เรื่องหย่าไม่ใช่เจินไป๋เจียไม่ใส่ใจ
ทว่าสิ่งที่จำเป็นตอนนี้คือนางต้องฝึกปรือวิชา
การเป็นผู้มีฝีมือวาจาถึงจะมีสิทธิ์ต่อรอง หากใช้ตระกูลอันหรือราชอำนาจจากไทเฮายิ่งทำให้คนอื่นดูแคลน และด้วยสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งไม่อาจจะทำอะไรได้ดั่งใจ
“พรุ่งนี้แล้ว มันจะต้องสำเร็จข้าจะต้องทำให้ได้”
เจินไป๋เจียบอกให้กำลังใจตนเองนางแล้วรีบพักผ่อน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องเจอกับอะไรบ้างนางต้องเก็บแรงไว้ให้มาก
ตะวันยังไม่ทอแสงนภายังคงมืด ทว่าชิงอีก็เข้ามาปลุกหญิงสาวแล้ว
“คุณหนูได้เวลาได้ ท่านต้องรีบไปลงทะเบียนและจับสลากอันดับนะเจ้าคะ"
เจินไป๋เจียยังพลิกตัวไปมางัวเงีย เมื่อคืนเพราะตื่นเต้นมากเกินไปทำให้นางนอนไม่หลับ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะสดชื่นกว่านี้ก็กลายเป็นเช่นนี้ไปได้ สุดท้ายจึงได้หยิบอุปกรณ์ออกมาเพื่อกระตุ้นร่างกาย
“คุณหนูนี่คือชาชนิดใดกันเจ้าคะ"
ชิงอีถามเจินไป๋เจียด้วยความสงสัย
“สิ่งนี้เรียกว่ากาแฟ ขั้นตอนเหล่านี้คือวิธีการดริป รอว่าง ๆ ข้าจะสอนพวกเจ้าเอง”
เจินไป๋เจียยืดอกตอบด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ด้วยพลังปราณธาตุดินขอแค่นางระลึกถึงก็สามารถปลูกทุกสิ่งอย่างได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเมล็ดตอนนี้พลังของเธอยังอยู่เพียงระดับต้นทำให้ปลูกได้เพียงพืชที่ชาวบ้านเพาะได้เท่านั้น
ชิงอี ชิงอิง มองคุณหนูของนางด้วยสายตาชื่นชม ยกย่องและเทิดทูนนับวันคุณหนูของนางยิ่งเก่งกาจ
ในขณะที่เจินไป๋เจียลงทะเบียนขอประลองกับชั้นปี 4 เด็กสาวคนเดิมก็จ้องมองอย่างดูแคลนนางรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจินไป๋เจียตั้งแต่วันแรกที่นางมาสมัครเป็นเด็กฝึก ความมคิดต้องการอยากจะสั่งสอนก็ผุดขึ้นทันที
เด็กปี 1 ที่ลงทะเบียนส่วนมากจะขอประลองกับพี่ปี 2
และปี 2 ก็ขอประลองกับปี 3
ก็ตามลำดับ ปี 3 ก็ขอประลองกับปี 4
มีเพียงเจินไป๋เจียเท่านั้นที่คล้ายทำอะไรไม่เจียมตัวเอง คู่อื่น ๆ เหล่าลูกศิษย์อาจารย์ก็พากันไปดูและให้กำลังใจกันตามชั้นปี ทว่ามีเพียงคู่ของเจินไป๋เจียเท่านั้นที่ทุกคนมามุงดูความล้มเหลวของนาง
“ไป๋เจียเจีย เด็กใหม่ที่เข้ามาไม่ถึงเดือนนะเหรอที่จะประลองคู่กับศิษย์เอกอันดับหนึ่งอย่างพี่เหมยฮว่า"
หนึ่งในลูกศิษย์เอ่ยถามขึ้น
“แล้วแบบนี้จะมีอะไรให้ลุ้น แค่เห็นรายชื่อก็รู้แพ้ชนะแล้ว”
หนึ่งในนั้นก็แย้งขึ้นเช่นกัน
“เจ้าเคยเจอไป๋เจียเจียหรือไม่ เขาว่านางงดงามยิ่งนัก”
“ไอ้บ้า ความงามมาเกี่ยวอันใด”
เหล่าลูกศิษย์ก็มองเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาประหลาด
“สำหรับข้า คนงามย่อมดีที่สุด”
เสียงกระซิบแม้จะแผ่วเบาแต่กระนั้น เจินไป๋เจียและเหมยฮว่าก็ได้ยินชัดเจน เจินไป๋เจียยิ้มอย่างพอใจ แค่ความงามนางก็ชนะแล้ว
หากได้เห็นฝีมือของข้าพวกเจ้าต้องตกตะลึง การแข่งขันต้มโอสถในครั้งนี้สำหรับระดับชั้นผู้ปรุงโอสถทั่วไป เป็นการปรุงเลือกสมุนไพรและขั้นตอนการเคี่ยวในส่วนผสมที่พอเหมาะให้สมุนไพรต้านและเสริมกันอย่างลงตัว
เพื่อความยุติธรรมทั้งสมุนไพรและหม้อต้ม หอโอสถล้วนจัดเตรียมไว้ให้อาจารย์ที่ทำหน้าที่คัดเลือกวันนั้นก็มาเป็นคณะกรรมการบนเวทีวันนี้เช่นกัน
แม้สำหรับเหล่าอาจารย์และปรมารย์ของหอโอสถหลายท่านจะไม่ได้เข้าร่วมชม กระนั้นก็ยังมีเหล่าอาจารย์อีกหลายสิบท่าน เข้าร่วมชมเพื่อคัดเลือกศิษย์เอกของตนเอง
หนึ่งในนั้นคืออันลู่จื้อ ลูกพี่ลูกน้องของเจินไป๋เจีย แม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งแต่เขาก็ยังจำได้ว่าผู้ประลองคนนั้นคือ
องค์หญิงเจินไป๋เจีย นางมาก่อกวนอะไรในที่นี่
“ไปแจ้งท่านลุงอันหวง ว่าองค์หญิงเจินไป๋เจียกำลังเข้าประลอง”
เขาหันไปบอกคนสนิทที่อยู่ข้างกาย
ที่ใดมีองค์หญิงเจินไป๋เจีย ที่นั่นมีความวุ่นวาย วาจานี้ไม่ได้แต่งตั้งขึ้นโดยไม่มีมูล ทั้งที่ตบแต่งออกไปเป็นฮูหยินแล้วนางยังซุกซนไม่เลิก
แววตาของอันลู่จื้อไม่ได้ปกปิดสายตาดูแคลนเบื่อหน่ายญาติตัวเองแม้แต่น้อย
“โจทย์แรก คือ การปรุงโอสถสำหรับผู้ที่อาการเหนื่อยหอบไร้เรี่ยวแรงและนอนหลับไม่ค่อยสนิท”
เจินไป๋เจียเดินไปคัดเลือกสมุนไพรด้วยท่าทีสบาย ๆ สมุนไพรที่นางเลือกไม่ใช่ตัวล้ำค่าแต่อย่างไร
“ข้าว่า คนงามของเจ้าแพ้ราบคาบแน่แล้ว ดูสิสมุนไพรที่นางเลือกล้วนไม่ได้เรื่อง”
ทว่าเหล่าอาจารย์ที่อยู่บนแท่นสูงกลับรู้สึกตื่นเต้นคาดหวังอะไรบางอย่าง สมุนไพรที่เจินไป๋เจียเลือกนั้นเป็นสูตรลับของหอโอสถแต่มีเพียงคนที่มีพลังลมปราณธาตุน้ำเท่านั้นที่จะสามารถปรุงยาตัวนั้นออกมาได้
เหมยฮว่ายกปากยิ้ม
การแข่งขันครั้งนี้นางคงไม่ต้องเปลืองแรงเท่าใด
ก่อนที่จะวางหินอัคคีเข้าไป เจินไป๋เจียใช้มือโอบหม้อขึ้นมาเปลี่ยนน้ำในหม้อให้เป็นน้ำจากพลังลมปราณแทน เมื่อน้ำในหม้อต้มกำลังเริ่มอุ่น นางก็เด็ดสมุนไพรทิ้งลงไปคล้ายเด็กกำลังเล่นต้มน้ำ
ต่างจากเหมยฮว่าที่ควบคุมจำนวนหินอัคคี ในขณะที่น้ำเริ่มเดือดและจนน้ำเริ่มอุ่นพอเหมาะตัวสมุนไพรที่ผสมลงไปล้วนคำนวณมาอย่างดี
เสียงหัวเราะขบขันของเหล่าลูกศิษย์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งโอสถเริ่มส่งกลิ่นหอมอบอวล
“ทำไมข้ารู้สึกว่า กลิ่นหอมสมุนไพรที่ชวนให้สดชื่นผ่อนคลายจนรู้สึกจนอยากจะนอนลง กลิ่นนั้นออกมาจากหม้อต้มโอสถของคนงามใช่หรือไม่”
หลายคนเริ่มไม่มั่นใจหรือพวกเขาแค่สับสน เมื่อกรรมการบอกว่าหมดเวลา เหล่าอาจารย์ที่อยู่บนแท่นนั่งก็ต่างพากันกรูลงมา
“เจ้าเป็นผู้มีลมปราณธาตุน้ำรึ”
พวกเขาต่างแย่งกันพูดคุยกับเจินไป๋เจีย และมองดูโอสถในตำนานหากได้ดื่มคงให้พลังสดชื่นไม่เบา อาจารย์เลี่ยงกำลังจะหยิบดื่มทว่าก็โดยอาจารย์จางสกัดเอา
“ท่านอย่าริคิดจะดื่มเพียงผู้เดียว”
สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนทำให้เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ข้างล่างเวที งงงวย..
เหมยฮว่ารู้สึกเสียหน้า ตอนนี้ไม่มีใครสนใจหม้อโอสถนางสักคน
อันลู่จื้อ เดินเข้ามากระซิบข้าง ๆ เจินไป๋เจีย
“องค์หญิงท่านต้องการจะทำอะไร” เจินไป๋เจียไม่รู้จักอีกฝ่ายจึงรู้สึกตกตะลึง เพราะชิงอีกับชิงอิงไม่อยู่ข้างกายนางจึงไม่มั่นใจว่าจะกล่าววาจาอันใด ทันใดนั้นอาจารย์อันหวง ซึ่งถือว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดของเหล่าอาจารย์ก็ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าตามข้ามา”
เหล่าอาจารย์และลูกศิษย์ต่างมองตามหลังของทั้งสามคน สุดท้ายศิษย์ที่เก่งที่สุดอันหวงก็ได้ครอบครองไป ภายหลังจากทุกคนจากไปชื่อเสียงของไป๋เจียเจียก็โด่งดังทันที
เจินไป๋เจียเดินตามหลังอาจารย์อันมาที่ห้องแห่งหนึ่ง เมื่อประตูห้องปิดลง อันหวงจึงเอ่ยพูดขึ้น
“ข้าคือลุงของเจ้า องค์หญิงเจินไป๋เจีย เจ้าจำไม่ได้รึ”
“หลานคารวะท่านลุงเจ้าค่ะ”
แล้วนางก็ชำเลืองไปมองบุรุษตั้งคำถาม
“ข้าอันลู่จื้อ เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าน”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“เจ้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร ในเมื่อตัวเองมีพลังลมปราณเจ้าแค่บอกต่อเหล่าผู้อาวุโสตระกูลอันอย่างไรตระกูลก็ต้องสนับสนุนเจ้า”
น้ำเสียงของอันหวงแฝงตำหนิทำไมต้องทำยุ่งยาก คนมีพลังวิเศษอย่างไรก็ย่อมแตกต่างไม่เดินเส้นทางธรรมดา
“ข้าไม่ใช่คนของตระกูลอันแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินหวน ข้ามาที่นี่ในฐานะไป๋เจียเจีย ขอท่านช่วยส่งเสริมข้าด้วย”
เหตุผลของเจินไป๋เจีย พลันทำทำให้อันหวงสายตาอ่อนโยนขึ้น ทุกคนย่อมมีเรื่องลำบากใจและแนวทางของตนเอง
“ตอนนี้ชื่อเสียงของไป๋เจียเจียของเจ้าโด่งดังสมอย่างที่เจ้าต้องการแล้ว ข้าเองก็เป็นเพียงอาจารย์โอสถแม้จะระดับขั้นสูง ก็ไม่สามารถอบรมสั่งสอนเจ้าได้ เจ้าตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปพบท่านปรมาจารย์โอสถ”
เจินไป๋เจียยิ้มอย่างยินดี ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่นางวางไว้ นางเร่งฝีเท้าเดินตามผู้อาวุโสอันหวงไป
อันลู่จื้อ มองตามหลังของคนทั้งสอง แววตาสับสนอดสู่เขาอยู่ที่นี่มา 10 กว่าปีแล้ว ท่านอาวุโสปรมาจารย์โอสถ แม้จะเป็นปู่ทวดแท้ ๆ ของเขา ทว่าเขากลับไม่เคยได้รับอนุญาตให้เขาได้เข้าพบสักครั้ง
สวรรค์ช่างลำเอียงพลังลมปราณให้เพียงบางคนเท่านั้น