ความลับของพี่เขย/ความลับของซุนหวาง

2016 Words
กว่าจะกลับมาถึงเรือนในหุบเขาหนานตงก็ใช้เวลานานกว่าที่เคยเป็น เพราะต้องคอยระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิมและดูว่าจะมีคนตามมาอีกหรือไม่ หากครั้งนี้คนของเขาไม่ได้ติดตามมาด้วยก็คงจะแย่อยู่เหมือนกัน ถ้าพวกเขาถูกตามตัวเจอคราวนี้คงได้ย้ายออกจากหุบเขาแน่แล้ว พี่น้องแต่ละคนก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเขาและภรรยาง่าย ๆ เสียด้วย หากตัวเขาไม่ได้มีความสำคัญจนฝ่าบาทให้ค่ามากกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ เรื่องยุ่งยากก็คงจะไม่เกิด และตัวเขากับภรรยาก็คงไม่ต้องหลบซ่อนตัวถึงขนาดนี้ “ท่านพ่อ ทำไมถึงกลับมาช้านักล่ะ” “เสี่ยวจุ้น ท่านแม่กับท่านน้าอยู่ไหนหรือ” หนานตงถามบุตรชายเพราะกลัวว่าทั้งสามจะพากันเผลอออกไปนอกพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย ถึงแม้จะมีองครักษ์มากมายกระจายกำลังกันอยู่ทั่วป่าก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจะวางใจได้ “ท่านแม่กับท่านน้าอยู่ที่สวนสมุนไพรโน่นขอรับ เราไปหาท่านแม่กันเถอะ” เสี่ยวจุ้นตัวน้อยรีบเกาะกุมมือใหญ่ของบิดาแน่น แล้วลากจูงให้ไปตามทางเดินสู่สวนสมุนไพร หนานตงรู้สึกโล่งใจที่เห็นทั้งสามยังปลอดภัยดี น่าแปลกดีทั้งที่สามคนนั้นเป็นบุรุษแท้ ๆ แต่ตัวเขากลับไม่เคยมองเป็นบุรุษสักนิด แต่ก็ไม่ได้มองเป็นสตรีเช่นกัน พวกเขาดูงดงามแตกต่าง หวังว่าแม่ทัพชิวหานจะมองเห็นความพิเศษของซุนหวางอย่างที่เขามองเห็น และคงจะไม่มองเห็นแค่ความงามอย่างเดียวหรอกนะ “ท่านแม่ขอรับท่านพ่อกลับมาแล้ว” เสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวจุ้น ทำให้บุรุษร่างบางทั้งสามเงยหน้าขึ้นและมองหาที่มาของเสียง “ท่านพี่ทำไมถึงกลับช้านักขอรับ หรือว่ายาของซุนหวางมีปัญหา” ลั่วจินถามสามีทั้งยังอยากรู้สาเหตุที่ทำให้สามีกลับบ้านช้ากว่าที่เคย ถึงแม้จะรู้ว่ายาของซุนหวางนั้นดีแค่ไหน แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะกลัวน้องชายจะเสียใจหากยาพวกนั้นขายไม่ได้ “ยาของซุนหวางไม่ได้มีปัญหา เถ้าแก่ซีรับยาทั้งหมดไว้ด้วยซ้ำและยังได้ราคางามอีกด้วย ตอนนี้กลับเข้าเรือนกันก่อนเถอะ” ถึงจะบอกภรรยาด้วยรอยยิ้ม แต่สีหน้ากลับไม่ได้ยิ้มตาม เพราะยังมีความกังวลหลงเหลืออยู่ พอทุกคนมาถึงเรือนหนานตงจึงได้เปิดการสนทนาทันที “ซุนหวาง เสี่ยวฟง วันนี้อย่าพากันลงเขาเลยนะ” “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นขอรับ” เมื่อถูกภรรยาถามหนานตงก็ไบอกพวกเขาตามความเป็นจริง อย่างน้อยพวกเขาจะได้ระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนซุนหวางและเสี่ยวฟงเขาคงต้องให้อยู่ที่นี่อีกสักพัก เห็นทีจะต้องสร้างห้องเพิ่มให้ทั้งสองแล้วกระมัง และเขาก็อยากให้น้องของภรรยามาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่เลย ตั้งแต่มีซุนหวางและเสี่ยวฟงเป็นน้องชายภรรยาของเขาดูจะมีชีวิตชีวาและมีความสุขมากกว่าแต่ก่อน เสี่ยวจุ้นก็อีกคน “พี่เขยแล้วอาโหรวของข้าล่ะจะอยู่อย่างไรขอรับ” อาโหรวก็คือม้าตัวงามที่นายกองเหวินเจี๋ยช่วยเลือกให้ในตอนนั้น และเป็นอาโหรวที่พาพวกเขาทั้งสองมาจนถึงหูเจียงได้อย่างปลอดภัย รวมถึงเขาคนนั้นด้วยที่มาช่วยเหลือพวกเขาได้ทันท่วงที กำลังพูดถึงเรื่องม้าอยู่ดี ๆ ไฉนจึงไปคิดถึงคนได้นะ ซุนหวางได้แต่ปลงกับความคิดของตัวเอง “เจ้าหมายถึงม้าตัวนั้นหรือ อย่าได้ห่วงเลยข้าให้คนไปเฝ้าเรือนของพวกเจ้าแล้ว อาโหรวจะกินอิ่มและปลอดภัย ซุนหวาง หากสงสัยสิ่งใดก็ถามมาเถอะ” หนานตงเห็นหน้าของน้องภรรยา ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา เหมือนอยากจะถามสิ่งใดแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากถามออกมาเสียทีเขาจึงเปิดทางสะดวกให้ หากซุนหวางอยากรู้สิ่งใดเขาจะบอกให้หมด “พี่เขยเป็นใครขอรับ ทำไมถึงถูกตาม ไม่ใช่แค่หมอธรรมดาใช่หรือไม่” “อืม..หากเจ้าพอจะสังเกตบ้าง ข้าใช้แซ่หนานใช่ไหม” “ราชวงศ์หนานแห่งแคว้นหนานหรือ เอ่อ..แล้วพวกเราควรเรียกท่านว่าอย่างไรดีขอรับ” โป๊ก! “อ๊า เจ็บ” เขกมาได้เขาก็แค่ถาม ทำไมคนผู้นี้ถึงไม่อ่อน โยนเหมือนตอนคุยพี่ใหญ่บ้างนะ “บังอาจนัก! พอรู้ฐานะของข้าพวกเจ้าก็จะตีตัวออกห่าง และพร้อมจะเปลี่ยนไปเลยหรือ ข้าก็คือพี่เขยของพวกเจ้าและเป็นหมอ เป็นพ่อของเสี่ยวจุ้นและเป็นสามีของอาจินเช่นเดิม จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเข้าใจกันหรือยัง” “เข้าใจแล้วขอรับพี่เขย” ซุนหวาง/เสี่ยวฟง ต่างก็ตอบรับพร้อมเพรียงกันอย่างแข็งขัน “ท่านพี่จะดุน้อง ๆ ทำไม มีใครบ้างที่ไม่กลัวคนในราชวงศ์ ดูสิ..ท่านเขกหัวน้องข้าจนหัวปูดหมดแล้ว คอยดูเถอะข้าจะตีท่านคืน” ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ “ตามใจเจ้าเมียรัก ข้าจะให้เจ้าตีทั้งคืนยังได้เลย” “.........” ลั่วจินเงียบและนิ่งคิด ‘นี่เขาพูดสิ่งใดออกไป สามีของเขาคงไม่ได้เข้าใจเป็นอย่างอื่นหรอกนะ’ “ให้ข้าช่วยตีท่านพ่อด้วยไหมขอรับท่านแม่” “ไม่ดี..คืนนี้เสี่ยวจุ้นต้องไปนอนกับท่านน้า ที่บ้านต้นไม้นะ พ่ออนุญาต” “โอ้..จริงนะขอรับท่านพ่อ” “..........” ลั่วจิน ‘นั่นปะไร เขาบิดเบือนคำพูดของข้า’ อยู่บ้านในหุบเขามาหลายวัน กิจวัตรของซุนหวางก็อยู่แต่ในห้องปรุงยานั่นแหละและก็อยู่อย่างนั้นทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นการหมกมุ่นเสียมากกว่า หนานตงไม่รู้หรอกว่าซุนหวางกำลังทดลองปรุงยาอะไรกันแน่ แม้จะสูญเสียสมุนไพรไปตั้งมากมายเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ เด็กคนนี้ไม่ยอมหลับยอมนอนเลยน่ะสิ “เสี่ยวฟง..ซุนหวางเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือ” ลั่วจินเห็นน้องคนรองขลุกอยู่แต่ในห้องปรุงยาทั้งวัน ได้แต่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่อย่างน้อยก็ยังมีพี่ตงคอยดูแลอยู่ลั่วจินถึงได้เบาใจไปบ้าง “ขอรับพี่ใหญ่ แต่พักหลังมานี้ก็ไม่ค่อยเป็นแล้วขอรับ นอกเสียจากว่าจะทำเพื่อให้ลืมคิดถึงใครบางคน” “เจ้าหมายถึงแม่ทัพชิวหานนะหรือ” “คงจะใช่ขอรับ ฮิ ฮิ” อาฟงไม่ได้นินทาพี่รองนะ เรื่องของท่านแม่ทัพน่ะทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เสี่ยวฟงก็เลยพูดถึงท่านแม่ทัพได้อย่างสบายใจเสียที “น้องรองรักคนผู้นั้นมากเลยหรือ” “ข้าก็ไม่รู้ขอรับ” ดูจากอาการแล้วก็คงไม่น้อยนักหรอก ตอนก่อนจะนอน เขาก็เห็นพี่รองเอาหยกพกออกมาดูบ่อย ๆ หาก ไม่รักแล้วจะเรียกว่าอะไรได้ล่ะ ห้องปรุงยา… “ซุนหวาง เจ้าควรพักบ้างพี่ของเจ้าเป็นห่วงมากนะ” “พี่ตงข้า...” ฟุบ! “ซุนหวาง!” หนานตงตกใจมาก ที่อยู่ดี ๆ น้องภรรยาก็ฟุบหมดสติไปต่อหน้าต่อตา เขาจึงรีบเข้าไปประคองเจ้าตัวเล็กขึ้นมา และกำลังจะอุ้มออกไป จากนั้นถึงได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง ‘เลือด! ซุนหวางบาดเจ็บหรือ’ ความเป็นห่วงยิ่งเพิ่มขึ้นเขาไม่เข้าใจว่าซุนหวางไปทำอะไรมา ถึงได้บาดเจ็บจนได้เลือดขนาดนี้หรือเขาดูแลน้องไม่ดี หนานตงรีบอุ้มเจ้าตัวเล็กวิ่งไปหาภรรยาอย่างรวดเร็ว “ท่านพี่ ซุนหวางเป็นอะไรขอรับ” “ซุนหวางได้รับบาดเจ็บ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บตอนไหน” เสียงร้องโวยวายของลั่วจินดังเข้าไปถึงในครัว ทำให้เสี่ยวฟง และเสี่ยวจุ้น รีบวิ่งมาที่ห้องโถงของเรือน พอมาถึงก็เห็นสภาพของซุนหวางหมดสติอยู่แล้วทั้งเนื้อตัวช่วงล่างก็เต็มไปด้วยเลือด ลั่วจินกำลังจะพยายามเปิดผ้าเพื่อจะดูแผล แต่ถูกเสี่ยวฟง หยุดยั้งเอาไว้ก่อน “พี่ใหญ่อย่าเพิ่งขอรับให้ข้าทำเองเถอะ แล้วก็..