ถูกลบออกจากผังตระกูลซุน

1764 Words
เพล้ง!!! เสียงขว้างแจกันกระเบื้องกระทบพื้นดังออกมาจากเรือนใหญ่ของตระกูลซุน ผู้ที่กระทำก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือนายท่านผู้เป็นประมุขของจวนนามซุนหมิง ซุนหมิงเป็นชายวัยกลางคน เขาคือเจ้าของกิจการหอยาเซียนซุน หอยาเซียนซุนถือเป็นร้านขายยาและเป็นร้านรับซื้อขายสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง กิจการที่ใหญ่โตของเขาโดยส่วนมากจะได้ลูกค้าที่มาจากวังหลวงทั้งนั้น ทั้งยังได้คู่ค้าที่สำคัญมากคือกองทัพหลวงโดยมีขุนนางใหญ่บางคนเอื้อผลประโยชน์ให้และคอยหนุนหลังอยู่อย่างลับ ๆ “หากว่าเจ้าไม่ดื้อด้านเก็บมันเอาไว้มีหรือเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น ต่อไปตระกูลซุนจะเป็นอย่างไรเจ้ารู้บ้างหรือไม่ เราจะถูกผู้คนรังเกียจ ไหนจะกิจการค้าขายที่อาจจะพังพินาศลง ข้าจะให้ตระกูลซุนต้องมาจบสิ้นเพราะมันไม่ได้” ซุนหมิงตวาดภรรยาที่มักจะใจอ่อนกับเรื่องของซุนหวางเสมอ ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่ามันคือลูก แต่ลูกที่มีสิ่งอัปมงคลติดตัวมาเช่นนี้รังแต่จะนำความฉิบหายวายวอดมาให้เขาและคนในตระกูลก็เท่านั้น “แล้วเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะท่านพี่ ถ้าเช่นนั้นเราซ่อนเขาไว้ในจวนไม่ให้ออกไปไหนได้หรือไม่เจ้าคะ” ลี่เจียวเสนอแนะ แม้นางจะเลิกใส่ใจซุนหวางไปแล้ว แต่อย่างไรเด็กนั่นก็คือบุตรที่นางอุ้มชูเมื่ออยู่ในครรภ์และเบ่งให้เขาออกมาดูโลก หากจะไม่ให้สนใจเลยมันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องราวของซุนหวางทำให้ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของนางต้องสั่นคลอน นางก็ต้องเลือกทำตามในสิ่งที่สามีต้องการ จะอย่างไรนางยังมีซุนเหว่ยบุตรชายคนโตที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลซุนคนต่อไปอยู่แล้ว “แล้วทุกวันนี้มันได้ออกไปไหนหรือไม่ล่ะฮูหยิน ทำไมผู้คนถึงระแคะระคายและเริ่มสงสัยว่าจวนของเราแอบซ่อนบุรุษต้องสาปเอาไว้ ฮึ! กาลกิณีแท้ ๆ ให้คนไปตามตัวมันมา นับจากนี้ไปซุนหวางจะต้องไม่มีตัวตนอยูในตระกูลซุนอีกต่อไป” เหตุใดกันหนอ บิดาและมารดาถึงได้รังเกียจเดียดฉันท์บุตรในอุทรถึงเพียงนี้ แค่เพราะเขาผิดแปลกจากคนอื่นเช่นนั้นหรือ... เรือนเล็กท้ายจวน... “คุณชายน้อย มีคนจากเรือนใหญ่มาตามให้ไปพบนายท่านขอรับ” เสี่ยวฟงรี่เข้ามารายงานเจ้านายด้วยใบหน้าที่เบิกบาน สี่ปีมาแล้วที่คุณชายของเขาไม่เคยได้พบหน้านายท่านและฮูหยินเลย หากถูกเรียกหาเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องดีแน่ ๆ บางทีนายท่านทั้งสองอาจจะเข้าใจและเห็นใจคุณชายของเขาแล้วก็เป็นได้ ทว่า ความคิดของซุนหวางนั้นกลับต่างจากความคิดของเสี่ยวฟงโดยสิ้นเชิง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบิดาจะเรียกหาด้วยเรื่องอันใด แต่ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดดอย่างแน่นอน “ไปกันเถอะอาฟง” ซุนหวางพูดจบก็เดินนำหน้าบ่าวตัวน้อยไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเส้นทางที่เดินไปสู่เรือนใหญ่ บ่าวไพร่ชายหญิงหลายคนต่างพากันวิ่งหลบหนีด้วยท่าทีที่หวาดกลัว