ลูกไหมเคยตื่นเต้นมากเลยเมื่อคราวที่เห็นหิมะครั้งแรกในชีวิตตอนมาเที่ยวอเมริกากับพ่อแม่สมัยยังอายุไม่กี่ขวบ แต่ตอนนี้เมื่อหิมะแรกมาเยือน หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีก็ทำแค่หยิบเสื้อกันหนาวมาสวม แล้วปิดผ้าม่าน ไม่ได้สนใจความขาวเหมือนแป้งที่กระจายอยู่ทั่วอากาศ ร่วงหล่นอย่างอ่อนโยนภายใต้แสงไฟริมถนนสีส้มนวลตาอีก
หญิงสาวสวมถุงมือผ้า นั่งจิบชาร้อนอยู่กับพื้นพรมหน้าเครื่องทำความร้อนที่มีรูปร่างเหมือนเตาผิง เด็กสาวที่เคยมีแววตาสดใสในอดีต กลับค่อย ๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นหญิงสาวสะพรั่งแววตาเจ็บช้ำ เพราะถูกทำร้ายจิตใจย้ำ ๆ มาถึงสามปี
ตอนนี้ขุนพลเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เขากำลังต่อปริญญาโทอยู่ ปีหน้าชายหนุ่มก็จะเรียนจบแล้วกลับไปทำงานกับบิดาของเขาที่ประเทศไทยสักที
ลูกไหมคิดถึงเมืองไทย คิดถึงแสงแดด คิดถึงอาหารไทย แล้วก็คิดถึงพ่อกับแม่ด้วย
น้ำตาหยดโต ๆ ร่วงลงชาร้อนที่หล่อนกำลังจิบ ลูกไหมเลยวางแก้วชาลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา ก่อนที่หล่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาสามี
ถึงเขาจะทำให้ช้ำจนหัวใจแทบจะสลายแล้ว แต่ดึกดื่นป่านนี้เขายังไม่กลับ ลูกไหมก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้จริง ๆ
ตู๊ด... ตู๊ด...
เสียงรอสายโทรศัพท์ที่ดับไปสี่ครั้งทำให้ลูกไหมคิดว่าจะเลิกพยายามติดต่อเขา แต่หญิงสาวก็กดโทรออกอีกเป็นครั้งที่ห้า และครั้งนี้มีคนรับสายจนได้
“ฮัลโหล”
เสียงผู้หญิงเหมือนเคย ๆ สำนวนอเมริกันจ๋าทำให้ลูกไหมต้องถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว นี่ครั้งแรกที่โทรไปแล้วมีผู้หญิงรับ หล่อนรับไม่ได้เลยละ เอาแต่นั่งร้องไห้ แต่หลังจากเจอแบบนี้นับสิบ นับร้อยครั้ง ลูกไหมก็ค่อย ๆ ชินชา เจ็บจนชินไปเอง
“ขอสายเจ้าของโทรศัพท์หน่อย”
“ไม่ว่าง” อีกฝ่ายทำเสียงยียวน “เป็นเมียก็รออยู่บ้านไปสิ โทรตามผัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ ระวังเขาจะยิ่งเบื่อเธอ”
“อย่ามาเสือก” ลูกไหมพูดเสียงลอดไรฟันด้วยคำสแลงอเมริกันจนอีกฝ่ายแทบจะกรี๊ด!
“เฮ้! เธอ! เดี๋ยวฉันจะฟ้องผัวเธอว่าเธอด่าฉัน”
ฟ้องแล้วยังไง ต่อให้เธอจะพูดจาไพเราะหรือหยาบคายยังไง เขาก็เกลียดเธออยู่ดี
ทางปลายสายมีทั้งเสียงเพลงและเสียงคุยกันดังเข้ามา ลูกไหมรู้เลยว่าตอนนี้ขุนพลกำลังปาร์ตี้อยู่กับกลุ่มเพื่อนทั้งคนไทยและฝรั่งปนกันของเขากลุ่มใหญ่ที่มีกันแปดหรือเก้าคนได้ ขุนพลไปกับพวกนี้เสมอเลย เป็นกลุ่มที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ปริญญาตรี
“นั่นโทรศัพท์พลนี่ ใครโทรมาเหรอซาร่า”
เสียงที่ลอดเข้ามาไม่นาน ก็ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะแย่งโทรศัพท์ไป แล้วเสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นหลังจากที่เขาเห็นชื่อที่ขุนพลเมมไว้เป็นภาษาไทยว่า
‘เมีย’
“ฮัลโหล ลูกไหม”
ปกติที่นี่ทุกคนจะเรียกหล่อนเพี้ยนว่า ‘ไม’ หลังจากที่หล่อนบอกชื่อเล่นว่าชื่อ ‘ไหม’ ซึ่งลูกไหมก็ไม่ได้ขัดอะไร และเสียงที่เรียกหล่อนชัดเป็นภาษาไทยต่างจากคนอื่นที่หล่อนได้ยินก็ทำให้ลูกไหมค่อนข้างหายกังวล
“พี่ดามพ์...”
