เช้าวันต่อมา..
วันนี้ฉันก็มาโรงเรียนพร้อมกับเลโอเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือวันนี้ฉันเจอนิวเยียร์ยืนอยู่ตรงที่เลโอเคยจอดรถให้ฉันลงประจำ ฉันตกใจมากทำได้แค่มองหน้านิวเยียร์กับเลโอสลับกันเลโอก็ยังคงทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนนิวเยียร์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรแถมยังส่งยิ้มหวานให้พวกเราอีกต่างหาก ฉันจะบ้าตาย นี่มันอะไรก๊านนนนน~
นิวเยียร์บอกกับฉันว่าเขารู้นานแล้ว ว่าฉันมาโรงเรียนกับเลโอทุกวันและเลโอก็บอกกับเขาไปแล้วว่าฉันกับเลโอเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กทำให้ฉันหันไปมองหน้าเลโอแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าเขาจะพูดแบบนั้น ฉันนึกว่าเขาจะปฏิเสธหรือไม่ก็บอกว่ารำคาญฉันซะอีก เพราะปกติเขาทำท่าทางออกจะรำคาญฉันด้วยซ้ำที่ต้องมารับฉันมาโรงเรียนด้วยทุกวัน แต่เลโอก็ยังทำหน้าเดิมคือนิ่งและนิ่งอยู่แบบนั้น ความจริงเรื่องที่มาโรงเรียนกับเลโอฉันเคยบอกแม่แล้วว่าฉันนั่งรถเมล์มาเองได้แต่แม่ไม่ยอมแล้วบอกว่ามากับเลโอน่ะดีแล้วเพราะฉันชอบตื่นสายและจำทางไม่ค่อยได้เดี๋ยวมาไม่ถึงโรงเรียน สงสัยแม่จะลืมไปว่าฉันอายุจะ 18 แล้ว
“งั้นต่อไปให้ผมไปรับไปส่งที่บ้านแทนเลโอดีมั้ย?” นิวเยียร์พูดขึ้นทำให้ฉันที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หันมามองที่เขาทันที
“เกะก..” เลโอที่ยืนกอดอกมองมาที่เราอยู่พูดขึ้นก่อนจะจูงรถเดินผ่านหลังนิวเยียร์ไป
“เอ่อ..ไม่เป็นไรดีกว่าจ้ะ รบกวนเปล่าๆ” ฉันยิ้มเจื่อนๆ ตอบนิวเยียร์ไปก่อนจะเดินตามหลังเลโอไปโดยทิ้งระยะห่างให้ดูเหมือนว่าเราไม่ได้มาโรงเรียนพร้อมกันแบบทุกที
“นี่ เดี๋ยวผมไปส่งที่ตึกนะนะ”
“เย้ยยยย!!”
นิวเยียร์พูดขึ้นพร้อมกับดึงไหล่ฉันไว้ทำให้ฉันกำลังเดินเข้าประตูหน้าโรงเรียนเกือบหงายหลังล้มแต่ดีที่เขาหยุดดึงแล้วเอามือดันหลังไว้กันฉันล้มแทน โฮ่วววว~ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ฉันยังไม่อยากมีภาพจำหงายหลังล้มหน้าโรงเรียนตอนเช้าเหรอกนะ
“โอ๊ะ! ขอโทษครับเป็นอะไรมั้ย”
“นี่นาย! ทำอะไรเพื่อนฉันน่ะห้ะ!!” ฮันนี่ที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์รีบปรี่เข้ามากอดฉันไว้แล้วผลักนิวเยียร์ออกไปทันที
“ผมเปล่า... เอ่อ..ผมขอโทษนะบราวนี่ผมไม่ได้ตั้งใจดึงไหล่เธอแรงนะ” นิวเยียร์มองหน้าฉันอย่างสำนึกผิดซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา
“เมื่อวานก็เพื่อนนาย วันนี้ก็นายงั้นเหรอ พวกนายมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเพื่อนฉันนักหนาห้ะ? เจอหน้าทีไรเพื่อนฉันต้องเจ็บตัวทุกที”
ฮันนี่พูดเสียงดังทำให้คนรอบๆ ข้างเริ่มหันมามองพวกเรา ชู่ววว เบาๆ สิเพื่อนเดี๋ยวคนอื่นเขาก็รู้กันหมดเหรอก TT
“เพื่อนผม? เจ็บตัว? เธอหมายถึงอะไร” นิวเยียร์ทำหน้างงใส่ฮันนี่แล้วหันมามองที่ฉัน
“จริงสิ ผมว่าจะถามอยู่ว่าคางเธอเป็นอะไรทำไมได้ติดกอเอี๊ยะไว้แบบนั้น ปวดฟันเหรอ?” นิวเยียร์ถามฉันพร้อมกับจ้องมาที่กอเอี๊ยะที่แปะคางฉันอยู่
ความจริงฉันว่าจะไม่ติดมาแล้วล่ะแต่เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านเลโอบอกให้แปะไว้ เขาบอกว่ามันยังช้ำอยู่
“ก็ไปถามเพื่อนนายเองสิ!! ไปกันเถอะบราวน์”
ฮันนี่ตะคอกใส่หน้านิวเยียร์เสร็จก็ลากฉันเดินเข้าตึกมาเลยโดยที่ไม่สนใจสายตาของบรรดานักเรียนที่มองมาที่เรา บางคนก็มองเราแบบไม่พอใจโดยเฉพาะเหล่านักเรียนหญิง
“เห้อ~ ไอ้พวกนี้นี่ มายุ่งอะไรกับเธอนักหนาเนี่ยบราวนี่ แล้วไหนจะเรื่องเมื่อวานอีกทำไมเธอกับแม่ไอ้บ้าหน้านั่นถึงได้รู้จักกันเหมือนจะสนิทกันด้วย” พอเข้ามานั่งที่โต๊ะฮันนี่ก็เริ่มต้นรัวถามฉันทันที
“เอ่อ...คือ...ฉันกับเลโอรู้จักกันน่ะแม่ของเราสนิทกันฉันกับเขาก็รู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้วแต่เขาย้ายบ้านไปตอน 10 ขวบ ส่วนฉันเองก็เพิ่งย้ายกลับมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนแล้วบังเอิญมาเจอกับแม่เขาที่ร้านที่เราไปนั่นแหละ…”
ฉันเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์บ้านฉันกับบ้านเลโอให้ฮันนี่ฟังซึ่งฮันนี่เองก็พยักหน้าเข้าใจแต่ก็ยังรัวคำถามมาเรื่อยๆ จนฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังจนหมดรวมถึงเรื่องที่ฉันมาโรงเรียนพร้อมเขาทุกวันแล้วก็เรื่องที่เขามาขอโทษฉันเรื่องเมื่อวาน ฮันนี่ตกใจทำตาโตแบบไม่น่าเชื่อว่าเลโอมาขอโทษฉัน ฉันเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลย และหลังจากที่คริสตัลมาถึงห้องฉันก็ต้องเล่าเรื่องเดิมให้คริสตัลฟังอีกรอบซึ่งคริสตัลมีท่าทีตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบ
“ฉันขอเตือนนะว่าอย่าเข้าใกล้พวกเขาให้มากนัก เธอกำลังโดนจ้องอยู่ไม่รู้ตัวเลยรึไง แฟนคลับของเลโอน่ะทำได้ทุกอย่างกว่าที่เธอคิดนะบราวนี่”
ริเรียที่นั่งอยู่ข้างหลังเราน่าจะได้ยินเรื่องที่ฉันพูดกับเพื่อนๆ เลยเดินมาหาฉันแล้วพูดขึ้นทำเอาฉันกลืนน้ำลายดังเอื้อกเลย น่ากลัวอ่ะ..
“อันนี่ฉันขอเตือนจริงๆ นะ ถึงฉันจะไม่ชอบที่เธอเข้ามาพัวพันกับพวกนิวเยียร์แต่ฉันก็ไม่ได้อะไรกับเธอแต่กับพวกนั้นเขาไม่ได้ใจดีเหมือนฉันเหรอกนะ จำไว้” ริเรียเน้นย้ำกับฉันอีกรอบก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง ฉันรู้สึกขอบคุณริเรียจริงๆ ถึงเธอจะไม่ชอบฉันแต่เธอก็ยังมาเตือนฉันด้วยความหวังดี ฮันนี่กับคริสตัลเองก็มองหน้าฉันแล้วยิ้มให้
“ฉันจะปกป้องเธอเองนะบราวน์น้อยของฉัน” ฮันนี่ดึงฉันเข้าไปกอดแล้วเอาแก้มมาถูๆ แก้มฉันอย่างกับแมวเลยเพื่อนฉัน
ส่วนคริสตัลเองก็ยกมือขึ้นมาลูบผมแล้วส่งยิ้มมาให้ฉันอีกคน ฉันรู้สึกขอบคุณเพื่อนรักทั้งคู่อยู่ทุกวันที่เขาเต็มใจที่จะอยู่ข้างฉันและพร้อมปกป้องฉันเสมอแบบนี้ แต่ตัวฉันเองก็ต้องปกป้องตัวเองด้วยจะพึ่งแต่เพื่อนก็คงไม่ได้ เอาล่ะสู้ๆ นะบราวนี่ ไม่ว่าใครจะมาแกล้งเธอก็อย่ายอมนะ ฮึบๆ >O...Leo’ s Part…
ผมเดินเข้าห้องมาแล้วนั่งลงที่โต๊ะตัวเองโดยที่ไม่สนใจคำทักทายของเพื่อนในห้องที่มาก่อน จนไอ้มาร์ตินเดินมาหาผมที่โต๊ะแล้วนั่งลงข้างหน้าผม
“สวัสดีตอนเช้าคร้าบเพื่อนโอเล่ หน้าบูดเป็นส้นติงแต่เช้าเลยนะครับมึง แล้วปากไปโดนอะไรมาวะ? แล้วใครเขาแปะพลาสเตอร์ไว้อันเบ่อเร่อไว้ที่มุมปากกันวะเพื่อน” มาร์ตินหย่อนก้นลงเก้าอี้ข้างหน้าโต๊ะผมแล้วทำหน้ากวนส้นใส่ผมแต่เช้าถามขึ้นพร้อมกับชี้มาที่พลาสเตอร์ที่มุมปากผม
“เสือก...” ผมจ้องหน้ามันแล้วพูดเสียงเบาแล้วหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครหน้าไหนทั้งนั้น
“อะไรว่าเพื่อนกู อารมณ์พร้อมขวิดกูแต่เช้าเลย เออๆ กูไม่ยุ่งละ” เมื่อเห็นว่าผมไม่เล่นด้วยไอ้มาร์ตินเลยยอมถอยไปเพราะถ้าขืนมันยังกวนส้นผมอยู่ผมอาจจะลุกขึ้นต่อยมันปากแตกได้
“เลโอเรามาคุยกันหน่อยดิวะ” ไอ้นิวเยียร์ที่เดินตามหลังเข้ามาวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตัวเองแล้วยืนจ้องผม ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจมันและไม่ตอบมันด้วย
“เลโอ...”
ปึง!! ไอ้นิวเยียร์มันเรียกชื่อผมซ้ำอีกรอบนั่นทำให้ผมถอนหายใจอย่างรำคาญก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังและลุกขึ้นยืนจ้องหน้ามัน แล้วพอผมลุกขึ้นยืนบรรยากาศในห้องก็เงียบกริบราวกับว่าทั้งห้องมีแค่ผมกับมับสองคน
“เห้ยๆ มีอะไรกันวะทำไมพวกมึงทำท่าอย่างกับจะต่อยกันแบบนี้วะ” ไอ้น้ำเชี่ยวที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่รีบลุกขึ้นมาห้ามทัพทันที
“โหยยย~ จะต่อยกันแล้วเหรอคร้าบเพื่อนเอาเลยคร้าบเดี๋ยวนิ่งเป็นกรรมการให้ >O....End Leo’ s Part…