เขา นายแพทย์ปกรณ์ สหศิลป์ปรีชา หรือกร แต่เพื่อน ๆ ที่สนิทมักจะเรียกว่า หมอกี
หนุ่มใหญ่วัยสามสิบกว่า ๆ สูงยาวเข่าดี เบ้าหน้าเหมือนสั่งตรงจากแดนกิมจิแต่เฮียแกไม่ได้ศัลย์นะ ป๊ากับม๊าให้มา การศึกษาเด่นเพราะเรียนจบแพทย์แล้วต่อเฉพาะทาง เป็นระดับแพทย์ซีเนียร์ เป็นที่เคารพนับถือของน้อง ๆ แพทย์ อินเทิร์น เอ็กส์เทิร์น และ แพทย์สาว ๆ พยาบาลสาว ๆ ก็ไม่เว้น ว๊าวุ่นกันไป
เธอ นางสาวอัญญารินทร์ กาลเวหล หรือน้องเอ๋ย ที่คุณแม่ของเธอและพี่อาสามักจะเรียกว่า "น้อง" นำหน้าเสมอ ๆ เพราะเด็กที่สุดในกลุ่ม
เด็กสาววัยกระเตาะ ผู้อาภัพ มีเพียงมารดาที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ เข้าเรียนในโรงเรียนสหศึกษาตามมตรฐานทั่วไป หน้าตาสวยน่ารักสดใส รูปร่างค่อนข้างผอมบาง ประกอบกับส่วนสูงมาตรฐานหญิงไทยที่ 165 เซนติเมตร ทำให้เธอดูบอบบางน่าทนุถนอมไปอีก
___________________
อดีตที่ผ่านมา
@ป่าละเมาะหลังโรงเรียนสหศึกษาแห่งหนึ่ง
..เอ๋ง...เอ๋ง....อื๋อ....อื๋อ...เสียงสุนัขเด็กร้องครางด้วยความเจ็บปวดทรมาน ..เอ๋..เสียงอะไรนะ..ไปดูสักหน่อย..
เด็กหญิงวัย 11 ย่าง 12 ปี รีบรุดเข้าไปหาต้นเหตุของเสียงนั้นทันที
"โอ้..เจ้าหมาน้อย ไปโดนอะไรมา ทำไมเนื้อตัวมีแต่แผล..คงเจ็บมากซินะ..มะพี่จะพาไปหาหมอ" เด็กหญิงอัญญารินทร์ตัดสินใจอุ้มเจ้าสุนัขโชคร้ายไปยังคลินิกรักษาสัตว์ที่ใกล้ที่สุดอย่างไม่รีรอ
@คลิริกรักษาสัตว์เป็นมิตร
"สวัสดีค่ะ น้องโดนอะไรมาคะ?" ผู้ช่วยประจำคลินิกเอ่ยถามเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มลูกสุนัข มีเลือดเปื้อนขนทำให้ขนเปียกลู่แนบไปกับลำตัวที่ผ่ายผอม
"น้องเป็นแผลมีเลือดออกเต็มเลยค่ะ หนูไปพบที่หลังโรงเรียนนี้เองค่ะ น้องคงเป็นหมาจรน่ะค่ะ ไม่รู้โดนอะไรมาเหมือนกัน ตอนหนูไปเห็นน้องก็เป็นแบบนี้แล้ว (พร้อมกับชี้ไปบริเวณที่พบเจ้าตัวเล็ก) แต่หนูมีตังค์ไม่เยอะนะคะ (พร้อมกับแบมือให้ดูพบธนบัตรใบละร้อยบาทสองใบ ใบละยี่สิบบาทอีกสองสามใบและเงินเหรียญอีกหนึ่งกำมือ พี่ ๆ ช่วยรักษามันหน่อยได้มั๊ยคะ หนูมีแค่นี้ค่ะ"
"ไหนหมอขอตรวจดูอาการน้องหน่อยครับ เอาน้องเข้ามาเลยครับ" ประโยคแรก พีระหรือต้นข้าว สัตวแพทย์หนุ่มใจดีเดินเข้ามาคุยกับเด็กหญิงตัวน้อย ประโยคหลังหันไปสั่งให้ผู้ช่วยนำสุนัขโชคร้ายเข้าห้องตรวจไป
"น้องมีบาดแผลที่คอ หลัง และเท้าครับ น่าจะถูกกัด เพราะมีรอยเขี้ยว และรอยขูดขีดที่ผิวหนัง แต่น้องใจสู้มากนะครับ...เอาเป็นว่าพี่หมอจะช่วยรักษาให้ฟรีเลยไม่ต้องห่วง แต่หนูต้องช่วยพี่หมออย่างนึงได้มั๊ยครับ จากนั้นสัตวแพทย์หนุ่มได้ล้วงโทรศัพท์มาถ่ายรูปและอัดคลิปวีดีโอหนูน้อยและสุนัขโชคร้ายแล้วกดยุกยิก ๆ สักครู่แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเด็กน้อยยิ้ม ๆ ไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยวพี่หมอช่วยรักษาให้ฟรีเลย ไม่ต้องเสียตังค์ เก็บตังค์ไว้กินหนม รับรองน้องต้องหาย..ถ้าน้องหายแล้วหนูจะทำยังไงกับน้องดี อยากเลี้ยงน้องมั๊ยคะ?"
"อืม อยากค่ะ หนูอยากเลี้ยงน้องค่ะ แต่แม่หนูคงไม่ยอม.." เด็กน้อยตอบอย่างแสนซื่อ
"ไม่เป็นไรนะ หนูลองไปถามคุณแม่ก่อน แล้วเราค่อยมาปรึกษากันดีมั๊ย งั้นเราแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกันก่อนเน๊าะ"
"ได้ค่ะ หนูชื่อน้องเอ๋ยนะคะ"
"งั้นหนูกลับบ้านได้เลยนะคะ ให้น้องหมาอยู่ที่นี่ พี่หมอกับพี่พี่ผู้ช่วยจะช่วยดูแลให้นะคะ"
"ค่ะคุณหมอ ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ นะคะ งั้นหนูลาละค่ะ" พูดเสร็จเด็กน้อยก็ยกมือไหว้คุณหมอและพี่ ๆ ผู้ช่วยแล้วเดินออกไปเพื่อกลับบ้าน เธอมีเรื่องจะเล่าให้แม่ของเธอฟังเยอะเลย 《ขอให้กลับมานะครับน้องเอ๋ย》สัตวแพทย์หนุ่มได้แต่คิดในใจ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
@คลินิกรักษาสัตว์เป็นมิตร
"สวัสดีค่ะ น้องเอ๋ยมาเยี่ยมน้องหมาที่เอามารักษาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วค่ะ" เด็กหญิงผมเปียหน้าตาน่ารักที่จูงมือหญิงวัยผู้ใหญ่มาด้วยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส อีกด้านสัตวแพทย์ใจดีที่หันมาพบแขกผู้มาเยือนที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดพอดี
"อ้าว น้องเอ๋ย มาเยี่ยมน้องเหรอครับ น้องอยู่นี่ครับ กินเก่ง ซนด้วยครับ พี่หมอฉีดวัคซีนให้น้องแล้วนะครับ มีนัดเข็มต่อไปด้วย อยากเอาน้องไปเลี้ยงมั๊ยครับ" เด็กหญิงไม่ตอบแต่หันไปมองหญิงวัยผู้ใหญ่ที่ยืนข้าง ๆ
"คุณแม่..น้องเอ๋ยอยากเลี้ยงน้อง..ได้ไหมคะ" เด็กเอ่ยออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ในใจก็คิดไปต่าง ๆ นานา อีกทั้งกลัวความผิดหวังเพราะครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่มีรายได้ระดับกลาง มารดาของเธอเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ๆ ทั่วไป
"พี่ขอดูน้องหมาหน่อยได้มั๊ยคะ" หญิงวัยผู้ใหญ่กล่าวขึ้นอย่างรักษามารยาท
"เชิญทางนี้เลยครับ" ผู้ช่วยเดินมาเชื้อเชิญหญิงวัยผู้ใหญ่ไปยังกรงของเจ้าสุนัขโชคร้ายทันที