ดามพ์เป็นเพื่อนลูกครึ่งของขุนพลที่ค่อนข้างคุยกับหล่อนรู้เรื่อง เพื่อนคนอื่นของเขาถึงพวกเพื่อนผู้ชายจะไม่ได้ทำกิริยาอะไรไม่ดีใส่หล่อน แต่อาจเพราะวัฒนธรรมต่างกัน เลยทำให้ลูกไหมไม่ค่อยสนิทใจกับเพื่อนขุนพลคนอื่นนอกจากดามพ์ที่มีแม่เป็นคนไทย
ส่วนพวกเพื่อนผู้หญิงของขุนพลน่ะ ไม่มีใครชอบหล่อนเลย โดยเฉพาะซาร่า เห็นได้ชัดว่าซาร่าเกลียดลูกไหมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน แค่มองตาก็รู้
“ไอ้พลมันเมาหลับไปน่ะ แต่เดี๋ยวพวกเราก็จะกลับกันแล้ว ไม่ต้องห่วงนะลูกไหม”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ดามพ์ ไหมฝากพี่พลด้วยนะคะ”
“ได้เลย ไม่มีปัญหา” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถาม “แล้วนี่ลูกไหมกินข้าวเย็นหรือยัง”
ความห่วงใยจากคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ปีทำให้ลูกไหมรู้สึกหลากหลายไปหมด ทั้งดีใจที่อย่างน้อยยังมีคนเป็นห่วง แล้วก็น้อยใจขุนพลด้วย... ที่เขาไม่เคยถามไถ่เลยว่าหล่อนเป็นยังไง อยู่ได้ไหม เหงาบ้างหรือเปล่า
ลูกไหมก้มหน้าลงเช็ดน้ำตา
“ค่ะ กินแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
หล่อนพูดคุยกับดามพ์ได้ไม่นานก็ขอวางสาย หญิงสาววางโทรศัพท์ลงกับพื้นพรมข้างตัว เหม่อมองเข้าไปในเตาผิงปลอม ๆ ติดผนังที่ออกแบบให้เวลาเปิดใช้ฮีตเตอร์จะเหมือนกับมีประกายไฟสั่นไหวอยู่ด้านในจอมอนิเตอร์ตลอดเวลา
และมีเสียงปะทุเหมือนเสียงถ่านเผาไฟด้วย
มันเหมือนเตาผิงที่กำลังเผาไหม้ถ่านไม้จริง ๆ มาก จนลูกไหมอดคิดไม่ได้ว่าชีวิตของหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับเตาผิงราคาแพงนี่เลย
เตาผิงสวยงาม แต่ถ่านไฟไม่ใช่ของจริง
ชีวิตของลูกไหมก็เหมือนจะงดงาม เกิดมาเพียบพร้อม ได้แต่งงานกับชายที่รัก เดินทางมาอยู่กับเขาที่ต่างประเทศเหมือนได้ฮันนีมูนทุกวัน
แต่มันมีแค่ความสุขจอมปลอม...
ลูกไหมนั่งกอดเข่าอยู่หน้าฮีตเตอร์อยู่นานแค่ไหน หล่อนเองก็ไม่รู้ กระทั่งได้ยินเสียงตึงตังจากทางหน้าบ้าน หญิงสาวรีบลุกขึ้นจะเดินไปรับขุนพล แต่แล้วหล่อนก็รู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าวูบไป
“ไหม!!”
หูที่อื้ออึงได้ยินเสียงเรียกของชายหนุ่มที่ดูจะตกใจเพราะเขาเข้ามาเห็นหล่อนกำลังล้มลงพอดี อ้อมแขนแกร่งรับร่างบอบบางไว้ได้ทันเวลา ลูกไหมเลยรอดพ้นมาจากการเกือบล้มหัวฟาดขอบโต๊ะไปได้หวุดหวิด
ความรู้สึกเย็นเฉียบที่เกาะกินหัวใจมาทั้งวันค่อยอบอุ่นขึ้นเพราะคิดว่าสามีสุดที่รักยังห่วงใยหล่อน กลิ่นแอลกอฮอล์เข้มข้นจากเขาทำให้ลูกไหมรู้ว่าเขาเมา แต่ดูสิ ขนาดเมา เขายังกลัวว่าหล่อนจะล้ม...
“พี่พลคะ”
หญิงสาวเงยหน้าเรียกเขาด้วยดวงตาพร่ามัว ก่อนที่จะค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น จนลูกไหมได้เห็นว่าเขาไม่ใช่ขุนพล
“พี่ดามพ์...”
ชายหนุ่มหล่อเหลาลูกครึ่งไทยอเมริกันที่กอดหล่อนอยู่ด้วยสายตาห่วงใย ทำให้น้ำตาของลูกไหมไหลอาบแก้มอีกหน หล่อนคิดไปเองอีกแล้วเพราะอยากให้ขุนพลรักหล่อน ห่วงหล่อนบ้าง
ทำไมหล่อนจำไม่ขึ้นใจสักทีว่าต่อให้หล่อนตายไปตรงหน้า เขายังไม่สนใจหล่อนเลย!