พี่เขยท่านออกไปก่อนได้ไหมขอรับ” “เสี่ยวฟงข้าเป็นหมอนะ หากไม่มีข้าแล้วใครจะเป็นคนรักษาซุนหวาง” “พี่เขยเชื่อข้าเถอะพี่รองไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เป็นอาการเดียวกันกับที่พี่ใหญ่เป็นเท่านั้นเอง” “เป็นอาการแบบเดียวกันกับพี่หรือ ถ้าอย่างนั้นซุนหวาง ก็เป็น..” “อย่างที่พี่ใหญ่คิด พี่รองมีรอบเดือนขอรับ” ‘อ่าา..พี่รองข้าขอโทษด้วยมันจำเป็นจริง ๆ นะ’ คงจะปกปิดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เสี่ยวฟงจึงบอกความจริงออกไปอย่างน้อยที่นี่ก็คือที่ปลอดภัยที่สุด “เป็นแบบนี้นี่เองแล้วซุนหวางเริ่มมีรอบเดือนตั้งแต่เมื่อ ไหร่” ลั่วจินถามน้องชายคนเล็ก และพอจะเข้าใจเรื่องที่น้องชายคนรองเก็บงำความทุกข์เอาไว้กับตัวบ้างแล้ว “ตั้งแต่สี่ปีที่แล้วขอรับ ให้ข้าจัดการพี่รองก่อนเถิดนะ” “ข้าจะอุ้มเข้าไปในห้องให้” หนานตงรีบอุ้มซุนหวางเข้า ห้องเพื่อเสี่ยวฟงจะได้ทำงานสะดวกยิ่งขึ้น “ท่านพี่ไม่ใช่มีแค่ข้าหรอกหรือ นี่มันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ทำไมซุนหวางถึงได้เป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงมีบุรุษต้องสาปถึงสองคนหรือบันทึกทึกนั่นจะไม่เป็นความจริง เพราะเหตุนี้สินะซุนหวางถึงได้ปรุงยานั่นขึ้นมาได้ แล้วเรื่องนี้แม่ทัพชิวหานจะรู้หรือไม่ แล้วถ้าเขารู้จะเกิดอะไรขึ้นกับซุนหวาง” “อาจิน เจ้าอย่าเพิ่งคิดไปไกล พวกเขาแค่คบหากันเท่านั้นนะ” หนานตงเตือนสติภรรยาที่เริ่มจะกังวลกับเรื่องของน้องชาย “อื่อ..ข้าก็หวังว่าเขาจะเป็นเหมือนท่าน” ลั่วจินอยากให้ท่านแม่ทัพชิวหานเป็นเหมือนกับหนานตง ที่ไม่เคยคิดจะรังเกียจคนประหลาดอย่างเขา หากเป็นเช่นนั้นซุนหวางก็จะมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น เห็นน้องชายมีสีหน้าเศร้าหมองทุกครั้งเขาก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน นี่สินะสาเหตุของสีหน้าอมทุกข์นั่น ครืดดด... “เรียบร้อยแล้วหรือเสี่ยวฟง” “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รองไม่เป็นอะไรแล้ว หากมีอาการเหนื่อยหรือเพลียมาก ๆ ก็จะหลับยาวจนถึงเช้าขอรับ” “ซุนหวางเป็นเช่นนี้บ่อยหรือ” ฟ้าดินช่างเล่นตลกอะไรถึงได้มอบน้องชายที่มีสภาพเดียวกันมาให้เขา หากไม่มีเสี่ยวฟงและตัวเขากับพี่ตงเด็กน้อยคนนี้จะมีชีวิตอยู่แบบใดกันนะ ขนาดตัวเขามีสามีคอยดูแลยังหลบลี้หนีผู้คนแทบตาย... “ก็แค่เวลาที่มีความทุกข์ใจและกังวลมาก ๆ ขอรับ” นานมาแล้วตั้งแต่ปีแรกที่พี่รองรู้ว่าตัวเองเป็นคนประหลาด อาการก็จะเป็นแบบนี้อยู่นานนับปี จะดีขึ้นก็ตอนได้ฝึกปรุงยาและมาเป็นอีกเมื่อไม่นานมานี้เอง ก็คงเป็นตอนที่ได้รู้จักกับท่านแม่ทัพนั่นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD