กว่าจะกลับมาถึงเรือนในหุบเขาหนานตงก็ใช้เวลานานกว่าที่เคยเป็น เพราะต้องคอยระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิมและดูว่าจะมีคนตามมาอีกหรือไม่ หากครั้งนี้คนของเขาไม่ได้ติดตามมาด้วยก็คงจะแย่อยู่เหมือนกัน ถ้าพวกเขาถูกตามตัวเจอคราวนี้คงได้ย้ายออกจากหุบเขาแน่แล้ว พี่น้องแต่ละคนก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเขาและภรรยาง่าย ๆ เสียด้วย หากตัวเขาไม่ได้มีความสำคัญจนฝ่าบาทให้ค่ามากกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ เรื่องยุ่งยากก็คงจะไม่เกิด และตัวเขากับภรรยาก็คงไม่ต้องหลบซ่อนตัวถึงขนาดนี้
“ท่านพ่อ ทำไมถึงกลับมาช้านักล่ะ”
“เสี่ยวจุ้น ท่านแม่กับท่านน้าอยู่ไหนหรือ” หนานตงถามบุตรชายเพราะกลัวว่าทั้งสามจะพากันเผลอออกไปนอกพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย ถึงแม้จะมีองครักษ์มากมายกระจายกำลังกันอยู่ทั่วป่าก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจะวางใจได้
“ท่านแม่กับท่านน้าอยู่ที่สวนสมุนไพรโน่นขอรับ เราไปหาท่านแม่กันเถอะ” เสี่ยวจุ้นตัวน้อยรีบเกาะกุมมือใหญ่ของบิดาแน่น แล้วลากจูงให้ไปตามทางเดินสู่สวนสมุนไพร หนานตงรู้สึกโล่งใจที่เห็นทั้งสามยังปลอดภัยดี น่าแปลกดีทั้งที่สามคนนั้นเป็นบุรุษแท้ ๆ แต่ตัวเขากลับไม่เคยมองเป็นบุรุษสักนิด แต่ก็ไม่ได้มองเป็นสตรีเช่นกัน พวกเขาดูงดงามแตกต่าง หวังว่าแม่ทัพชิวหานจะมองเห็นความพิเศษของซุนหวางอย่างที่เขามองเห็น และคงจะไม่มองเห็นแค่ความงามอย่างเดียวหรอกนะ
“ท่านแม่ขอรับท่านพ่อกลับมาแล้ว” เสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวจุ้น ทำให้บุรุษร่างบางทั้งสามเงยหน้าขึ้นและมองหาที่มาของเสียง
“ท่านพี่ทำไมถึงกลับช้านักขอรับ หรือว่ายาของซุนหวางมีปัญหา” ลั่วจินถามสามีทั้งยังอยากรู้สาเหตุที่ทำให้สามีกลับบ้านช้ากว่าที่เคย ถึงแม้จะรู้ว่ายาของซุนหวางนั้นดีแค่ไหน แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะกลัวน้องชายจะเสียใจหากยาพวกนั้นขายไม่ได้
“ยาของซุนหวางไม่ได้มีปัญหา เถ้าแก่ซีรับยาทั้งหมดไว้ด้วยซ้ำและยังได้ราคางามอีกด้วย ตอนนี้กลับเข้าเรือนกันก่อนเถอะ” ถึงจะบอกภรรยาด้วยรอยยิ้ม แต่สีหน้ากลับไม่ได้ยิ้มตาม เพราะยังมีความกังวลหลงเหลืออยู่ พอทุกคนมาถึงเรือนหนานตงจึงได้เปิดการสนทนาทันที
“ซุนหวาง เสี่ยวฟง วันนี้อย่าพากันลงเขาเลยนะ”
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นขอรับ”
เมื่อถูกภรรยาถามหนานตงก็ไบอกพวกเขาตามความเป็นจริง อย่างน้อยพวกเขาจะได้ระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนซุนหวางและเสี่ยวฟงเขาคงต้องให้อยู่ที่นี่อีกสักพัก เห็นทีจะต้องสร้างห้องเพิ่มให้ทั้งสองแล้วกระมัง และเขาก็อยากให้น้องของภรรยามาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่เลย ตั้งแต่มีซุนหวางและเสี่ยวฟงเป็นน้องชายภรรยาของเขาดูจะมีชีวิตชีวาและมีความสุขมากกว่าแต่ก่อน เสี่ยวจุ้นก็อีกคน
“พี่เขยแล้วอาโหรวของข้าล่ะจะอยู่อย่างไรขอรับ” อาโหรวก็คือม้าตัวงามที่นายกองเหวินเจี๋ยช่วยเลือกให้ในตอนนั้น และเป็นอาโหรวที่พาพวกเขาทั้งสองมาจนถึงหูเจียงได้อย่างปลอดภัย รวมถึงเขาคนนั้นด้วยที่มาช่วยเหลือพวกเขาได้ทันท่วงที กำลังพูดถึงเรื่องม้าอยู่ดี ๆ ไฉนจึงไปคิดถึงคนได้นะ ซุนหวางได้แต่ปลงกับความคิดของตัวเอง
“เจ้าหมายถึงม้าตัวนั้นหรือ อย่าได้ห่วงเลยข้าให้คนไปเฝ้าเรือนของพวกเจ้าแล้ว อาโหรวจะกินอิ่มและปลอดภัย ซุนหวาง หากสงสัยสิ่งใดก็ถามมาเถอะ” หนานตงเห็นหน้าของน้องภรรยา ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา เหมือนอยากจะถามสิ่งใดแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากถามออกมาเสียทีเขาจึงเปิดทางสะดวกให้ หากซุนหวางอยากรู้สิ่งใดเขาจะบอกให้หมด
“พี่เขยเป็นใครขอรับ ทำไมถึงถูกตาม ไม่ใช่แค่หมอธรรมดาใช่หรือไม่”
“อืม..หากเจ้าพอจะสังเกตบ้าง ข้าใช้แซ่หนานใช่ไหม”
“ราชวงศ์หนานแห่งแคว้นหนานหรือ เอ่อ..แล้วพวกเราควรเรียกท่านว่าอย่างไรดีขอรับ”
โป๊ก!
“อ๊า เจ็บ” เขกมาได้เขาก็แค่ถาม ทำไมคนผู้นี้ถึงไม่อ่อน โยนเหมือนตอนคุยพี่ใหญ่บ้างนะ
“บังอาจนัก! พอรู้ฐานะของข้าพวกเจ้าก็จะตีตัวออกห่าง และพร้อมจะเปลี่ยนไปเลยหรือ ข้าก็คือพี่เขยของพวกเจ้าและเป็นหมอ เป็นพ่อของเสี่ยวจุ้นและเป็นสามีของอาจินเช่นเดิม จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเข้าใจกันหรือยัง”
“เข้าใจแล้วขอรับพี่เขย” ซุนหวาง/เสี่ยวฟง ต่างก็ตอบรับพร้อมเพรียงกันอย่างแข็งขัน
“ท่านพี่จะดุน้อง ๆ ทำไม มีใครบ้างที่ไม่กลัวคนในราชวงศ์ ดูสิ..ท่านเขกหัวน้องข้าจนหัวปูดหมดแล้ว คอยดูเถอะข้าจะตีท่านคืน”
ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
“ตามใจเจ้าเมียรัก ข้าจะให้เจ้าตีทั้งคืนยังได้เลย”
“.........” ลั่วจินเงียบและนิ่งคิด ‘นี่เขาพูดสิ่งใดออกไป สามีของเขาคงไม่ได้เข้าใจเป็นอย่างอื่นหรอกนะ’
“ให้ข้าช่วยตีท่านพ่อด้วยไหมขอรับท่านแม่”
“ไม่ดี..คืนนี้เสี่ยวจุ้นต้องไปนอนกับท่านน้า ที่บ้านต้นไม้นะ พ่ออนุญาต”
“โอ้..จริงนะขอรับท่านพ่อ”
“..........” ลั่วจิน ‘นั่นปะไร เขาบิดเบือนคำพูดของข้า’