บ่าวบางคนที่เพิ่งมาใหม่กลับจ้องมองด้วยความตะลึงพรึงเพริดและแสดงสีหน้าฉงนออกมา “คุณชายผู้นี้คือใครกัน จวนแห่งนี้มีคุณชายที่งดงามเช่นนี้ด้วยหรือ” บ่าวที่มาใหม่คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะเขามาอยู่ที่นี่นานหลายเดือนแล้วแต่ไม่เคยพบคุณชายผู้นี้มาก่อน ช่างงดงามยิ่งนักหากพบเจอยามค่ำคืนเขาคงคิดว่าเป็นปีศาจจำแลงมาแน่แล้ว “หยุดมองบัดเดี๋ยวนี้หากแกไม่อยากถูกสาป แล้วก็ปิดปากแกให้สนิทอย่าให้ใครได้รู้ว่าแกพบสิ่งใดในจวนหลังนี้” บ่าวชายคนเก่าคนแก่กล่าวตักเตือนเมื่อบังเอิญมาได้ยินสิ่งที่บ่าวผู้มาใหม่กำลังสงสัย ตลอดเส้นทางเดินซุนหวางจะได้ยินคำพูดเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาแต่เขาหาได้ใส่ใจไม่ ความรู้สึกรันทดหดหู่ในหัวใจที่เคยมีมันหมดไปนานหลายปีแล้ว “พวกนั้นเป็นบ่าวแท้ ๆ กล้าดีอย่างไรมาพูดถึงคุณชายเช่นนี้” เสี่ยวฟงทำเสียงฮึดฮัดกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “อย่าได้ใส่ใจ” ซุนหวางเอ่ยกับคนของตนแล้วจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อเสี่ยวฟงจะได้สนใจกับการเดินมากกว่าคอยเงี่ยหูฟังเสียงนกเสียงกาเหล่านั้น ไม่นานร่างเพรียวบางอันงดงามก็ได้มาหยุดที่หน้าจวนหลังใหญ่ และเขาหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อสายตามองเห็นผู้เป็นบิดาและมารดากำลังเดินออกมายังหน้าเรือน “คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” “มาแล้วก็ดีข้าจะไม่จะพูดให้มากความ รีบออกไปจากตระกูลซุนซะ ข้าได้ลบชื่อของเจ้าออกจากผังตระกูลแล้ว จากนี้เจ้าไม่ใช่ซุนหวางของตระกูลซุนแห่งเมืองหลวงอีกต่อไป จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เมืองหลวง แล้วห้ามแอบอ้างตระกูลซุนและหอยาเซียนซุนเป็นอันขาด” ตุ๊บ! ผู้นำตระกูลซุนออกคำสั่งพร้อมกับโยนถุงเงินไว้ตรงหน้าของเด็กหนุ่ม ซึ่งเขาไม่อยากจะเรียกมันว่าบุตรเลยแม้แต่น้อย “เงินนี้ข้าให้ไว้ใช้จ่ายคงจะพออยู่ได้เป็นเดือนกระมัง ทั้งที่คนไร้ประโยชน์เช่นเจ้าไม่สมควรจะได้รับด้วยซ้ำ” “ขอบคุณขอรับ แล้วข้าจะต้องคืนแซ่ซุนให้ท่านด้วยหรือไม่ขอรับ” ซุนหวางถามออกไปด้วยท่าทีที่เฉยชา “ไม่จำเป็นเมื่อถูกตัดออกจากตระกูลแล้วจะใช้แซ่ไหนเราก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกจำเอาไว้ ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ข้าให้เวลาเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น” สั่งการเสร็จสรรพเรียบร้อย สองสามีภรรยาก็เดินจากไปไกลแล้ว ซุนหวางได้แต่มองตามแผ่นหลังของผู้เป็นบิดาและมารดาเป็นครั้งสุดท้าย ภายในดวงตาไร้วี่แววแห่งความเสียใจ ซุนหวางระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะถอยหลังกลับและเดินไปตามเส้นทางเดิมที่เขาเพิ่งผ่านมาเมื่อครู่นี้ อะไรจะรวดเร็วปานนั้น สี่ปีไม่เคยพานพบแต่ใช้เวลาคุยกันไม่ถึงก้านธูปด้วยซ้ำ ซุนหวางจึงได้แต่แค่นหัวเราะอยู่ภายในอก [หนึ่งก้านธูป=15-30นาที แล้วแต่ความสั้นและความยาวของธูป] “ฮึก ๆ ฮือ ๆ คุณชายของอาฟง แล้วเราจะทำอย่างไรดีขอรับ” เสี่ยวฟงได้ยินทั้งหมดที่นายท่านซุนกล่าวกับคุณชายของตน เด็กน้อยจึงได้แต่ร้องไห้เพราะความสงสารเจ้านาย อายุก็ยังน้อยอยู่แท้ ๆ แต่ก็ต้องถูกขับไล่ออกจากตระกูลทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดด้วยซ้ำ แล้วคุณชายของเขาจะไปอยู่ที่ใดละทีนี้ ญาติมิตรหรือแม้แต่สหายก็ไม่เคยมีกับใครเขาเลย “หยุดร้องได้แล้วอาฟง หรือว่าเจ้ายังเสียดายและอยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกหรือ” ซุนหวางปรามบ่าวของตนที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่พร้อมกับพูดประชดออกไป เท่านั้นแหละเสี่ยวฟงถึงกับต้องเงียบเสียงลงอย่างกับคนที่ไม่เคยร้องไห้มาก่อน “ไม่นะขอรับ คุณชายอยู่ที่ไหนอาฟงก็จะอยู่ที่นั่นขอรับ” ‘เรื่องอะไรอาฟงจะอยู่ที่นี่ล่ะ ที่ร้องไห้ไม่ได้รู้สึกเสียดายสักหน่อยแต่สงสารคุณชายต่างหากเล่า’ เสี่ยวฟงค้อนในใจ “คุณชายไม่เสียใจบ้างหรือขอรับ” เสี่ยวฟงถามเพราะแปลกใจที่ไม่เห็นน้ำตาของซุนหวางแม้แต่หยดเดียว “ไม่เสียใจหรอก มีสิ่งใดที่ควรเสียใจกัน” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับเหยียดยิ้มเล็ก ๆ ความเสียใจของซุนหวางมันผ่านพ้นมาได้สี่ปีแล้วกระมัง ความเจ็บปวดที่ต้องทนแบกรับมันก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน หากว่าเขาเกิดมาไร้ซึ่งบิดาและมารดาคอยโอบอุ้มเขาคงไม่ต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้ สิบเอ็ดปีที่ถูกอุ้มชูมาด้วยความรักและเอาใจใส่จากคนรอบข้างมันช่างดีเสียนี่กระไรแต่พอเขามีสิ่งนั้นขึ้นมาทุกคนที่เขารักก็พากันหนีหน้าและหายไปไร้ซึ่งคนใยดี ซ้ำร้ายการถูกพูดจาเสียดสีและการทำร้ายร่างกายก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตใจที่บอบช้ำไร้ซึ่งคนปกป้องมันทำให้ใจของเขามีภูมิคุ้มกันที่ดี น้ำตาที่หลั่งไหลตลอดหนึ่งปีแรกนั้นจนถึงตอนนี้มันได้เหือดแห้งไปแล้ว “รีบ ๆ หน่อยนะเสี่ยวฟงเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน เรายังต้องเก็บของอีกมิใช่น้อย ไหนจะต้องหารถม้ารับจ้างอีก วันนี้คงต้องหาโรงเตี๊ยมนอนก่อน พรุ่งนี้ก็ค่อยคิดว่าจะไปทางไหนกันดี” จะว่าไปเขาก็ไม่มีสิ่งของมีค่าอันใดให้ต้องเก็บ นอกจากอุปกรณ์และวัตถุที่ใช้ปรุงยาเท่านั้นที่สำคัญสำหรับเขา เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้หรือก็เก่ามากแล้วคงต้องได้ซื้อหามาใหม่ทั้งหมด “ขอรับคุณชาย” เสี่ยวฟงตอบรับอย่างดีใจ เขาได้เห็นแล้วว่าคุณชายน้อยไม่ได้เสียใจอย่างที่เขาเป็นกังวล ที่เรือนใหญ่... “หยุดร้องไห้ได้แล้วฮูหยิน หรือเจ้าต้องการจะตามมันไปอีกคน” “ไม่นะท่านพี่ข้าไม่ร้องแล้ว ข้าแค่รู้สึกสงสารเท่านั้นเองเพราะเขายังเด็กอยู่เลย” “พรุ่งนี้ให้คนไปรื้อเรือนหลังนั้นทิ้งเสีย อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงที่จวนแล้ว อย่าให้เหลือร่องรอยใด ๆ ให้ผู้คนสงสัยได้เป็นอันขาด ปิดปากพวกบ่าวไพร่ให้สนิทด้วย ทำให้ดีล่ะฮูหยินหากเจ้ายังอยากจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป” เพื่อตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของจวนแล้วไม่ว่าสามีจะสั่งให้นางทำสิ่งใดนางก็ยอมทำทั้งนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD