ตอนที่9

1474 Words
ขิงไม่รู้ว่าใบข้าวถูกพาตัวไปที่ไหนรู้แต่ว่าเขาถูกขังอยู่ที่ใดสักแห่งในอาณาเขตของบ้านนี้ คิดแล้วก็เริ่มรู้สึกผิด หวังว่าคุณนายจะไม่ทำอะไรรุนแรง ขิงพยายามไม่สนใจแล้วถักไหมพรมไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกเบื่อจึงนอนหลับ ชีวิตสะใภ้ของตระกูลนี้ช่างดีจริง ๆ วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ว่าเขาก็เป็นแค่สะใภ้จอมปลอมเท่านั้นหากเป็นสะใภ้ที่แท้จริงคุณนายคงจะใส่ใจมากกว่านี้หรือไม่ก็ควบคุมมากกว่าเดิม ตอนบ่ายขิงรอต้อนรับทัพกลับมาจากทำงานเพราะวันนี้มีงานสังสรรค์จึงกลับมาไวกว่าทุกวัน อีกฝ่ายทำท่าจะเดินไปหาใบข้าวแต่ขิงหาคำพูดรั้งไว้ก่อน “คะ…คุณแม่มีเรื่องจะคุยกับพี่ครับ” “เรื่องอะไร” “ก็เรื่องงานวันนี้น่ะสิ” ทิษยาเดินมาพอดีจึงเอ่ยบอกได้ทัน “แค่ไปร่วมงานไม่ใช่เหรอครับ” “ก็ใช่แต่ลูกก็ต้องรู้ว่าใครบ้างที่มาหากเขาเข้ามาทักทายแล้วลูกไม่รู้จักแม่ก็เสียหน้าแย่สิ…แม่จะให้ลูกดูรูปพวกเขา” “ขอผมไปเปลี่ยนชุดก่อน” “เปลี่ยนที่นี่ก็ได้..และวันนี้ลูกก็นอนที่นี่แหละ” “ผมอยากนอนกับใบข้าว” “ทัพ…นอนที่นี่มันจะตายหรือไง แม่ไม่อยากอารมณ์เสียนะ…แม่ใจดีมากแล้วนะ!” แม่ลูกมองหน้ากัน เป็นทัพที่ถอนหายใจแล้วยินยอม เขาพยักหน้าจากนั้นก็นั่งฟังผู้เป็นแม่ร่ายยาวทันที แต่สายตากวาดมองรอบ ๆ เพราะหวังว่าใบข้าวจะเดินทำความสะอาดผ่านไปมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ช่วงเย็นพวกเขาเตรียมเดินทางไปยังงานเลี้ยงที่จัดในโรงแรมหรู ขิงสวมชุดสูทหรูยิ่งกว่าตอนแต่งงานส่วนทัพก็เช่นเดียวกันแต่เขายิ่งสง่าจนน่าหลงใหล “ลูกแม่หล่อจริง ๆ เลย” ทัพก็ยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกไม่สบายใจบางอย่าง หลังจากนั้นทั้งสามเดินไปยังรถยนต์ทั้งสองคันที่จอดรออยู่ ขิงนั่งข้าง ๆ สามีที่สายตายังคงมองเหลียวหลังไปยังตัวบ้าน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ใบข้าวจะกินข้าวรออยู่หรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายไม่มีโทรศัพท์จึงไม่อาจติดต่อกันได้ ไม่ใช่ไม่มีเงินซื้อแต่เพราะ..เรื่องในอดีตใบข้าวจึงขว้างโทรศัพท์ทิ้งไม่คิดซื้อใหม่อีก ขิงเพียงเหลือบตามอง เขาเองก็รู้สึกไม่ดีหวังว่าคุณนายจะไม่ถึงขนาดฆ่าแกงกัน งานเลี้ยงสังสรรค์จัดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งผู้ที่เข้าร่วมมีแต่เหล่าเศรษฐีมีเงินทั้งนั้น เครื่องประดับของทิษยาว่าแสบตาแล้วพอมาเจอคุณหญิงคุณนายมากมายก็รู้สึกตาลายขึ้นมา