@บ้านอนันตวรรณาวงษ์
เปรมชัยและนักกายภาพบำบัดช่วยกันประคองเปรมกิจในการฝึกทรงตัว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี คนป่วยใจสู้มากแต่ก็ดูเหนื่อยอยู่มากเช่นกัน
"กิจต้องสู้นะลูกเพื่อทวงคืนครอบครัวของกิจคืนมา นี่รูปหลานพ่อลูกสาวของกิจ ชื่อเล่นชื่อน้องเอ๋ย ชื่อจริงชื่ออัญญารินทร์ลูก น้องหน้าตาน่ารักมาก นี่รูปล่าสุดน้องเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายแล้วนะ อยู่โรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงด้วย ห้องคิงเลยนะ น้องเรียนดี ได้ทุนตลอดเลย" ส่วนอีกคนพยายามที่จะยกมือขึ้นลูบไล้หน้าจอโทรศัพท์
"ละ ลูก อัน อัน" เปรมกิจออกเสียงเรียกชื่อภรรยาที่คิดถึงแต่อีกคนเข้าใจว่าตนจะพยายายามเรียกชื่อลูกสาว
"อัญญารินทร์ลูก หลานพ่อชื่ออัญญารินทร์" เปรมชัยกล่าวตามความเข้าใจของตนเอง
"เอ่อ ท่านครับ ผมว่าให้คนไข้พักก่อนเถอะครับ วันนี้ถือว่าผู้ป่วยให้การตอบรับการรักษาดี และครบชั่วโมงก็ควรพักนะครับ หักโหมไปก็จะไม่เป็นผลดี" เจ้าหน้าที่กายภาพเอ่ยขึ้น
"ได้ซิ/ งั้นกิจพักตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เค้าก่อนนะลูก เดี๋ยวพ่อก็จะไปพักเหมือนกัน” เปรมชัยกล่าว
"พ่อ ค้าบ ร้าก..สา..สุข คา ภาพ ด้วย" เปรมกิจพยายามพูดมันออกมมาจนได้
"ขอบใจลูก ขอบใจ กิจเองก็เหมือนกัน พักผ่อนเถอะ" คนชรากล่าวอย่างรู้สึกอ่อนล้าเช่นกัน
______________________________
สามปีผ่านไป
หนูน้อยอัญญารินทร์เติบโตเป็นสาวสะพรั่ง ในวัย 17 ปี และเธอกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และกำลังมองหามหาวิทยาลัยที่จะยื่นคะแนนสอบในรอบโควต้าเข้าเรียนคณะและสาขาที่สามารถประกอบอาชีพได้เร็วที่สุด ถึงแม้ความฝันของเธอคืออยากเป็นสัตวแพทย์หญิงที่เก่งที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ส่วนอีกด้านของคนที่รอคอยว่าเด็กน้อยของเขาเมื่อไรจะเติบโตเสียทีก็รออย่างมีความหวังว่าสักวันว่าจะได้เธอมาเดินเคียงคู่ และอีกด้านที่รอคอยว่าแม่ของเด็กน้อยและเด็กน้อยจะกลับไปเป็นครอบครัวของเขาอีกครั้งอย่างมีความหวังเช่นกัน โดยที่เด็กน้อยไม่ล่วงรู้อะไรบ้างเลย
@ห้องผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาM
สายเรียกเข้า
สวัสดีครับท่าน.....,เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับ.......,ผมจะพยายามช่วยพูดให้นะครับแต่คงได้ไม่มากเดี๋ยวเด็กจะสงสัยเอา.......,ครับ ครับ........,สวัสดีครับ แล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ทางโน้นก็ใหญ่เหลือเกิน ทางนั้นก็อิทธิพลเหลือร้าย ทางนี้ก็เคยมีบุญคุณแก่กัน..ช่างมีบุญอุปถัมภ์จริงจริ๊งแม่หนูอัญญารินทร์...เฮ๊อ....จะโดนถอนหงอกมั๊ยน๊าเรา ต้องโกหกคำโตอีกแล้วซิ เมื่อปลงใจแล้วจึงแจ้งไปยังฝ่ายอาจารย์ไปแจ้งให้ ตัวต้นเหตุมาเข้าพบในชั่วโมงที่ว่างจากเรียนทันที สักพักใหญ่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตู) ท่าน ผอ.คะ หนู อัญญารินทร์ มาแล้วค่ะ ขออนุญาตเข้าไปเลยนะคะ..../เข้ามาเถอะ
"สวัสดีค่ะ ผอ." เด็กสาวยกมือกระพุ่มไหว้ผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม
"นั่งลงก่อนซิลุก ผอ.มีอะไรจะคุยด้วยหน่อย"
"ค่ะ" เด็กน้อยนั่งลงอย่างว่าง่าย ส่วนอีกฝ่ายเห็นว่าเด็กสาวนั่งเป็นที่เรียบร้อยจึงกล่าวขึ้น
"เรื่องเรียนต่อว่ายังไงบ้าง ได้คุยกับคุณแม่บ้างหรือยัง ขึ้น ม.6 แล้วนะ ผอ.อยากให้หนูมีอนาคตที่ดี เรียนในคณะที่ดี ที่หนูไปถึง หนูสนใจเรื่องอะไรหรืออยากเรียนสายอะไร"
"หนูอยากเรียนในสายที่ไม่ต้องใช้เวลามากค่ะ อยากทำงานเร็ว ๆ จะได้ช่วยคุณแม่เก็บเงินซื้อรถยนต์คันใหม่ แล้วก็ลงทุนอะไรเล็ก ๆ น้อยที่เป็นกิจการของเราสองคนแม่ลูกที่ทำด้วยกันได้น่ะคะ แต่ความจริงแล้วหนูอยากเรียนสัตวแพทย์นะคะ แต่ไม่เป็นไร หนูขอเลือกเหตุผลก่อนความชอบค่ะ" เด็กสาวเอ่ยตามความรู้สึก ในขณะที่คนฟังได้แต่สงสารและทึ่งในคราวเดียวกัน
"งั้นเหรอลุก ถ้ามีคนให้ทุนหนูโดยที่หนูไม่เสียเงินเรียนสักบาทให้หนูเรียนคณะที่หนูชอบหนูยังอยากจะเรียนสัตวแพทย์อยู่อีกมั๊ย?" ผอ.เอ่ยถามอย่างอยากรู้
"ไม่ค่ะ หนูยังอยากเรียนในสิ่งที่หนูจับต้องได้อยู่ดี เพราะถ้าหนูเรียนคณะที่หนูชอบหนูคงดูแลแม่ไม่ได้ แถมยังรบกวนคุณแม่อีก อีกอย่างหนูอยากอยู่ใกล้ ๆ คุณแม่แล้วก็น้องหมาของหนูค่ะ" อัญญารินทร์ตอบตามความสัตย์ ซึ่งทำให้อีกคนถึงกับอึ้งและรู้สึกสงสารระคนเอ็นดูเด็กคนนี้อยู่มากโข รวมถึงผู้ที่ฟังอยู่ในสายอีกด้วย
"งั้นแสดงว่าหนูยินดีจะรับทุนสำหรับการเรียนในระดับชั้นต่อไปใช่มั๊ยลุก"
"ใช่ค่ะ หนูยอมรับทุนถ้ามันจะทำให้คุณแม่ของหนูไม่เหนื่อยจนเกินไปค่ะ ถึงหนูไม่ได้เรียนในคณะที่ชอบ หรือคณะในฝันก็ไม่เป็นไรค่ะ"
"งั้น ผอ.จะส่งรายชื่อหนูเป็นผู่สมัครขอรับทุนเป็นอันดับหนึ่งเลยนะ ถ้ายังไงช่วยลงชื่อตรงนี้ไว้หน่อย แล้วก็ขอเบอร์โทรศัพท์ของหนู ของคุณแม่ของหนู แล้วก็ อีเมลแอดเดรสของหนูไว้ด้วยนะ เพิ่มไลน์ ไอดีหน่อยก็ดี" ผู้ใหญ่ของห้องเอ่ยแบบเนียน ๆ
"ได้ค่ะ ผอ. นี่ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ"
"อ้อ ครบถ้วนแล้ว งั้นรอติดต่อกลับไปนะลุก หนูมีเรียนอีกหรือเปล่า"
"ไม่มีแล้วค่ะ"
"งั้นก็กลับบ้านได้แล้ว แล้วกลับยังไงล่ะ"
"รถประจำทางค่ะ ยังไม่ค่ำหนูจะลองนั่งรถประจำทางดูค่ะ เผื่อวันไหนคุุณแม่ยุ่ง ๆ หนูจะได้มาโรงเรียนด้วยตัวเองได้ คุณแม่จะได้ไม่ต้องไปทำงานสายเพราะแวะส่งหนูค่ะ"
"เหรอลูก งั้น ผอ.ไปส่งหนูที่บ้านดีมั๊ย อยู่ทางไหนล่ะ เผลอ ๆ เราอาจจะไปทางเดียวกันก็ได้นะ บ้านหนูห่างจากโรงเรียนไม่กี่ป้ายรถประจำทางเองค่ะ คงไม่รบกวน ผอ.หรอกค่ะ งั้นหนูลาเลยนะคะ ขอบพระคุณผอ.มากค่ะที่ช่วยส่งข่าวและคิดถึงนักเรียนตัวเล็ก ๆ อย่างหนู สวัสดีค่ะ" เด็กสาวยกมือกระพุ่มไหว้ผู้ใหญ่ของห้องอย่างน่ารักแล้วเดินไปเปิดประตูออกไปอย่างมีมารยาทจนลับสายตาจึงกดวางสายโทรศัพท์
..นักเรียนตัวเล็ก ๆ เหรอลูก หนูตัวไม่เล็กเลยนะลูกแต่หนูไม่รู้เท่านั้นเองว่าหนูใหญ่แค่ไหน ถ้ารู้ความจริงก็อย่าโกรธลุงเลยน๊า ลุงจำเป็น ผู้อำนวยการใหญ่โอดครวญกับตัวเองเพียงลำพังอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี..