"ไม่ได้" โจนาสตอบเสียงแข็ง ทำให้แก้วเจ้าจอมแปลกใจกับท่าทางของเขาจนไม่กล้าสบตาดุดันซึ่งไม่ต่างน้ำเสียงมากนัก
"พี่หมอ..." มือเรียวพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการเกาะกุม
"ก็ได้ แต่ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วยก็แล้วกัน" เมื่อโจนาสรวบรวมสติได้แล้วเขาจึงยอมอนุญาต เพราะความจริงแล้วแก้วเจ้าจอมเองก็ไม่ได้เป็นบ้า และที่นี่ก็ยังเป็นเชียงใหม่บ้านเกิดของเธอ ที่สำคัญธันวาเป็นเพื่อนสนิท คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
"ค่ะ พี่หมอ..."
"อย่าลืม ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วย" เขาพูดย้ำอีกครั้งและเดินพรวดพราดออกจากร้านไอศกรีมไปทันที แก้วเจ้าจอมมองตามแผ่นหลังของโจนาสด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์
"ตกลงว่าคุณหมอ... เป็นหมอหรือเป็นแฟนกันแน่?" ธันวาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะเขาเห็นแววตาของนายแพทย์หนุ่มที่เหมือนมีอะไรบางอย่างแอบแฝงเมื่อครู่
"เขาก็เป็นหมอน่ะสิ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?"
"ก็ท่าทางเขาไม่ได้ทำตัวเป็นหมอ แต่ทำตัวเหมือนเป็นแฟนมากกว่า" ธันวาเองก็เพิ่งจะค้นพบความรู้สึกที่ชัดเจนของตนเองก็วินาทีนี้ เขาไม่ชอบใจที่โจนาสแสดงท่าทีเป็นห่วงเจ้าจอมหญิงออกนอกหน้าเช่นนี้
"บ้าเหรอ หยีกับหมอเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเอง" คำพูดของธันวาทำให้ความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าเกิดขึ้นอีกครั้ง แก้วเจ้าจอมหน้าแดงจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
"หึ นั่นแหละยิ่งน่าสงสัย หยีกลับไปกับหมอของหยีเถอะ ถ้ากลับกับเราเดี๋ยวพ่อแม่หยีจะสงสัยเอาว่ามาอยู่กับเราได้ยังไง" เพราะธันวารู้ทุกเรื่องราวของแก้วเจ้าจอม เขาจึงเป็นห่วงเพื่อนสนิทมากเป็นพิเศษ
"ก็ได้ งั้นวันหลังเจอกันนะ"
"ไม่วันหลังหรอก วันนี้แหละ"
"หมายความว่ายังไง?"
"ก็เดี๋ยวเย็นนี้จะไปทานข้าวกับป้ายอดดาวไง คิดถึงรสชาติอาหารอร่อยๆ ของแม่หยีจะแย่" ธันวายิ้มให้หญิงสาว ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเดินไปจ่ายเงินค่าไอศกรีมโดยมีแก้วเจ้าจอมเดินตามออกไป
แก้วเจ้าจอมมายืนดักรอโจนาสที่บริเวณเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เธอยืนกอดอกและจ้องมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงทะมัดทะแมงระหว่างที่เขากำลังคิดชำระค่าสินค้าด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ?" โจนาสเข็นรถเข็นเดินตรงมาหาคนตัวเล็กซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
"ขอกลับด้วย"
"แล้วเพื่อนไปไหนแล้วล่ะ?" เขาเลิกคิ้วถาม
"เขาก็กลับไปแล้วสิ เขาเห็นว่าหยีบ้าเขาก็เลยให้กลับกับหมอไง ธันวาคิดเยอะเลยกลัวพ่อกับแม่หาว่าพี่หมอทิ้งหยี"
"เพื่อนหยีนี่เป็นคนดีจังเลยนะครับ งั้นก็ตามมา" โจนาสพูดเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อคมปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า จากนั้นเขาก็เดินนำเธอไปยังลานจอดรถ
"ไหนบอกว่ามีธุระต่อไงคะ?" แก้วเจ้าจอมถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบสงบหลายสิบนาทีที่ผ่านมาตั้งแต่ออกจากห้างสรรพสินค้า
"ไม่มีอารมณ์ไปแล้วครับ"
"แล้วไปทำธุระต้องใช้อารมณ์ด้วยเหรอคะ?"