สมกับเป็นคนรวย ทัพและขิงถูกพาไปแนะนำให้ผู้คนมากมาย แม้จะเป็นแค่สะใภ้ในนามแต่สำหรับขิงเขารู้สึกว่าตนคือคนรักและเป็นสะใภ้จริง ๆ เขายิ้ม หัวเราะจนหลงลืมตัว จากนั้นก็ถูกทิ้งเพราะทั้งทัพและทิษยาต่างก็มีกลุ่มคุยเป็นของตนเอง ขิงไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะเลือกที่จะให้ความสนใจอาหารมากกว่า เขาตักใส่จานจนเต็มแล้วเดินไปยังมุมอับ อาหารราคาแพงแบบนี้รสชาติอร่อยจนเหมือนไม่มีวันอิ่ม พอหมดเขาก็เดินไปตักเรื่อย ๆ จนทัพที่กำลังคุยอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจเหลือบตามอง เขาเห็นขิงกำลังตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ทันไรก็มาเติมอีกครั้ง ท่าทางของอีกฝ่ายในตอนนี้ไร้เดียงสาคล้ายแฮมสเตอร์กินจนแก้มปริ มองแล้วก็เผลอยิ้มเอ็นดู “มองภรรยาไม่วางตาเลยนะครับ” พอได้ยินใครคนหนึ่งเอ่ยทักเขาก็กระอักกระอ่วนทันที “เอ่อ…แค่มองเขานิดหน่อยครับ” “ฮะ ๆ ๆ ไม่ต้องเขินครับเรื่องปกติ” “ภรรยาคุณสวยมากจริง ๆ ไม่แปลกถ้าคุณจะมอง” “ผมเห็นด้วย คุณโชคดีจริง ๆ พวกคุณเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก” ทัพเพียงยิ้มแต่ในใจย่อมยอมรับแค่ภรรยาที่เขารัก งานเลี้ยงดำเนินไปสักพักทัพจึงหาโอกาสหลีกเลี่ยงเพื่อขอตัวกลับโดยที่ต้องลากพาขิงกลับไปด้วยเพราะแม่ของตนย่อมอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกนาน ขณะนั่งในรถคนที่กินไม่หยุดกำลังนั่งอย่างอึดอัดท่าทางจะอิ่มอย่างมาก “ดูเหมือนนายจะหิวมากนะ” “ก็..มีแต่ของอร่อยนี่ครับ” “นายคงจะชอบของแพงคงไม่ชอบของราคาถูกพวกนั้น” พูดพลางหันไปมองร้านข้างทางที่มีคนนั่งกินจนเต็ม “ผมก็กินนะครับ” ทัพเลิกคิ้ว “กินอะไร” “ก็ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หมูย่าง ลูกชิ้นทอดผมก็กิน” บางครั้งก็ไม่มีอะไรกิน “อย่างนายน่ะเหรอ” “ครับ” ทัพไม่อยากเชื่อแต่เขาก็สั่งให้คนขับจอดรถเพราะอยากซื้อของไปฝากใบข้าวด้วย “พี่จะซื้อของกินเหรอครับ” ขิงก็รีบลงมาด้วย ทั้งสองเดินดูของขายข้างทางเลือกซื้อหลายอย่าง ทัพก็มองคนข้าง ๆ ที่กำลังกินตับย่างอย่างเอร็ดอร่อยอย่างแปลกใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกินทุกอย่างอร่อยหมด ขนาดนั่งอึดอัดยังกินต่อได้อีก “พี่กินไหมครับ” “ไม่ล่ะ” “อร่อยนะครับ..โอ๊ะ ตรงนั้นเหมือนจะมีงานเลยครับ เราเดินไปกันเถอะ” พูดพลางก็จับแขนชวนทัพไปอีกด้าน เหมือนว่าจะมีงานวัดเล็ก ๆ ในซอย ทั้งยังมีซุ้มเล่นเกมต่าง ๆ ตอนแรกทัพไม่อยากมาแต่พอเห็นตุ๊กตาจึงคิดนำไปให้ใบข้าว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงถือลูกดอกเตรียมปาลูกโป่ง เสียงเชียร์ของขิงทำให้เขาเริ่มมีแรงใจเรื่อย ๆ จากนั้นก็ได้ตุ๊กตามาจริง ๆ ขิงก็สวมกอดของรางวัลอย่างยินดี ทัพคิดอยากปฏิเสธแต่พอเห็นรอยยิ้มที่เหมือนเด็กจึงได้แต่พยักหน้าให้ เขาคิดว่าขิงตอนนี้ดูดีกว่าครั้งไหน ไร้เดียงสาเหมือนเด็ก “มองอะไรเหรอครับ” “ไม่มีอะไร กลับกันเถอะ” “ตรงนั้นมียิงตุ๊กตานะครับ” พอได้ยินเช่นนี้ทัพจึงหันไปมอง กว่าจะเล่นเกม เดินเที่ยว ก็ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง พวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้นแต่ทัพก็ยังเว้นระยะห่างอยู่บ้างต่อให้ไม่เกลียดขิงเขาก็ยังมองว่าเป็นน้องชายคนหนึ่งเท่านั้น “ผมไปซื้อน้ำผลไม้ก่อนนะครับ” แต่ระหว่างนั้นสายตาก็มองเห็นเด็กฝาแฝดชายหญิงคู่หนึ่งพอดีแต่เสียดายที่ไม่ใช่ลูกของตน เขาคิดถึงพิณ พาย ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแต่จะว่าไปลูกของเขาใบหน้าก็คล้ายทัพอยู่เหมือนกันจนบางครั้งขิงก็คิดไปเองว่าอาจจะเป็นพ่อลูกกัน ทั้งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ทัพที่เห็นขิงมองเด็กก็ขบคิดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตั้งครรภ์มากแค่ไหน หลังซื้อน้ำผลไม้มาขิงก็ยื่นน้ำแตงโมปั่นให้ส่วนตัวเองกินน้ำมะพร้าวปั่น ทัพที่เห็นก็ย่นคิ้วแปลกใจแล้วรับไว้ “นาย..รู้ด้วยเหรอว่าฉันชอบกินน้ำอะไร” ขิงยิ้ม อยากจะบอกว่าทุกครั้งที่เขาไปขายขนมที่หน้าโรงเรียนจะเห็นทัพเดินถือแก้วน้ำแตงโมปั่นเสมอ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ “ผมเดาน่ะครับ” คนฟังขมวดคิ้วแปลกใจแต่ถึงอย่างนั้นก็อารมณ์ดี เมื่อกลับไปถึงบ้านทั้งสองก็เห็นทิษยารออยู่ก่อนแล้ว “เห็นว่ากลับก่อนแต่ที่ไหนได้มาถึงช้ากว่าแม่อีก” “พวกเราแวะซื้อของน่ะครับ” “ซื้ออะไร” “ก็..ของกินข้างทางครับ” ทิษยานิ่วหน้าพลางถอนหายใจ ตั้งแต่ไหนแต่ไรลูกชายมักทำตัวติดดินเกินไป โรงเรียนอินเตอร์ดี ๆ ไม่เข้า เพื่อนรวย ๆ ไม่คบ กินแต่ของถูก ๆ คงเพราะคบกับใบข้าวเลยกลายเป็นแบบนี้ “ไปอาบน้ำนอนกันได้แล้ว” “ผมจะกลับไปนอนกับ…” “ทัพ…แม่ขอร้อง…คืนนี้นอนที่นี่นะแม่ให้คนไปบอกใบข้าวแล้ว” พอได้ยินแบบนี้เขาก็คิดว่าใบข้าวคงจะหลับแล้วหากไปย่อมปลุกให้อีกฝ่ายตื่นจึงพยักหน้าเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ส่วนขิงลอบมองคุณนายเพราะเธอกำลังสกัดไม่ให้ทัพรู้ว่าใบข้าวกำลังถูกขังอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD