ทัน
“แค่ไปร่วมงานไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็ใช่แต่ลูกก็ต้องรู้ว่าใครบ้างที่มาหากเขาเข้ามาทักทายแล้วลูกไม่รู้จักแม่ก็เสียหน้าแย่สิ…แม่จะให้ลูกดูรูปพวกเขา”
“ขอผมไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“เปลี่ยนที่นี่ก็ได้..และวันนี้ลูกก็นอนที่นี่แหละ”
“ผมอยากนอนกับใบข้าว”
“ทัพ…นอนที่นี่มันจะตายหรือไง แม่ไม่อยากอารมณ์เสียนะ…แม่ใจดีมากแล้วนะ!”
แม่ลูกมองหน้ากัน เป็นทัพที่ถอนหายใจแล้วยินยอม เขาพยักหน้าจากนั้นก็นั่งฟังผู้เป็นแม่ร่ายยาวทันที แต่สายตากวาดมองรอบ ๆ เพราะหวังว่าใบข้าวจะเดินทำความสะอาดผ่านไปมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
ช่วงเย็นพวกเขาเตรียมเดินทางไปยังงานเลี้ยงที่จัดในโรงแรมหรู ขิงสวมชุดสูทหรูยิ่งกว่าตอนแต่งงานส่วนทัพก็เช่นเดียวกันแต่เขายิ่งสง่าจนน่าหลงใหล
“ลูกแม่หล่อจริง ๆ เลย”
ทัพก็ยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกไม่สบายใจบางอย่าง
หลังจากนั้นทั้งสามเดินไปยังรถยนต์ทั้งสองคันที่จอดรออยู่ ขิงนั่งข้าง ๆ สามีที่สายตายังคงมองเหลียวหลังไปยังตัวบ้าน
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ใบข้าวจะกินข้าวรออยู่หรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายไม่มีโทรศัพท์จึงไม่อาจติดต่อกันได้ ไม่ใช่ไม่มีเงินซื้อแต่เพราะ..เรื่องในอดีตใบข้าวจึงขว้างโทรศัพท์ทิ้งไม่คิดซื้อใหม่อีก
ขิงเพียงเหลือบตามอง เขาเองก็รู้สึกไม่ดีหวังว่าคุณนายจะไม่ถึงขนาดฆ่าแกงกัน
งานเลี้ยงสังสรรค์จัดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งผู้ที่เข้าร่วมมีแต่เหล่าเศรษฐีมีเงินทั้งนั้น เครื่องประดับของทิษยาว่าแสบตาแล้วพอมาเจอคุณหญิงคุณนายมากมายก็รู้สึกตาลายขึ้นมา
สมกับเป็นคนรวย
ทัพและขิงถูกพาไปแนะนำให้ผู้คนมากมาย แม้จะเป็นแค่สะใภ้ในนามแต่สำหรับขิงเขารู้สึกว่าตนคือคนรักและเป็นสะใภ้จริง ๆ เขายิ้ม หัวเราะจนหลงลืมตัว จากนั้นก็ถูกทิ้งเพราะทั้งทัพและทิษยาต่างก็มีกลุ่มคุยเป็นของตนเอง
ขิงไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะเลือกที่จะให้ความสนใจอาหารมากกว่า เขาตักใส่จานจนเต็มแล้วเดินไปยังมุมอับ อาหารราคาแพงแบบนี้รสชาติอร่อยจนเหมือนไม่มีวันอิ่ม พอหมดเขาก็เดินไปตักเรื่อย ๆ จนทัพที่กำลังคุยอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจเหลือบตามอง
เขาเห็นขิงกำลังตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ทันไรก็มาเติมอีกครั้ง ท่าทางของอีกฝ่ายในตอนนี้ไร้เดียงสาคล้ายแฮมสเตอร์กินจนแก้มปริ มองแล้วก็เผลอยิ้มเอ็นดู
“มองภรรยาไม่วางตาเลยนะครับ”
พอได้ยินใครคนหนึ่งเอ่ยทักเขาก็กระอักกระอ่วนทันที
“เอ่อ…แค่มองเขานิดหน่อยครับ”
“ฮะ ๆ ๆ ไม่ต้องเขินครับเรื่องปกติ”
“ภรรยาคุณสวยมากจริง ๆ ไม่แปลกถ้าคุณจะมอง”
“ผมเห็นด้วย คุณโชคดีจริง ๆ พวกคุณเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก”
ทัพเพียงยิ้มแต่ในใจย่อมยอมรับแค่ภรรยาที่เขารัก
งานเลี้ยงดำเนินไปสักพักทัพจึงหาโอกาสหลีกเลี่ยงเพื่อขอตัวกลับโดยที่ต้องลากพาขิงกลับไปด้วยเพราะแม่ของตนย่อมอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกนาน
ขณะนั่งในรถคนที่กินไม่หยุดกำลังนั่งอย่างอึดอัดท่าทางจะอิ่มอย่างมาก
“ดูเหมือนนายจะหิวมากนะ”
“ก็..มีแต่ของอร่อยนี่ครับ”
“นายคงจะชอบของแพงคงไม่ชอบของราคาถูกพวกนั้น” พูดพลางหันไปมองร้านข้างทางที่มีคนนั่งกินจนเต็ม
“ผมก็กินนะครับ”
ทัพเลิกคิ้ว “กินอะไร”
“ก็ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หมูย่าง ลูกชิ้นทอดผมก็กิน” บางครั้งก็ไม่มีอะไรกิน
“อย่างนายน่ะเหรอ”
“ครับ”
ทัพไม่อยากเชื่อแต่เขาก็สั่งให้คนขับจอดรถเพราะอยากซื้อของไปฝากใบข้าวด้วย
“พี่จะซื้อของกินเหรอครับ”
ขิงก็รีบลงมาด้วย ทั้งสองเดินดูของขายข้างทางเลือกซื้อหลายอย่าง ทัพก็มองคนข้าง ๆ ที่กำลังกินตับย่างอย่างเอร็ดอร่อยอย่างแปลกใจ
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกินทุกอย่างอร่อยหมด ขนาดนั่งอึดอัดยังกินต่อได้อีก
“พี่กินไหมครับ”
“ไม่ล่ะ”
“อร่อยนะครับ..โอ๊ะ ตรงนั้นเหมือนจะมีงานเลยครับ เราเดินไปกันเถอะ” พูดพลางก็จับแขนชวนทัพไปอีกด้าน เหมือนว่าจะมีงานวัดเล็ก ๆ ในซอย ทั้งยังมีซุ้มเล่นเกมต่าง ๆ ตอนแรกทัพไม่อยากมาแต่พอเห็นตุ๊กตาจึงคิดนำไปให้ใบข้าว
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงถือลูกดอกเตรียมปาลูกโป่ง เสียงเชียร์ของขิงทำให้เขาเริ่มมีแรงใจเรื่อย ๆ จากนั้นก็ได้ตุ๊กตามาจริง ๆ ขิงก็สวมกอดของรางวัลอย่างยินดี ทัพคิดอยากปฏิเสธแต่พอเห็นรอยยิ้มที่เหมือนเด็กจึงได้แต่พยักหน้าให้
เขาคิดว่าขิงตอนนี้ดูดีกว่าครั้งไหน ไร้เดียงสาเหมือนเด็ก
“มองอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไร กลับกันเถอะ”
“ตรงนั้นมียิงตุ๊กตานะครับ”
พอได้ยินเช่นนี้ทัพจึงหันไปมอง
กว่าจะเล่นเกม เดินเที่ยว ก็ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง พวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้นแต่ทัพก็ยังเว้นระยะห่างอยู่บ้างต่อให้ไม่เกลียดขิงเขาก็ยังมองว่าเป็นน้องชายคนหนึ่งเท่านั้น
“ผมไปซื้อน้ำผลไม้ก่อนนะครับ” แต่ระหว่างนั้นสายตาก็มองเห็นเด็กฝาแฝดชายหญิงคู่หนึ่งพอดีแต่เสียดายที่ไม่ใช่ลูกของตน เขาคิดถึงพิณ พาย ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแต่จะว่าไปลูกของเขาใบหน้าก็คล้ายทัพอยู่เหมือนกันจนบางครั้งขิงก็คิดไปเองว่าอาจจะเป็นพ่อลูกกัน
ทั้งที่ไม่มีวันเป็นไปได้
ทัพที่เห็นขิงมองเด็กก็ขบคิดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตั้งครรภ์มากแค่ไหน
หลังซื้อน้ำผลไม้มาขิงก็ยื่นน้ำแตงโมปั่นให้ส่วนตัวเองกินน้ำมะพร้าวปั่น ทัพที่เห็นก็ย่นคิ้วแปลกใจแล้วรับไว้
“นาย..รู้ด้วยเหรอว่าฉันชอบกินน้ำอะไร”
ขิงยิ้ม อยากจะบอกว่าทุกครั้งที่เขาไปขายขนมที่หน้าโรงเรียนจะเห็นทัพเดินถือแก้วน้ำแตงโมปั่นเสมอ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ
“ผมเดาน่ะครับ”
คนฟังขมวดคิ้วแปลกใจแต่ถึงอย่างนั้นก็อารมณ์ดี
เมื่อกลับไปถึงบ้านทั้งสองก็เห็นทิษยารออยู่ก่อนแล้ว
“เห็นว่ากลับก่อนแต่ที่ไหนได้มาถึงช้ากว่าแม่อีก”
“พวกเราแวะซื้อของน่ะครับ”
“ซื้ออะไร”
“ก็..ของกินข้างทางครับ”
ทิษยานิ่วหน้าพลางถอนหายใจ ตั้งแต่ไหนแต่ไรลูกชายมักทำตัวติดดินเกินไป โรงเรียนอินเตอร์ดี ๆ ไม่เข้า เพื่อนรวย ๆ ไม่คบ กินแต่ของถูก ๆ คงเพราะคบกับใบข้าวเลยกลายเป็นแบบนี้
“ไปอาบน้ำนอนกันได้แล้ว”
“ผมจะกลับไปนอนกับ…”
“ทัพ…แม่ขอร้อง…คืนนี้นอนที่นี่นะแม่ให้คนไปบอกใบข้าวแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้เขาก็คิดว่าใบข้าวคงจะหลับแล้วหากไปย่อมปลุกให้อีกฝ่ายตื่นจึงพยักหน้าเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ส่วนขิงลอบมองคุณนายเพราะเธอกำลังสกัดไม่ให้ทัพรู้ว่าใบข้าวกำลังถูกขังอยู่