เจินไป๋เจียกำลังนอนรอวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยใจที่สงบสุข
ในที่สุดเธอก็กำลังจะหลุดพ้น
ก่อนหน้าที่อดทนเพราะบุตรชายที่ยังเล็ก ตอนนี้เห็นลูกมีครอบครัวมีคนดูแลแล้วเธอก็สบายใจไร้ห่วงไร้กังวล
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วงลูกจะใช้ชีวิตให้ดีสมกับที่ท่านได้มอบให้”
บุตรชายของนางย่อมรู้ถึงความเจ็บซ้ำของมารดา
“แม่รู้ แม่รู้ หรงเอ๋อร์ต่อไปต้องดูแลตัวเองให้ดี ชิงเอ๋อร์ดูแลกันและกันและลูก”
“ค่ะ ท่านแม่พวกเราสัญญา”
จวบจนวันนี้หรงหรงก็ยังไม่เห็นหน้าบิดา
เจินไป๋เจียกลับไม่อยากให้คนคนนั้นมาสักนิด คนที่ทำให้ชีวิตเธอพังพินาศ
ทำให้เธอกลายเป็นโลกใบที่สอง เธอไม่เคยรู้ความจริงเลยว่า สามีที่เธออยู่กินมาด้วยจวบจนลูกได้ 3-4 ขวบ จวบจนวันที่จะพาลูกเข้าโรงเรียนเธอถึงได้รู้ว่าสามีมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว
เธอโดนภรรยาเอกประจานครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะเลิกรากันไป ทว่าลูกน้อยก็ยังต้องมีพ่อ อาชีพเภสัชกรของเธอก็ไม่เจริญก้าวหน้าเพราะเมียเอกตามราวีเธอไปทุกที่
ทั้งที่เธอไม่ใช่คนผิดและทุกคนเหมือนจะเข้าใจ แต่สายตาที่มองล้วนทำให้เกิดภาวะหลอน สุดท้ายเธอก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เกือบจะฆ่าตัวเองตายก็หลายครั้ง
หากไม่มีลูกชายเธอคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อใจป่วยร่างกายก็ป่วย จนวันนี้เธอจะได้หลุดพ้นเสียที และแล้วเธอก็รู้สึกว่ากำลังล่องลอย เสียงร้องให้เหมือนฟ้าถล่มแว่วอยู่ไกล ๆ ทว่าเท้ากำลังค่อยเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ
สายทางเดินที่ทอดยาวพาเธอมาพบกับผู้นำวิญญาณ
“เจินไป๋เจีย อายุ 56 ปี เสียชีวิตด้วยอาการป่วย เจ้ามีอะไรที่ปรารถนาหรือไม่”
“ข้าขอเรียกร้องความเป็นธรรม ทั้งชีวิตข้าไม่เคยก่อกรรมทำเข็ญ ทำไมให้ข้าต้องมาเจออะไรแบบนี้”
“บุญกรรมย่อมมีหลายชาติพัวพัน ชาตินี้เจ้าได้ชดใช้กรรมแล้วชาติถัดไปจะได้เสวยสุข”
“ท่าน แล้วข้าจะลืมเลือนอดีตชาติหรือไม่”
“เจ้าอยากจดจำอดีตได้?? การลืมเลือนเป็นสิ่งที่ดีการจดจำอาจจะทำให้ชะตาเจ้าเปลี่ยนไป”
“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะได้เสวยสุข ข้าไม่อยากจะเดินทางผิดอีกครั้ง”
“ฮ่า ฮ่า ในเมื่อเราต้องการเช่นนั้นข้าจะมอบความทรงจำเดิมให้เจ้า ตลอดชีวิตเจ้าไม่เพียงแต่ชดใช้เวรกรรมแต่ยังได้สร้างบุญกุศลอย่างต่อเนื่อง ความดีไม่ใช่สิ่งที่ทำยาก แต่มันคือสิ่งที่เล็กน้อยที่ทำในช่วงชีวิตลำบากต่างหาก"
“เอาล่ะเจ้าไปได้”