เด็กหญิงรีจินา ลิเอโร มักจะถูกลูกหลานของเหล่ามาเฟียแกล้งเป็นประจำ มีทั้งแกล้งแบบเบาะๆ แค่เนื้อตัวเขียวช้ำ จนกระทั่งรุนแรงถึงขึ้นหัวร้างข้างแตกก็มี
คนที่เป็นเดือดโมโหร้ายมากที่สุดเห็นจะเป็นเรนาโคส ที่กัดฟันกรอดกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ เมื่อไม่อาจช่วยเหลือน้องสาวของตนเองได้
ด้วยเหตุที่ว่าน้องสาวมักถูกลูกหลานของบรรดาเจ้าพ่อ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายแกล้งเป็นประจำ โดยไม่มีใครกล้าเอื้อมมือเข้ามาช่วย เรนาโคสจึงอยากเป็นตำรวจเดินบนเส้นทางแห่งความยุติธรรม ขจัดคำว่า ‘มาเฟีย’ และคำว่า ‘ดอน’ ให้หมดสิ้นไปจากถิ่นที่อยู่ของตัวเอง
ร.ต.ต.เรนาโคส ลิเอโร ทำงานได้ดีเยี่ยม โดยไม่หวาดกลัวอิทธิพลมืดของบรรดาเจ้าพ่อ ที่เริ่มถูกจับไปทีละคนสองคน และด้วยผลงานอันเป็นที่ถูกใจเข้าตาของผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้
ร.ต.ต.เรนาโคสได้เลื่อนขั้นเป็น ร.ต.อ.ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี
การทำงานแบบไม่กลัวตาย ไม่กลัวมัจจุราชร้ายมาคร่าเอาชีวิตของตน ร.ต.อ.เรนาโคสจึงได้รับเลือกให้เป็นสายลับเข้าไปยังดินแดนของปีศาจร้าย เพื่อล้วงความลับนำมาซึ่งการกวาดล้างแก๊งมาเฟียชื่อดัง ที่ทรงอิทธิพลในทุกๆ ด้านของประเทศอิตาลีให้สิ้นซาก
เมื่อร.ต.อ.เรนาโคส ปลอมตัวไปอยู่ในคฤหาสน์มาโก้ร์ ครอบครัวลิเอโรก็แทบจะขาดการติดต่อกับลูกชายคนเดียวของบ้าน รีจินาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพี่ชายอีก นานๆ ครั้งที่เธอจะได้รับการ์ดสักใบจากพี่ชาย
และในเช้าวันอัปโยคก็เดินทางมาถึงครอบครัวลิเอโร เมื่อรีจินาที่เพิ่งตื่นนอนเพราะได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน เดินออกมาเปิดประตูรั้วด้วยเข้าใจว่าเด็กส่งหนังสือพิมพ์มาส่งหนังสือพิมพ์ให้ดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา
ทว่าเมื่อดวงตาสีฟ้าอ่อนใสของเด็กน้อยในวัย 15 ปี มองปะทะกับร่างอันโชกเลือด หน้าตาแตกยับจนจำเค้าเดิมอันหล่อเหลาของพี่ชายไม่ได้ ก็ถึงกับร้องกรี๊ดลั่นบ้านราวกับคนเสียสติ ซึ่งเสียงกรีดร้องร่ำไห้โฮปิ่นจะขาดใจของเธอ เรียกให้บิดามารดาออกมานอกบ้าน
ทันทีที่เห็นร่างอันปราศจากลมหายใจของบุตรชายที่รัก บิดามารดาของเธอถึงกับรับ
ไม่ได้ เรียกว่าลมทั้งยืนต่อหน้าต่อตาเธอที่ไม่อาจช่วยรับร่างของพวกท่านไว้ได้ บรรดาเพื่อนบ้านที่ออกมามุงดูเหตุการณ์ ต่างก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ทว่าหามีใครได้ช่วยเหลือครอบครัวของเธอไม่ เพราะพวกเขาไม่อยากเอาชีวิตเข้าเสี่ยงกับพวกมาเฟีย ที่มีจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์อย่างเจ้าพ่อพวกนี้
‘หลังจากดอนคาร์ลจับได้ว่าสายลับคนนี้แอบถ่ายรูปของเขาส่งมาให้ทางตำรวจ ในวันรุ่งขึ้นสายลับคนนั้นก็ถูกส่งร่างอันไร้วิญญาณกลับมายังบ้านเกิดของเขา มีข่าวลือว่าศพถูกทิ้งไว้หน้าบ้านพร้อมกับจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือของดอนคาร์ลในวัน 19 ปี ฝากถึงครอบ
ครัวของสายสืบคนนั้นด้วย’
รีจินานึกถึงถ้อยคำของท่านผู้บังคับการเลสซันโดร ที่เอ่ยพูดในห้องประชุม จดหมายปิดผนึกแห่งความตายที่วางอยู่บนร่างอันไร้วิญญาณของนายตำรวจหนุ่ม ซึ่งอุทิศตัวให้กับงานและงาน ไม่มีใครมีโอกาสได้เห็นมันอีก เมื่อเด็กน้อยที่หัวใจสลายเพราะการสูญเสียพี่ชายที่รัก ได้กำมันไว้แน่นภายใต้อุ้มมือเล็กๆ ของเธอเอง ซึ่งจดหมายฉบับนั้นไม่เคยมีใครได้อ่านแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งบิดามารดา หรือตำรวจที่ทำคดีก็ไม่รู้ว่าดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ตวัดปลายปากกาฝากถ้อยคำอันเป็นดั่งคำสาปใดไว้ให้กับครอบครัวของเธอ
รีจินาหยิบกระดาษซึ่งเริ่มเหลืองมีคราบน้ำตาแห่งความโศกเศร้าอาดูรของตนเอง ในวัยเพียง 15 ปีออกมาจากกล่องกำมะหยี ที่เธอเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดี หาได้เก็บไว้เพราะความประทับใจไม่ แต่เก็บไว้เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือน เป็นแรงผลักดันให้เธอมุมานะเป็นตำรวจให้จงได้ เพื่อล้างแค้นคนที่ทำให้ครอบครัวของเธอต้องแตกระส่ำระส่ายราวกับลำเรือต้องลมพายุจนอับปางลงกลางทะเลมืด
หลังจากงานศพของบุตรชายอันเป็นที่รักผ่านไปได้ไม่กี่เดือน บุพการีทั้งสองของเธอก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา ไม่แตะต้องอาหารจนร่างกายซูบผายผอมไร้เรี่ยงแรงที่จะหยัดยืน
ไม่ถึงสามเดือนดีหลังจากเรนาโคสจากไป เธอก็ต้องสูญเสียบิดามารดาไปพร้อมๆ กัน เมื่อท่านทั้งสองประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ขณะพากันเดินข้ามถนน ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ส่งคนมาเก็บบิดามารดาของเธอด้วย
และเมื่อนามสกุลลิเอโร อาจทำให้ดอนใจชั่วผู้นี้รู้ว่าเธอเป็นใคร รีจินาจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดิมของมารดาคือ ‘โชติกานต์’ เพื่อเป็นการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่ให้ใครรู้
ภาพถ่ายของครอบครัวที่มีภาพเธออยู่ด้วย ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในตู้เซฟรวมทั้งจดหมายในมือ ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปกี่ฤดูลมหนาว ไม่ว่ากระดาษแผ่นบางๆ จะเหลืองกรอบเป็นคราบให้เห็น และไม่ว่าตัวหนังสือที่ตวัดด้วยปลายปากการาคาแพงจะเริ่มลางเลือนแล้ว ทว่าถ้อยคำที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษแผ่นนี้ และความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รัก ยังไม่จางหายไปจากใจของ ร.ต.อ.หญิงรีจินาแม้แต่วินาทีเดียว
‘ทรยศคือตาย’
ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวที่ถูกเขียนลงบนกระดาษแผ่นบางๆ ทำให้รีจินาเจ็บปวดไม่ต่างกับการถูกฆ่าดั่งเช่นร่างอันไร้วิญญาณของพี่ชาย
และที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นคือตำรวจทุกคนในโรม รู้ว่าการตายของพี่ชายเธอเป็นฝีมือของดอนคาร์ล เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิตาลี แต่ไม่มีตำรวจคนไหนกล้าเข้าจับกุม หรือกล้าย่างเท้าเข้าไปยังดินแดนของเจ้าพ่อคนนี้ ด้วยทุกคนนั้นรักตัวกลัวตาย กลัวได้กลับบ้านเก่าด้วยร่างที่ปราศจากลมหายใจเหมือนเช่นพี่ชายของเธอ
“ใครไม่ไปเกาะซิซิลีก็ช่างหัวมัน แต่ราเนียจะไปเอง ราเนียจะทำให้พี่เรส์นอนตายตาหลับให้ได้ ราเนียจะฆ่าดอนคาร์ลให้ได้ เชื่อราเนียสิพี่เรส์”
รีจินาเค้นเสียงพูดกับภาพถ่ายในชุดตำรวจแบบเต็มยศของพี่ชาย ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสโชนแสงแข็งกร้าว อยากเดินทางไปยังเกาะซิซิลีเสียวันนี้นาทีนี้
ทันทีที่สบโอกาส เธอจะจัดการให้ดอนคาร์ลได้เจ็บปวดบ้าง เธอจะทำให้เจ้าพ่อผู้ที่มีจิตใจอำมหิตคนนี้ต้องตายทั้งเป็น เฉกเช่นเดียวกันกับที่เธอเคยเจอมาแล้ว