ตัดมาที่พยาบาลมานพหลังจากที่พาคนป่วยขึ้นห้องมา บังเอิญเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือปรากฎข้อความใหม่ เพราะเขาปิดเสียงไว้ จึงเปิดเข้าไปอ่านดู ปรากฎว่าเป็นข้อความจากน้องสาวที่ส่งมาบอกว่าวันนี้มีกิจกรรมจะกลับดึกเสียหน่อยแต่จะมีพี่ ๆ ที่คณะมาส่งไม่ต้องเป็นห่วง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองพักอยู่ที่หอในแต่ก็ยังอุตส่าห์ส่งข่าวมาบอก
..กลับดึกเหรอ.. หึหึ อยู่หอในแท้ ๆ ยังอุตส่าห์ไลน์มาบอกพี่อิก ยัยน้องเอ้ย.. เหนื่อยแย่เลยซิ จะขึ้นปีสองแล้วนิ่.. มานพได้แต่มองที่หน้าจอแล้วยิ้มอยู่คนเดียว โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนคอยจับสังเกตอยู่
"คุยกับใครอยู่หรือครับ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว" เปรมกิจเอ่ยถามอย่างนึกเอ็นดูพยาบาลหนุ่ม
"น้องสาวน่ะครับ เรียนแพทย์ปีหนึ่งจะขึ้นปีสองแล้วครับ อยู่หอใน แต่ไลน์มาบอกว่าพี่ชายว่ามีกิจกรรมจะกลับดึกแต่จะมีรุ่นพี่ที่คณะมาส่ง ก็เลยนึกขำขึ้นมาน่ะครับ" พยาบาลมานพพูดไปยิ้มไปนัยน์ตาเป็นประกายสุขใส
"ท่าทางคุณพยาบาลจะรักน้องสาวมากนะครับ น่าจะวัยเดียวกันกับลูกสาวของผมเลย" เปรมกิจเอ่ยยิ้ม ๆ
"ครับ อายุก็ 19 ย่าง 20 ปีแล้วครับ เราเหลือแค่สองคนพี่น้อง พ่อแม่ตายหมดแล้วครับ" พยาบาลหนุ่มเอ่ยเสียงราบเรียบ
"มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะ ค่าใช้จ่ายติดขัดยังไงก็บอก ผมช่วยได้ผมก็อยากช่วย" เปรมกิจออกมาจากส่วนลึกข้างใน
"คงไม่รบกวนหรอกครับ พอดีน้องได้ทุนเรียนดีครับ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ผมก็พอสู้ไหวครับ" พยาบาลหนุ่มเอ่ยออกได้ด้วยความซาบซึ้งใจนึกขอบคุณอาจารย์หมอที่ช่วยแนะนำสถานที่ทำงานใหม่ให้เขา จึงได้มาพบเจ้านายที่ประเสริฐเช่นนี้
อีกด้านของผู้มาใหม่
"จะเป็นไรไป ครอบครัวของผมอยากช่วย เราอยากให้โอกาส" เป็นเปรมมนัสที่เอ่ยสนับสนุนความคิดของพี่ชาย
"ใช่ครับภรรยาผมก็เป็นเด็กกำพร้า แต่เธอเรียนเก่งแล้วก็ขยันจนได้ทุน เราได้พบกันและรักกันในช่วงที่เธอฝึกงานที่บริษัทของครอบครัวผมครับ " เปรมกิจถือโอกาสเล่าชีวประวัติของตนเองเสียเลย
"ครับ " พยาบาลหนุ่มเอ่ยราบเรียบอย่างรักษามารยาท
______________________
หนึ่งปีผ่านไป
ปกรณ์พาร์ท
{หนึ่งปีแล้วที่คนของใจของผมเข้ามาเป็นนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัย น้องกำลังเรียนอยู่ระดับชั้นปีสองแล้วใกล้จะครึ่งทางแล้วครับ พอขึ้นปีสองปุ๊บก็ร้องขอขับรถไปมหาวิทยาลัยเองเลย ไม่อยากให้ไปรับไปส่งเสียแล้ว แต่ผมก็ทักท้วงไปแล้วว่าไว้ให้อายุยี่สิบปีก่อนถึงจะให้ขับรถเองเพิ่งขับรถเป็นได้ไม่ถึงปีเป็นห่วงครับ ส่วนบ้านน้องก็เห็นด้วยนะครับ ข้อนี้ผมชนะขาด
แต่พ่อกับแม่ของน้องยังไม่ลงเอยกันสักทีนี่ซิครับที่ผมละกลุ้ม เพราะถ้าพ่อกับแม่น้องยังไม่คืนดีกันน้องก็จะไม่ยอมมีแฟน น้องบอกอย่างนั้น เวรแล้วไง
ส่วนเฮียกิจก็มีสภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก พูดเป็นต่อยหอย ก่อนป่วยไม่ค่อยพูด แต่พอหายป่วยฟื้นขึ้นมากลับพูดเก่งคุยเก่งแถมชอบทำอาหารอีกต่างหาก เฮ่อ..ก็แล้วแต่จะเป็นไปครับ ส่วนพี่สะใภ้ก็ดูจะอ่อนลงไปเยอะ ยอมให้พ่อลูกได้พบกัน ได้กินข้าวร่วมโต๊ะ แต่ไม่ยอมคืนดีด้วย ผมคงต้องทำอะไรลงไปสักอย่างแล้วครับ ไม่งั้นคงไม่ได้ลงเอยกับน้องเอ๋ยในเร็ววันนี้แน่}
................................
@ออฟฟิศผู้บริหารโรงพยาบาลP
ชายหนุ่มนั่งคิดแผนจนปวดหัวไปหมด แต่เมื่อนึกถึงใครบางคนก็ยิ้มขึ้นมาได้ เขารีบล้วงกระเป๋าไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูมากดโทรออกหาใครบางคนทันที
สายโทรออก ธันทร
ปกรณ์: เจอกันหน่อยซิว๊ะไอ้หมอ ว่างเมื่อไร
ธันทร: กุมีเคสเว้ย ไม่ได้นั่งเป็นผู้บริหารอย่างมึงนี่ครับ
ปกรณ์: ว่างเมือไร
ธันทร: เสาร์นี้พอได้
ปกรณ์: ก็เท่านั้น เจอกันที่เดิม สามทุ่ม มีเรื่องให้ช่วย
ธันทร: ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายก็โอเค
ปกรณ์: ไม่ผิดแน่นอนครับ
ธันทร: ตามนั้น
ปกรณ์: ขอบใจมากเว่ย บาย และกดวางสาย
หลังจาวางสายจากเพื่อรักแล้วเขาเดินออกจากห้องผู้บริหารไปอย่างอารมณ์ดี เพื่อไปรับคนของใจยังไงล่ะ เพราะเขาได้ทำข้อตกลงกับเปรมกิจและบ้านอนันตวรรณาวงษ์ไว้ว่า ในหนึ่งสัปดาห์เขาขอไปรับคนของใจที่มหาวิทยาลัยบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน และวันนี้เป็นคิวของเขา
@มหาวิทยาลัยJ
ปกรณ์จอดรถบริเวณหน้าคณะบริหารแล้วเดินไปเรื่อย ๆ พบว่าคนตัวเล็กใส่หูฟังและกำลังก้มหน้าก้มตาดูชีทเล่มหนาอย่างขมักเขม้น เขาจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบ และเปิดหูฟังออกจากศีรษะของเด็กสาว
"อ้าว คุณอากร หวัดดีค่ะ มาเสียเงียบเชียว" คนตัวเล็กพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับรีบเก็บข้าวของอย่างรีบ ๆ อยู่ในที
"ทำการบ้านอยู่เหรอครับ ปะ กลับบ้านกัน"
"กลับบ้านหนู หรือกลับบ้านคุณปู่คะ" เด็กสาวเอ่ยอย่างแสนซื่อ
"กลับบ้านหนูซิครับ พอดีอาอยากไปเล่นกับบุญเก็บด้วย ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ลดหุ่นบ้างหรือยัง" ปกรณ์พูดไปยิ้มไปอย่างคนอารมณ์ดี
"ฮิฮิ ลดไม่ลงค่ะ พยาพยาให้ออกกำลังกาย แต่กลายเป็นว่าน้องเอ๋ยที่ต้องเหนื่อยซ๊ะเอง เพราะนางจะเล่นจนมอมแมมนะซิคะ"
"หึหึ เหรอ เดี๋ยวพาแวะซื้อขนมของกินของคน แล้วก็ของหมาไปพร้อมด้วยนะ" ปกรณ์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วยกมือขึ้นมาลูบผมคนตัวเล็กอย่างนึกเอ็นดู
"ได้ค่ะ น้องเอ๋ยอยากกินโดนัท แล้วก็ไก่ทอด"
"ได้เลยครับ คุณผู้หญิง งั้นไปกันเล้ย.."
สองพูดคุยหยอกล้อกันจนเดินไปถึงรถ และแวะซื้อขนม ของกินระหว่างทางมาด้วย หลังจากนั้นก็ตรงมายังบ้านของสาวเจ้าทีเดียวเลย