ตอนที่ : 3 ให้หลาน

2303 Words
2 ให้หลาน สองสามีภรรยาถึงกับผงะหลังจากกำนันสมบูรณ์บอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้รับรู้ นางสินใจมองหน้าบิดาเหมือนคนไม่รู้จัก ส่วนนายศิวัฒน์ก็มองพ่อตาอย่างไม่ไว้วางใจ “เอ็งไม่ต้องมามองพ่อแบบนั้นไอ้วัฒน์นังใจ พ่อไม่ได้จะเอาหนูบุญมันมาเป็นเมียเก็บของพ่อหรอก” “เฮ้อ/เฮ้อ” ลูกสาวกับลูกเขยของกำนันสมบูรณ์ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน “แต่จะเอาไว้ให้เจ้าศิลามัน” “ฮ้า/ฮ้า” แล้วก็ตกใจพร้อมๆ กันอีกรอบ “พ่อศิลาเพิ่งจะลงเรียนโทยังไม่จบเลยนะ จะหาเมียไว้ให้แล้วเหรอ” นางสินใจไม่เห็นด้วยในเรื่องที่บิดาเอ่ยออกมา ลูกชายของนางไม่ใช่คนจะยอมลงให้ใครง่ายๆ คงยากหากจะถูกบังคับเรื่องหัวใจ “ไม่ได้ให้เอาทำเมียจริงๆ เอาเผื่อไว้” “เผื่อไว้ เผื่อทำไมพ่อ” “ก็เผื่อเรื่องผู้ชายๆ เขาไงใจ เอ็งนี่ไม่รู้อะไรเลย อยากให้ลูกชายไประบายที่ซ่องหรือยังไง” กำนันสมบูรณ์ทำท่าหงุดหงิดใส่ลูกสาว “พ่อทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ศิลาไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย” “เหรอ งั้นถามผัวเอ็งสิว่าสมัยหนุ่มๆ มันไประบายที่ไหน” พูดแล้วก็หันไปมองหน้าลูกเขย “อ้าวพ่อ อย่าโยนขี้มาให้ผมสิ ไม่มีอะไรหรอกใจอย่าไปพูดถึงเรื่องในอดีตเลย” “แสดงว่าจริงใช่ไหมคุณวัฒน์” นางสินใจคาดคั้นสามี “ก็แหม มันนานมาแล้วใครๆ ก็ทำกัน” “นี่แน่ะ ใครๆ ก็ทำกันเหรอ คุณนอกใจฉันเหรอ” คนเป็นภรรยายกฝ่ามือขึ้นฟาดหัวไหล่สามีแรงๆ “โอ๊ยคุณ! นอกใจตั้งแต่ยังไม่รู้จักกันนี่นะ คุณใจพูดอะไรออกมาอย่าไปบ้าจี้ตามพ่อสิ” “เห็นไหมๆ ผู้ชายมันก็ต้องมีกันบ้างทุกคนนั่นแหละ เดี๋ยวเจ้าศิลาเรียนจบกลับมาอยู่นี่มันก็ต้องมีบ้างล่ะ เตรียมไว้ให้มันน่ะดีแล้ว ดีกว่ามันไปมั่วกับคนอื่น” กำนันสมบูรณ์รีบเติมเชื้อไฟต่อ “แต่พ่อคะ พูดเหมือนไม่รู้จักหลานตัวเอง ศิลาไม่มีทางยอมรับสิ่งที่พ่อทำอยู่หรอก” “โหย ให้มันเห็นหน้านังหนูบุญก่อนเถอะแล้วมันจะเปลี่ยนใจ” “ค่า ใจไม่อยากคุยกับพ่อแล้ว นี่ไปยึดที่ยึดบ้านเขามาแบบนี้ เขาจะไปอยู่ไหนกัน” “ก็อยู่ที่เดิมนั่นแหละ พ่อไม่ได้ใจร้ายขนาดไล่คนแก่สองคนออกจากบ้านหรอก ที่ยึดเอาไว้ก็เพราะไม่อยากให้ตาเผือกเอาไปขายในวงพนันอีก ได้ทั้งที่ได้ทั้งคนสบายใจจริงโว้ย” กำนันสมบูรณ์สะบัดผ้าขาวม้าขึ้นพาดบ่าลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไป “พ่อนะพ่อทำอะไรก็ไม่รู้ แล้วเด็กคนนั้นจะเป็นไงบ้างป่านนี้ จู่ๆ ก็ถูกขายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว” “พ่อของคุณเขาคิดดีแล้วล่ะ ผมว่าถึงไม่ขายพ่อคุณตาเผือกก็คงเอาไปขายคนอื่นอยู่ดีทั้งบ้านทั้งหลาน คนเราเวลาเข้าตาจนมันทำได้ทุกอย่างล่ะ ขนาดที่นาทำมาหากินยังขายได้เลย นับประสาอะไรกับบ้านกับหลาน” “เฮ้อ คนจนนี่น่าสงสารนะคะคุณ ขาดความรู้แล้วยังตกเป็นทาสของอบายมุขอีก ใจเห็นคนแก่บ้านเรากินแต่เหล้าขาวบอกว่าเป็นยาชูกำลังเห็นแล้วก็เศร้าใจ” “ชีวิตเขาเราไปยุ่งไม่ได้หรอกคุณ เอาแค่ตัวเราครอบครัวเราให้รอดก่อนดีกว่า ขนาดพ่อของคุณเคยเป็นกำนันมาก่อนยังแก้ปัญหาพวกนี้ไม่ได้เลย แกคงปลงแล้วเหมือนกัน รู้จักไหมไม้แก่ดัดยาก” “ค่า แล้วส่วนวัยรุ่นก็ไม่เอาอ่าว ถูกตามใจจนเหลิงกันไปหมด เฮ้อ ดีนะที่ลูกชายเราไม่เป็นแบบนั้น” “ทำใจๆ นะคุณ อย่าเครียดเดี๋ยวแก่ไม่รู้ตัว” “ว่าแล้วเดี๋ยวใจโทรหาลูกก่อนดีกว่า ขืนไปรู้ทีหลังจะตกใจเอา” “ตามใจคุณแล้วกัน ผมไปอาบน้ำก่อนนะ” นายศิวัฒน์เดินขึ้นบันไดบ้านไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภรรยาในการโทรศัพท์แจ้งข่าวให้ลูกชายได้รับรู้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะของคนกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอย่างเมามัน ฝ่ายหญิงพยายามรั้งต้นคอของผู้ชายเอาไว้ไม่ให้เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ได้ง่ายๆ “อย่าสิครับ เดี๋ยวขอรับสายก่อนนะคนสวย รับรองมาต่อให้เสร็จแน่นอน” ศิลาดลก้มลงจูบปากแม่สาวช่างอ้อนด้านล่าง แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะกดรับสายก็หันมามองคนบนเตียงพร้อมกับแตะนิ้วชี้ตรงกลางปาก “คนสวยอย่าส่งเสียงนะครับ แม่โทรมา” เขาบอกเบาๆ ก่อนเลื่อนหน้าจอรับสาย “สวัสดีครับแม่” ศิลาดลกรอกเสียงนุ่มๆ ทักทายมารดา ปลายนิ้วก็เคล้าคลึงสะโพกคนด้านข้างไปด้วย ซึ่งแม่สาวช่างอ้อนก็ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจเป็นหนักหนา รีบเบียดกระแซะเข้าใส่ในทันที “ศิลาแม่มีเรื่องจะต้องบอกลูก” “สำคัญหรือเปล่าครับแม่” คนพูดเริ่มห่อปากแล้วเป่าลมเบาๆ เพราะใจกลางร่างกำลังถูกอุ้งมือของบางคนจับกระตุ้นอยู่ เนื้อตัวของศิลาดลเกร็งขนัดระหว่างรอฟังมารดาพูด “คือจะว่าสำคัญก็ไม่ใช่นะลูก คือว่าแม่จะพูดยังไงดีล่ะ” “ดีครับ” “ดีอะไรนะลูก” “เอ่อ เปล่าๆ ครับแม่” รีบดึงมือของอีกคนออกพร้อมกับขึงตาดุใส่ แม้จะชอบที่ถูกสัมผัสกระตุ้นแต่ก็ไม่ปรารถนาจะทำมันขณะที่กำลังสนทนากับมารดาของตนเอง “แล้วแม่มีอะไรครับโทรมาตอนนี้” พูดแล้วก็แอบตีมือที่แสนซุกซนของแม่สาวด้านข้างไปด้วย “แม่แค่อยากจะโทรมาบอกศิลาว่าตาเขาเอ่อ ไปเก็บหนี้มาแล้วยกหนี้ให้ศิลา” “ทำไมครับแม่ ที่นาของใครอีกล่ะ ไอ้ร้อยไร่ที่ให้เก็บไว้ให้ผมนี่มันยังไม่พออีกเหรอครับ” เขาประชดขำๆ “ดูพูดเข้า ตาเขาหวังดีนะลูก ที่มีกินมีใช้ทุกคนนี้ก็เพราะทำนานะศิลา” “ครับๆ ผมล้อเล่น ว่าแต่เรื่องสำคัญของแม่คือเรื่องไหนครับ” “แต่หนี้คราวนี้มันไม่ใช่ที่นานะ ศิลาจำตาเผือกกับยายศรีจันทร์ที่หมู่บ้านข้างๆ ของเราได้ไหมลูก” “เอ่อ จำไม่ค่อยได้หรอกครับแม่ แต่ชื่อคุ้นๆ อยู่” ศิลาดลหยุดคิดแต่ก็นึกหน้าไม่ออกเสียที แล้วทำไมมารดาของเขาต้องมาพูดเรื่องของคนอื่นในตอนนี้ด้วย “จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แม่แค่อยากจะบอกว่าบ้านและที่ดินของตาเผือกถูกตายึดมาแล้วนะ ตาบอกยกหนี้นี้ให้ศิลา” “แค่นี้เหรอครับแม่” “พร้อมหลานสาวหนึ่งคน” “ฮ้า!” คราวนี้ศิลาดลแผดเสียงจนคนด้านข้างตกใจ เขาลุกขึ้นนั่งสะบัดความงุนงงออกเล็กน้อย “ไม่หาละ พร้อมหลานสาวคนหนึ่งจริงๆ หลานสาวตาเผือกกับยายศรีจันทร์ศิลาคงไม่ค่อยได้เห็นหน้าสักเท่าไหร่ รายนั้นไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหนมาไหนหรอก ตอนนี้ก็อายุสิบแปดเรียนจบมอหกไม่ได้เรียนต่อ” “คือเพื่ออะไรครับแม่ ไปเอาหลานสาวเขามาทำไม” ชายหนุ่มเริ่มมองเห็นเค้าความยุ่งยากในชีวิต “ก็ตานั่นแหละบอกเอาไว้ให้ศิลา” “ผมไม่เอา” รีบปฏิเสธทันควัน “แหมตอบแบบไม่คิดเลยนะ” “ก็จริงนี่ครับ ผมไม่ชอบ” ศิลาดลคิดแล้วก็ขำ ตาของเขาชอบทำอะไรพิลึกพิลั่นอยู่เรื่อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดไปเก็บหนี้เป็นหลานสาวเขามาแบบนี้ “เคยเห็นเขาแล้วเหรอศิลาถึงบอกว่าไม่ชอบน่ะ แม่เคยเห็นเด็กคนนี้ก็หน้าตาโอเคเลยนะ” “ไม่เคยเห็นไม่รู้จักไม่อยากเสวนาด้วยครับแม่” คนเป็นลูกตัดรอนแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด “จ้า ตาบอกว่าเก็บไว้ให้ แต่ถ้าศิลาไม่เอาหรือไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไร เขาก็อยู่ของเขาไปแบบนี้แหละ แม่แค่บอกไว้เผื่อศิลามารู้ทีหลังจะตกใจ งั้นแค่นี้นะ” “ครับแม่ สวัสดีครับ” ศิลาดลหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีเลื่อนปลายนิ้วบนหน้าจอเพื่อวางสาย สีหน้ายุ่งเหมือนคนเพิ่งได้ฟังเรื่องประหลาดมา “ทำไมคะ คุณแม่คุณหาสาวไว้ให้หรือยังไง” แม่สาวช่างอ้อนเลื้อยขึ้นมาเกยคางอยู่บนอกของศิลาดล ปลายนิ้วก็ลากไล้วนรอบๆ ปานสีน้ำตาลของเขา “คนสวยสาวคนไหนก็ไม่เร้าใจเท่าคุณหรอก” ศิลาดลดันแม่สาวช่างอ้อนลงไปนอนราบ แล้วบรรเลงเพลงสวาทต่อให้เสร็จ ห้องทั้งห้องร้อนฉ่าไปด้วยบทรักแสนเร่าร้อน แม่สาวช่างอ้อนก็แค่บังเอิญเจอกันที่ผับและมาจบลงบนเตียง ศิลาดลป้องกันตัวเองอย่างดีเสมอไม่มีพลาด ยังไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนทำให้เขายอมสยบหรือคบเป็นคนรักได้สักที อย่างมากก็แค่เดือนสองเดือนก็ร้างลากันไป            ศิลาดลเป็นวิศวกรไฟฟ้าทั่วไป ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้กับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังแห่งหนึ่ง แม้จะถูกผู้เป็นตาคะยั้นคะยอให้กลับไปอยู่บ้านตั้งแต่เรียนจบปริญญาโท แต่ชายหนุ่มก็ขอเวลาได้ใช้วิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาเสียก่อน ในอนาคตเขาวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะกลับไปสานต่อกิจการทำนาและโรงสีของครอบครัว ต่อจากบิดามารดาอย่างแน่นอน             ทว่าศิลาดลทำงานต่อได้ไม่กี่ปีก็มีเหตุทำให้เขาต้องลาออกจากงานที่รัก เพราะดันไปฟาดหลานสาวเจ้าของบริษัทเข้าโดยไม่รู้ตัว ซ้ำยังถูกผู้ใหญ่บังคับให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงาน สัมพันธ์สวาทแค่คืนเดียวไม่อาจเหนี่ยวรั้งให้เขาต้องรับผิดชอบในตัวของคนที่ตนไม่รักได้ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างยินยอมที่จะมีความสุขร่วมกัน แล้วทำไมพอตื่นขึ้นมาเขาต้องเป็นฝ่ายมานั่งปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ด้วย            “คุณต้องแต่งงานกับเกตุนะคะศิลา” เกตุวดียืนกรานเสียงแข็งหญิงสาวจำเขาได้ก่อนหน้าแล้วว่าทำงานที่บริษัทของครอบครัวเธอ แต่เพราะชอบเขาตั้งแต่แรกพบจึงยอมขึ้นเตียงด้วยแบบง่ายๆ            “ผมจำได้ว่าไม่เคยขอผู้หญิงที่ไหนแต่งงานนะครับ” ศิลาดลยืนพิงสะโพกกับขอบโต๊ะทำงานของตน ขณะที่เกตุวดียืนกอดอกตรงหน้าของเขา            “หมายความว่าไงคะ”            “ก็หมายความว่าถ้าผมจะแต่งงานผมจะไปขอเขาเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมายืนออกคำสั่งปาวๆ แบบนี้”            “ศิลา! คุณมันเลว ได้เกตุแล้วไม่รับผิดชอบ” หลานสาวเจ้าของบริษัทแผดเสียงแว้ดๆ กลางแผนกของศิลาดล มีลูกน้องหลายคนของเขายืนมองแล้วซุบซิบกันอย่างชอบใจ            “คุณอย่าหลอกตัวเองสิครับ เราต่างคนต่างสมยอม ผมไปลากคุณขึ้นเตียงหรือยังไง แล้วเตียงที่ขึ้นก็เตียงคุณเองไม่ใช่เตียงผม”            “อ๊าย! ไอ้บ้า พูดออกมาได้ เกตุจะให้คุณพ่อไล่คุณออกจากงาน”            “เชิญครับ ไม่ต้องไล่ก็ได้ผมออกเอง เบื่อ! รู้ไหม” ตอนพูดคำว่าเบื่อชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เกตุวดี ก่อนจะเดินออกจากแผนกไป            “ไอ้! ไอ้ศิลา!” หญิงสาวกระทืบเท้าเร่าๆ ชี้นิ้วด่าไล่หลังเขาไป ขณะที่เสียงหัวเราะจากคนอื่นก็ดังคิกคักตามมา            “หัวเราะอะไร! พ่อแม่พวกแกตายหรือยังไง เดี๋ยวแม่ก็ไล่ออกให้หมดหรอก!” ทำตัวหัวหน้าไม่ได้เกตุวดีก็อาละวาดใส่ลูกน้องของศิลาดลแทน คนถูกด่าต่างก็เบะปากใส่หญิงสาวแล้วแยกย้ายกลับไปทำงานของตัวเอง            วันนั้นศิลาดลถูกเจ้าของบริษัทเรียกเข้าพบ และเขาก็เลือกที่จะลาออกแทนการแต่งงาน ถูกเกตุวดีตบหน้าไปหนึ่งทีไม่เจ็บใจเท่ากับถูกผู้ใหญ่ในบริษัทมองเหมือนเขาเป็นตัวประหลาด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ต่างคนต่างยินยอมด้วยกันทั้งสองฝ่ายแท้ๆ ชายหนุ่มคิดอย่างเจ็บใจ ก่อนออกจากห้องไปเขาเลือกที่จะเก็บคำว่าสุภาพบุรุษเอาไว้แล้วประกาศต่อหน้าทุกคนว่า            “เราเจอกันในผับสบตากันรู้ความหมาย แล้วเรื่องมันจบลงที่เตียง พวกคุณจะให้ผมรับผิดชอบคนที่ขึ้นเตียงกับผู้ชายแปลกหน้าง่ายๆ ไม่ได้หรอกครับ เพราะคงจะมีหลายคนที่คุณเกตุวดีขึ้นเตียงด้วย ไม่ใช่ผมคนเดียวแน่ๆ” เขายักไหล่ก่อนเดินออกไป            “กรี๊ด! ไอ้ศิลา!” เสียงกรีดร้องดังโหยหวนเต็มไปด้วยความอับอายขายหน้าผู้ใหญ่ของตัวเอง เกตุวดีเลือกเดินหมากผิดชีวิตจึงพังพินาศในวันนั้น และวันนั้นเองที่ศิลาดลเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน กรุงเทพฯ ไม่มีอะไรน่าอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป ชายหนุ่มปรารถนาจะเห็นท้องฟ้าสีครามตัดกับทุ่งนาสีเขียวขจี อยากได้ยินเสียงตาโหวกเหวกโวยวายตอนถูกเขาขัดใจ หรือฝ่ามืออุ่นๆ ของมารดาที่ชอบกอดลูบศีรษะเขา ส่วนบิดาแม้จะนิ่งเงียบตามประสาของผู้ใหญ่ แต่แววตาที่ท่านมองมาก็เต็มไปด้วยความรักความห่วงใย ในวัยสามสิบสองปีเต็มศิลาดลก็ขับรถกลับคืนสู่ถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน        
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD