5
คนสวยเจอกันอีกแล้ว
เกือบเดือนแล้วที่ศิลาดลเข้าไปเรียนรู้งานที่โรงสีกับบิดามารดา และบางวันก็ออกไปทำงานกับตาด้วย เขาชอบทุ่งนากับธรรมชาติของบ้านเกิด บ่อยครั้งที่ได้ใช้ความรู้ที่เล่าเรียนมาช่วยงานโรงสีของครอบครัว ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในโรงสีของเขาดูทันสมัยกว่าแห่งอื่น และดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวของมันเองอยู่แล้ว ถึงเขาจะไม่เข้าไปดูงานทุกอย่างก็สามารถดำเนินไปด้วยตัวของมันเอง
“ศิลาวันนี้แม่จะไปงานแต่งลูกของเพื่อนจะไปด้วยกันไหม” นางสินใจถามลูกชายขณะเก็บกระเป๋าเตรียมจะออกไปร้านเสริมสวยเพื่อเตรียมตัวไปงานแต่งงานในช่วงค่ำ
“ไม่ไปหรอกครับ ไม่อยากออกงานอีกแล้วแค่ตาพาไปแนะนำคนนั้นคนนี้ผมก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว นี่ว่าจะเข้าไปหาซื้อของใช้ในห้างสักหน่อย”
“ว้าเสียดายจัง แต่แม่ไปกับพ่อได้จ้ะ งั้นแม่ฝากซื้อผ้าอนามัยหน่อยได้ไหม มันหมดพอดีเอาแบบมีปีกทั้งกลางวันกลางคืนนะลูก ยี่ห้ออะไรจำได้ใช่ไหม” นางสินใจจงใจแกล้งลูกชายเล่น
“อย่ามาคิดว่าผมไม่กล้าซื้อนะแม่ ซื้อมาตั้งแต่เด็กแล้วแค่นี้สบายมาก”
“จ้ะ พ่อคนความจำแม่น” นางสินใจยิ้มอย่างสุขใจ ศิลาดลไม่เคยอายที่ต้องซื้อของใช้ผู้หญิงให้แม่ นั่นเป็นสิ่งที่นางภาคภูมิใจเป็นที่สุด
“แม่แค่ล้อเล่นน่ะลูก”
“แต่ผมพูดจริงนะครับ ผมคนเดิมนะครับแม่” เขายิ้มให้มารดาเหมือนต้องการบอกว่าจะใช้เขาไปซื้ออะไรให้ท่านก็ทำได้ทั้งนั้น
“ขอบใจนะศิลา งั้นแม่ไปก่อนนะ แม่จะฝากซื้อน้ำยาอาบน้ำแค่นั้นแหละ ยี่ห้อที่ใช้กันทั้งบ้านนั่นแหละลูก ซื้อให้หน่อยนะ”
“ได้ครับแม่ รับรองจะซื้อให้ครบทุกห้องเลย”
“ตามนี้แหละลูก โน่นพ่อเขามารอแล้วเดี๋ยวจะบ่นอีกว่าแม่ชอบสาย”
“ครับแม่ เอาให้สวยให้พ่อมองเหลียวหลังเลยนะแม่”
“จ้า”
ศิลาดลมองตามหลังมารดาไปพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะหันมาเจอกับเลขาฯ หน้ายักษ์ของตนเอง นางอำพรยืนถือแฟ้มเอกสารมองเขาแบบคนรอนาน
“มาเมื่อไหร่คุณอำพรไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียงกันเลย”
“เมื่อกี้เองค่ะ แล้วทำไมเห็นหน้าอำพรต้องตกใจด้วยล่ะคะ” สาวโสดวัยสี่สิบถามเจ้านายคนใหม่แบบงอนๆ
“ไม่ได้ตกใจครับ แค่เสียขวัญนิดหน่อย”
“ใช่เซ้ อำพรไม่สวยไม่สาวนี่คะ แต่แบบนี้เร้าใจอย่าบอกใครเชียวนะคะ”
“ครับ งานมาครับ” เขาแบมือตัดบทคนช่างป้อ เผลอไม่ได้ต้องชมตัวเองอยู่เรื่อย แต่มีอำพรเป็นเลขาฯ ก็ทำให้ชีวิตเขามีสีสันไปอีกแบบ
“นี่ค่ะ จำนวนข้าวเปลือกที่เข้ามาครึ่งเช้าของวันนี้ อำพรสรุปให้ดูคร่าวๆ ของรอบบ่ายเดี๋ยวค่อยดูอีกที”
“ขอบคุณครับ อ้อ เดี๋ยวผมจะกลับบ้านเลยนะ ไปทำธุระที่ห้างนิดหน่อยมีอะไรก็จัดการไปเลยนะครับคุณอำพร”
