@บ้านกาลเวหล
ปกรณ์เลือกที่จะขับรถเข้าไปในบ้านของสาวเจ้าเพราะถนนค่อนข้างคับแคบ และอีกอย่างมารดาของสาวเจ้ายังไม่ถึงเวลาเลิกงานและกว่าจะมาถึงก็ค่ำมืด ทั้งสองลงจากรถและช่วยกันขนข้าวของที่ซื้อมาเก็บเข้าตู้เย็นจัดวางอย่างเป็นระเบียบ (ไรท์ลืมบอกไปว่าเฮียกรได้รับอนุญาตให้เข้านอกออกในบ้านหลังนี้ได้แล้วนะคะ แต่ห้ามรุ่มร่ามค่ะ เพราะอย่างน้อยที่เวลาคุณแม่ยังไม่กลับน้องก็จะปลอดภัยค่ะ)
หงิง ๆ....งี๊ด ๆ.... (เสียงเจ้าหมาตัวอ้วนร้องขออยากกินขนม)
"เดี๋ยวก่อนนะคะบุญเก็บ ขอพี่เอ๋ยเก็บของให้เรียบร้อยก่อน คุณอากรซื้อขนมมาฝากน้องเยอะเลย" อัญญารินทร์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วช่วยคนตัวโตเก็บข้าวของอย่างเร่งรีบอยู่ในที
"หึหึ อยู่เป็นนะเรา นั่งรอนิ่ง ๆ ก็เป็น แสนรู้จัง"
"น้องรู้ประสาค่ะ รู้ทุกอย่างเพียงแต่พูดไม่ได้เท่านั้นเอง"
"อือ จริงด้วย....ว่าแต่เย็นนี้หนูอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวอากรทำให้"
"แกงจืดเต้าหู้ไข่ไม่ใส่หมูได้มั๊ยคะ แล้วก็ไข่ตุ๋นค่ะ"
"กินง่ายอยู่ง่ายนะเรา ได้ซิ เดี๋ยวอาทำต้มยำอะไรแซ่บ ๆ ไว้เผื่อคุณแม่ของเราด้วย" ชายหนุ่มรีบหุงข้าวก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงลงมือทำกับข้าวอย่างขมักเขม้น สักพักเมนูที่สาวเจ้าอยากกินก็วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารในเวลาต่อมา
"ขอบคุณค่า..." อัญญารินทร์ตอบเสียงเจื้อยแจ้วเพราะเธอกำลังป้อนขนมให้เจ้าหมาเกินอวบอยู่ในส่วนของหน้าบ้านนั่นเอง
..หึหึ เหมือนทำกับข้าวให้ลูกสาวเลยกู.. {ปกรณ์ได้แต่คิดในใจ}
อีกด้านของคนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน
อรัญญาขับรถมาจอดที่โรงจอดรถ และเปิดประตูรถลงมา ทันใดนั้นจมูกของเธอได้กลิ่นอาหารหอมหวลชวนน้ำสายสอลอยมาจากในครัว และเห็นลูกสาวกำลังนั่งป้อนขนมเจ้าหมาเกินอวบและหยอกล้อเล่นกันเป็นเด็ก ๆ จึงนึกเอ็นดู และเดาในใจว่าน่าจะเป็นปกรณ์ชายหนุ่มรุ่นน้องที่เป็นคนทำอาหารอยู่ในห้องครัวเป็นแน่
"ทำอะไรอยู่จ๊ะ เด็กน้อย และใครมาทำกับข้าวให้กินคะวันนี้" อรัญญาเอ่ยถามลูกสาวยิ้ม ๆ
"คุณอากรค่ะคุณแม่" อัญญารินทร์ยิ้มแป้นเดินมาหามารดาทำท่าว่าจะช่วยถืออาหารที่มารดาถือติดมือมาด้วย
"มือหนูเปื้อนน้ำลายน้องอยู่ เดี๋ยวแม่ยกเองลุก เล่นกับน้องไปเถอะ" อรัญญากล่าวเตือน
"อ๋อค่ะแม่"
อีกด้านของคนที่มาจากในครัว
"หวัดดีครับพี่อัน มีอะไรให้ผมช่วยยกมั๊ยครับ ผมทำกับข้าวเสร็จพอดี"
"อ๋อ ไม่มีแล้วค่ะ พี่ยกมาหมดแล้ว ทำอะไรกินคะ"
"น้องเอ๋ยเค้าอยากกินแกงจืดเต้าหู้ไข่ แล้วก็ไข่ตุ๋นน่ะครับ ก็เลยทำให้เค้าหน่อย แต่ผมทำต้มยำปลาทูไว้ให้พี่แล้วนะครับ เห็นว่ามีแต่เมนูเด็ก ๆ ก็เลยทำเมนูอื่นบ้าง".. หึหึ..
"อ้อ ขอบคุณค่ะ แต่พี่ก็ซื้อกับข้าวมาด้วยนะคะ มีแพงพะแนงหมู ห่อหมกปลา แล้วก็น้ำพริกปลาทูกับผักต้ม"
"ครับงั้นอุ่นอีกรีบดีกว่านะครับเดี๋ยวผมจัดการให้"
"ได้ค่ะ ขอบคุณมาก กินข้าวด้วยกันนะคุุณกร เดี๋ยวพี่ไปดูน้องเอ๋ยก่อน/น้องเอ๋ยลูกพาน้องเข้าบ้าน แล้วล้างมือ มากินข้าวกันลุก" อรัญญาคุยกับชายหนุ่มแล้วเดินไปเรียกลูกสาวที่ติดเล่นเหมือนเด็ก ๆ
..หึหึ.. กุจะได้เริ่มเมื่อไรว๊ะไอ้กรเอ้ย {ปกรณ์ได้แต่บ่นในใจที่ความสัมพันธ์ของเขาและเด็กสาวไม่ได้คืบหน้าไปไหนเสียที เพราะคำว่าอามันบังหน้าจนมิดน่าอึดอัดชะมัด}
ทั้งสามนั่งรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะเด็กสาวที่ดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษตักไข่ตุ๋นใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มป่อง
"อร่อยเหรอคะน้องเอ๋ย คราวหน้าคุณแม่จะได้ทำให้กินบ้าง" อรัญญาเอ่ยถามลูกสาว
"อร่อยค่ะคุณแม่ แกงจืดก็อร่อย" อัญญารินทร์ตอบยิ้ม ๆ แล้วตักแกงจืดใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ไม่หยุด
"......" อรัญญาไม่พูดอะไรได้แต่ส่งยิ้มให้ลูกสาว
หลังจากรับประทานอาหารกันจนอิ่มแล้ว เด็กสาวขออาสาเก็บล้างถ้วยจานและเก็บโต๊ะอาหารเอง ส่วนผู้ใหญ่จึงย้ายไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น
@ห้องนั่งเล่@บ้านกาลเวหล
"เอ่อ พี่อันครับผมขออนุญาตนะครับละลาบละล้วงถามอะไรสักอย่างนะครับ"
"ว่ามาซิ"
"พี่อันยังโกรธคุณลุงเปรมชัยอยู่มั๊ยครับ"
"เฮ้อ...ถามว่าหายโกรธหรือยัง จะบอกว่าหายแล้วก็เหมือนเสแสร้งนะคะ จะบอกว่ายังโกรธอยู่ก็ไม่เชิงค่ะ"
"หมายความว่ายังไม่ให้อภัยใช่มั๊ยครับ"
"เรียกว่าเจ็บดีกว่าค่ะ คำดูถูกโดยที่เราก็เป็นแบบนั้นเสียด้วยซิ เราง่ายกับลูกชายเค้าก่อน เค้าก็ย่อมระแวงว่าเราจะง่ายกับคนอื่นด้วย ก็สมแล้วนี่คะ"
"พี่อันกำลังดูถูกตัวเองนะครับ คนที่รู้ดีที่สุดคือตัวพี่เองว่าพี่เป็นยังไงไม่ใช่เหรอครับ ทำไมต้องกดตัวเองเพราะคำพูดของคนที่ไม่รู้จักเราดีพอ คนที่พี่ควรแคร์คือเฮียกิจต่างหาก แล้วตอนนี้คนที่เคยดูถูกพี่ก็เป็นแค่คนชราที่มีโรคภัยรุมเร้า ไหนจะไข้ใจจากความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจเพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายเสียผู้เสียคนกินเหล้าเมามายจนหมดสติเกือบยื้อชีวิตไว้ไม่ทัน นี่ก็เป็นบทเรียนราคาแพงของท่านแล้วนะครับ พี่อันจะอภัยให้คนชราคนนั้นได้มั๊ยครับ ทานที่อานิสงส์แรงที่สุดคืออภัยทานนะครับ" ปกรณ์พยายามหว่านล้อมขนาดยกคำพระคำเจ้ามาข่ม