อยู่บ้านในหุบเขามาหลายวัน กิจวัตรของซุนหวางก็อยู่แต่ในห้องปรุงยานั่นแหละและก็อยู่อย่างนั้นทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นการหมกมุ่นเสียมากกว่า หนานตงไม่รู้หรอกว่าซุนหวางกำลังทดลองปรุงยาอะไรกันแน่ แม้จะสูญเสียสมุนไพรไปตั้งมากมายเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ เด็กคนนี้ไม่ยอมหลับยอมนอนเลยน่ะสิ
“เสี่ยวฟง..ซุนหวางเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือ” ลั่วจินเห็นน้องคนรองขลุกอยู่แต่ในห้องปรุงยาทั้งวัน ได้แต่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่อย่างน้อยก็ยังมีพี่ตงคอยดูแลอยู่ลั่วจินถึงได้เบาใจไปบ้าง
“ขอรับพี่ใหญ่ แต่พักหลังมานี้ก็ไม่ค่อยเป็นแล้วขอรับ นอกเสียจากว่าจะทำเพื่อให้ลืมคิดถึงใครบางคน”
“เจ้าหมายถึงแม่ทัพชิวหานนะหรือ”
“คงจะใช่ขอรับ ฮิ ฮิ” อาฟงไม่ได้นินทาพี่รองนะ เรื่องของท่านแม่ทัพน่ะทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เสี่ยวฟงก็เลยพูดถึงท่านแม่ทัพได้อย่างสบายใจเสียที
“น้องรองรักคนผู้นั้นมากเลยหรือ”
“ข้าก็ไม่รู้ขอรับ” ดูจากอาการแล้วก็คงไม่น้อยนักหรอก ตอนก่อนจะนอน เขาก็เห็นพี่รองเอาหยกพกออกมาดูบ่อย ๆ หาก ไม่รักแล้วจะเรียกว่าอะไรได้ล่ะ
ห้องปรุงยา…
“ซุนหวาง เจ้าควรพักบ้างพี่ของเจ้าเป็นห่วงมากนะ”
“พี่ตงข้า...”
ฟุบ!
“ซุนหวาง!” หนานตงตกใจมาก ที่อยู่ดี ๆ น้องภรรยาก็ฟุบหมดสติไปต่อหน้าต่อตา เขาจึงรีบเข้าไปประคองเจ้าตัวเล็กขึ้นมา และกำลังจะอุ้มออกไป จากนั้นถึงได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง ‘เลือด! ซุนหวางบาดเจ็บหรือ’ ความเป็นห่วงยิ่งเพิ่มขึ้นเขาไม่เข้าใจว่าซุนหวางไปทำอะไรมา ถึงได้บาดเจ็บจนได้เลือดขนาดนี้หรือเขาดูแลน้องไม่ดี หนานตงรีบอุ้มเจ้าตัวเล็กวิ่งไปหาภรรยาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่ ซุนหวางเป็นอะไรขอรับ”
“ซุนหวางได้รับบาดเจ็บ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บตอนไหน” เสียงร้องโวยวายของลั่วจินดังเข้าไปถึงในครัว ทำให้เสี่ยวฟง และเสี่ยวจุ้น รีบวิ่งมาที่ห้องโถงของเรือน พอมาถึงก็เห็นสภาพของซุนหวางหมดสติอยู่แล้วทั้งเนื้อตัวช่วงล่างก็เต็มไปด้วยเลือด
ลั่วจินกำลังจะพยายามเปิดผ้าเพื่อจะดูแผล แต่ถูกเสี่ยวฟง หยุดยั้งเอาไว้ก่อน
“พี่ใหญ่อย่าเพิ่งขอรับให้ข้าทำเองเถอะ แล้วก็..พี่เขยท่านออกไปก่อนได้ไหมขอรับ”
“เสี่ยวฟงข้าเป็นหมอนะ หากไม่มีข้าแล้วใครจะเป็นคนรักษาซุนหวาง”
“พี่เขยเชื่อข้าเถอะพี่รองไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เป็นอาการเดียวกันกับที่พี่ใหญ่เป็นเท่านั้นเอง”
“เป็นอาการแบบเดียวกันกับพี่หรือ ถ้าอย่างนั้นซุนหวาง ก็เป็น..”
“อย่างที่พี่ใหญ่คิด พี่รองมีรอบเดือนขอรับ” ‘อ่าา..พี่รองข้าขอโทษด้วยมันจำเป็นจริง ๆ นะ’ คงจะปกปิดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เสี่ยวฟงจึงบอกความจริงออกไปอย่างน้อยที่นี่ก็คือที่ปลอดภัยที่สุด
“เป็นแบบนี้นี่เองแล้วซุนหวางเริ่มมีรอบเดือนตั้งแต่เมื่อ ไหร่” ลั่วจินถามน้องชายคนเล็ก และพอจะเข้าใจเรื่องที่น้องชายคนรองเก็บงำความทุกข์เอาไว้กับตัวบ้างแล้ว
“ตั้งแต่สี่ปีที่แล้วขอรับ ให้ข้าจัดการพี่รองก่อนเถิดนะ”
“ข้าจะอุ้มเข้าไปในห้องให้” หนานตงรีบอุ้มซุนหวางเข้า ห้องเพื่อเสี่ยวฟงจะได้ทำงานสะดวกยิ่งขึ้น
“ท่านพี่ไม่ใช่มีแค่ข้าหรอกหรือ นี่มันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ทำไมซุนหวางถึงได้เป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงมีบุรุษต้องสาปถึงสองคนหรือบันทึกทึกนั่นจะไม่เป็นความจริง เพราะเหตุนี้สินะซุนหวางถึงได้ปรุงยานั่นขึ้นมาได้ แล้วเรื่องนี้แม่ทัพชิวหานจะรู้หรือไม่ แล้วถ้าเขารู้จะเกิดอะไรขึ้นกับซุนหวาง”
“อาจิน เจ้าอย่าเพิ่งคิดไปไกล พวกเขาแค่คบหากันเท่านั้นนะ” หนานตงเตือนสติภรรยาที่เริ่มจะกังวลกับเรื่องของน้องชาย
“อื่อ..ข้าก็หวังว่าเขาจะเป็นเหมือนท่าน” ลั่วจินอยากให้ท่านแม่ทัพชิวหานเป็นเหมือนกับหนานตง ที่ไม่เคยคิดจะรังเกียจคนประหลาดอย่างเขา หากเป็นเช่นนั้นซุนหวางก็จะมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น เห็นน้องชายมีสีหน้าเศร้าหมองทุกครั้งเขาก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน นี่สินะสาเหตุของสีหน้าอมทุกข์นั่น
ครืดดด...
“เรียบร้อยแล้วหรือเสี่ยวฟง”
“ขอรับพี่ใหญ่ พี่รองไม่เป็นอะไรแล้ว หากมีอาการเหนื่อยหรือเพลียมาก ๆ ก็จะหลับยาวจนถึงเช้าขอรับ”
“ซุนหวางเป็นเช่นนี้บ่อยหรือ” ฟ้าดินช่างเล่นตลกอะไรถึงได้มอบน้องชายที่มีสภาพเดียวกันมาให้เขา หากไม่มีเสี่ยวฟงและตัวเขากับพี่ตงเด็กน้อยคนนี้จะมีชีวิตอยู่แบบใดกันนะ ขนาดตัวเขามีสามีคอยดูแลยังหลบลี้หนีผู้คนแทบตาย...
“ก็แค่เวลาที่มีความทุกข์ใจและกังวลมาก ๆ ขอรับ” นานมาแล้วตั้งแต่ปีแรกที่พี่รองรู้ว่าตัวเองเป็นคนประหลาด อาการก็จะเป็นแบบนี้อยู่นานนับปี จะดีขึ้นก็ตอนได้ฝึกปรุงยาและมาเป็นอีกเมื่อไม่นานมานี้เอง ก็คงเป็นตอนที่ได้รู้จักกับท่านแม่ทัพนั่นแหละ