“รับทราบค่าคุณศิลา”
“โอเคครับ งั้นคุณกลับไปทำงานของคุณได้แล้วครับ เดี๋ยวผมดูแฟ้มนี่เสร็จก่อนค่อยไปห้าง”
“ค่า” อำพรยิ้มหวานจนสยองก่อนจะหมุนตัวกลับออกไปทำงานของตัวเอง
แม้หน้าตาของเลขาฯ จะเหมือนถูกสิบล้อชนจนดั้งหัก แต่ความจริงใจต่องานที่ทำนั้นมีเกินร้อย ศิลาดลออกจะชื่นชอบเลขาฯ คนนี้เป็นพิเศษ เป็นคนแปลกที่มีคุณภาพคับจอจริงๆ เขาดูข้อมูลในแฟ้มแค่ไม่กี่นาทีก็จดจำรายละเอียดได้ทั้งหมด ก่อนจะปิดแฟ้มเก็บเข้าตู้เอกสารและเตรียมตัวไปยังห้างสรรพสินค้า
การมาที่นี่ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงหญิงสาวบางคนขึ้นมา ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านนี่เป็นครั้งที่สองที่ได้เข้ามาเดินในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ระหว่างทางเดินเขาก็กวาดสายตาไปรอบๆ เผื่อจะคุ้นชุดพนักงานที่ผู้หญิงคนนั้นสวมใส่ และแล้วเขาก็เจอจนได้ ที่ร้านขายกาแฟสดตรงทางเข้า เสื้อสีส้มกางเกงดำใช่ชุดนี้เลย รีบเดินเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นในทันที
“สวัสดีครับ”
“คะ” แต่พอหันมาเท่านั้นแหละ ศิลาดลหน้าเหวอจนเก็บอาการไม่อยู่ กะพริบตาถี่ๆ เหมือนคนโดนผีหลอก
“เอ่อ ผมทักคนผิดครับ พอดีคนที่ผมรู้จักเขาใส่เสื้อแบบคุณนี่แหละครับ ไม่ทราบว่าร้านอยู่ตรงไหนครับ” เขาหลอกถามแบบเนียนๆ
“ร้านเราอยู่ตรงหัวมุมข้างๆ ร้านหนังสือตรงนู้นค่ะ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์มีโซฟาตั้งอยู่หน้าร้านหลายๆ ตัวนั่นแหละค่ะ หาไม่ยากเลย”
“อ๋อ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ขอบคุณครับ” เขาพยักหน้าเมื่อได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ” แค่รอยยิ้มหวานๆ จากศิลาดลก็ทำสาวหญิงสาวอายม้วนกันไปทีเดียว
“หล่อเนอะพี่แต้ว ว่าแต่ใครอ่ะที่ร้านที่พี่เขารู้จัก ก็มีแค่หนูกับพี่บุญแล้วก็ผู้จัดการร้านเอง”
“อย่าไปสนคนหล่อเลยยัยมุ่ยเอ๊ย แบบนี้น่ะไม่รอดมาถึงมือแกหรอก ว่าแต่จะเอาอะไรกาแฟหรือโอเลี้ยง”
“โหย พี่แต้ว หน้าอย่างหนูนี่โอเลี้ยงค่า พี่บุญโน่นฝากซื้อกาแฟคาปูชิโนด้วย” มุ่ยหรือมารียาถึงกับเหลียวหลังตามผู้ชายคนนั้นไป ใจจริงก็อยากรู้เหมือนกันว่ามาหาใครในร้านที่เธอทำงานอยู่
หาไม่ยากจริงๆ ร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ว่า ศิลาดลเดินเข้าไปทำท่าสนใจเฟอร์นิเจอร์ของร้านอยู่ เขามองหาคนขายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นคนที่ตนตามหา ชายหนุ่มหยุดแล้วอมยิ้มเหมือนคนเจอของถูกใจแต่ไม่กล้าเข้าไปจับต้องมัน ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นพนักงานขายของทางร้าน เพราะเห็นเธอกำลังแนะนำเตียงนอนให้กับลูกค้าท่านหนึ่งอยู่
เขาเดินวนไปตรงโซฟา ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน แล้ววกมาตรงโต๊ะอาหารทำท่าเลือกดูสินค้าเหมือนสนใจ ทั้งที่แอบเหล่คนขายอยู่นั่นเอง
“แนะนำชุดนี้ดีกว่าค่ะ เพราะกำลังทำโปรโมชั่นซื้อแล้วคุ้มกว่าค่ะอีกอย่างวันนี้ทำโปรฯ วันสุดท้ายแล้วนะคะ” เสียงใสๆ ของพนักงานขายสาวทำให้ศิลาดลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับโต๊ะอาหารตรงหน้า เวลาทำงานดูจริงจังและใส่ใจลูกค้าเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนตอนถลึงตาใส่เขา แค่คิดก็รู้สึกขำตัวเองอยู่ไม่น้อย
“ตกลงเอาชุดนี้เนอะคุณ วันนี้โปรฯ วันสุดท้ายด้วยแค่หมื่นกว่าๆ เองนะคุณนะ” ลูกค้าสาวหันไปอ้อนสามี
“ก็ได้ๆ แต่รูดบัตรก่อนได้ไหมเงินสดคงไม่พอ” ฝ่ายสามีแบ่งรับแบ่งสู้
“ได้ค่ะ ไม่ทราบเป็นบัตรอะไรคะ”
“วีซ่าครับ”
“รับค่ะ งั้นเชิญทางนี้ค่ะ” บุญสิตาเดินนำลูกค้าไปยังโต๊ะทำงานเพื่อจัดการชำระเงิน ระหว่างนั้นต้องผ่านหน้าศิลาดลพอดี และด้วยความเป็นพนักงานที่ต้องมองลูกค้าทุกคนในร้าน ทำให้เธออดที่จะมองไปยังลูกค้าผู้ชายตรงโต๊ะอาหารไม่ได้ แค่สบสายตากันหญิงสาวก็เบะปากใส่ในทันที ยอมเสียมารยาทเฉพาะกับบางคนเท่านั้น
ระหว่างทำรายการรูดบัตรให้ลูกค้า สายตาของผู้ชายคนนั้นก็จ้องมองมาที่เธอตลอดเวลา จะตามหลอกหลอนกันไปถึงไหน นึกว่าแค่คนผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป แต่นี่มันนานเกินไปที่เขาจะเป็นแค่คนผ่านทาง หรือเขาจะเป็นคนในท้องถิ่น แบบนี้ก็แย่สิ บุญสิตาลอบเป่าลมออกมาก่อนจะยื่นสลิปบัตรเครดิตให้ลูกค้าได้เซ็นชื่อ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนสินค้ารอประมาณสองวันนะคะ รบกวนคุณลูกค้าตรวจสอบที่อยู่กับเบอร์โทรอีกรอบนะคะว่าตรงไหม เราจะโทรเข้าไปแจ้งล่วงหน้าก่อนเข้าไปส่งค่ะ” หญิงสาวยื่นเอกสารไปตรงหน้าลูกค้าทั้งคู่ ซึ่งลูกค้าทั้งสองก็กวาดสายตาอ่านแบบคร่าวๆ
“ถูกต้องค่ะ”
“งั้นเก็บใบเสร็จไว้นะคะ เพื่อยืนยันกับพนักงานอีกทีนะคะ เผื่อเอาไว้เฉยๆ ค่ะ เพราะถ้าที่อยู่ถูกต้องก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ค่ะ งั้นเรากลับกันเลยนะคุณ” ฝ่ายหญิงหันไปบอกสามี
“ครับ ไปแล้วนะครับ” คนเป็นสามีก็หันมาพูดกับบุญสิตา
“ขอบคุณมากนะคะที่อุดหนุนสินค้าร้านของเรา โอกาสหน้าเรียนเชิญใหม่ได้นะคะ” บุญสิตาไหว้ลูกค้าผู้มีพระคุณอย่างอ่อนช้อย จนบางคนเห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้
คราวนี้มาถึงคิวลูกค้าเจ้าเล่ห์ หญิงสาวมองหารุ่นน้องในร้านซึ่งออกไปซื้อกาแฟ จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับเข้าร้านมา
‘ท้องเสียหรือไงยัยมุ่ยไปนานเชียว’