"ก็บอกว่าไม่มีอารมณ์ไป" โจนาสตอบ และเบือนหน้าหนีออกไปทางกระจถรถสลับกับมองไปยังถนนเบื้องหน้า
"พี่หมอโกรธหนูเหรอคะ?" เด็กสาวถามออกไปตามตรง เพราะอาการของเขามันฟ้องเสียขนาดนั้น
"พี่หมอจะโกรธหนูเรื่องอะไรคะ?" เขาถาม
"ก็เรื่องที่หนูจะไปกับธันวาไงคะ"
"พี่หมอรู้ครับว่าไม่มีสิทธิ์โกรธหยีเรื่องแบบนั้นหรอก แต่พี่เป็นห่วงหยีมากกว่า"
"อ๋อ...ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ แต่พี่หมอก็รู้ดีว่าหยีไม่ได้บ้า หยีไปไหนมาไหนคนเดียวได้"
"ครับ แต่ตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าหยีเป็นบ้า เพราะฉะนั้นหยีต้องอยู่ในความดูแลของพี่" เขาบอกเสียงเรียบ แก้วเจ้าจอมจึงคลี่ยิ้มน้อยๆ และจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนข้างกาย
ไร่เริงลม
"หยีคิดว่าพี่หมอจะไปส่งหยีที่บ้านซะอีก" เด็กหญิงตาแป๋วจ้องมองโจนาสด้วยแววตาเป็นประกาย
"ทานมื้อเที่ยงก่อน เดี๋ยวจะไปส่ง" เขาพูดจบแล้วก็เปิดประตูก้าวลงจากรถ แก้วเจ้าจอมเองก็เปิดประตูลงไปช่วยเขาถือของที่เยอะจนพะรุงพะรังเข้าบ้าน
"เย็นนี้พี่หมอไปทานข้าวที่บ้านหยีนะคะ" เธอเอ่ยชวนเขา
"ขอดูก่อนนะครับ"
"ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวหยีช่วยทำมื้อเที่ยงนะคะ" เธอกวาดสายตามองอาหารสดที่โจนาสเลือกซื้อมาด้วยแววตาสงสัย เครื่องปรุงรสและวัตถุดิบบางอย่างเธอไม่รู้จักเพราะมันถูกซื้อมาเพื่อปรุงอาหารแบบตะวันตก
"แน่ใจนะว่าจะช่วย?" ชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
"พี่หมออยากให้หยีทำหรือว่าอยากให้หยีป่วนล่ะคะ?" หญิงสาวยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดปลายจมูกโด่งรั้นของตน
โจนาสจ้องมองแววตากลมโตที่ฉายแววโดดเด่นเป็นประกายด้วยความหลงใหล เขาลืมตัวไปชั่วขณะว่าเธอเป็นเพียงคนไข้และตนเป็นหมอประจำคนไข้ มือหนาขยับขึ้นมาเชยคางมน นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ริมฝีปากอวบอิ่ม
"จูบหยีได้ไหมคะ?" คำขอของเด็กสาวไร้เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจว่าอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชายนั้นเป็นเช่นไร
โจนาสพยายามปัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดออกและเรียกสติของตนเองกลับมา เขาได้แต่บอกตนเองในใจว่าจะทำเช่นนี้กับเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
"หยี..." โจนาสดึงมือของตนเองกลับและถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่างของอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวอยู่ในขณะนี้
"ไม่เป็นไรนะคะพี่หมอ หยีผิดเอง หยีขอโทษนะคะที่ถามพี่หมอแบบนั้น"
"ครับ...อย่าขออะไรแบบนี้อีกนะ" แม้แก้วเจ้าจอมจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับ จากนั้นร่างเล็กก็หมุนตัวเดินออกจากห้องครัวและเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น
แก้วเจ้าจอมหยิบรีโมตขึ้นมากดปุ่มเปิดโทรทัศน์เพื่อหารายการโปรดที่เธอชอบดู หญิงสาวเพิ่มเสียงโทรทัศน์ให้ดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะอยากลืมเรื่องน่าอายที่พูดกับโจนาสออกไปเมื่อครู่
"แค่จูบจะอะไรนักหนา ก็แค่อยากลองดูเฉยๆ ว่าเวลาคนจูบกันมันเป็นยังไง" เธอบ่นออกมาเสียงดังแข่งกับเสียงโทรทัศน์
"หนวกหูน่า เปิดทีวีเสียงดังแล้วยังจะพูดอีก" อยู่ๆ ก็มีเสียงของบุรุษคนหนึ่งดังขึ้นจากโซฟาอีกตัว แก้วเจ้าจอมหันขวับไปหาต้นเสียงนั้นก็เห็นว่ามีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาอยู่ จริงๆ เธอควรที่จะเห็นเขาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะว่าจิตใจเอาแต่ฟุ้งซ่านคิดเรื่องของโจนาสอยู่ จึงทำให้พูดเรื่องน่าอายออกไปต่อหน้าผู้ชายที่เธอไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ
"หนวกหูก็ออกไปสิ มานอนอะไรอยู่ในนี้เล่า!" หญิงสาวพูดออกไปเช่นนั้น ทำให้ร่างสูงที่นอนอยู่บนโซฟาลุกพรวดพราดขึ้นและหันขวับมาจ้องมองเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่พ่นคำพูดร้ายกาจออกไปเมื่อครู่
"พูดว่าอะไรนะ นี่กล้าไล่เจ้าของบ้านเหรอ?" เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายพเยิดหน้าถาม ทว่าน้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูจริงจังนัก
"ที่นี่ไม่ใช่บ้านของคุณ บ้านของพี่หมอต่างหาก" แก้วเจ้าจอมเถียงกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ระวังคนบ้าอาละวาดเด้อ??
อ่านจบแล้วอย่าลืมส่งคอมเมนต์มาเป็นกำลังใจให้ปันหยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามค่า❤️