ความเดิม-"ค่า อิ่มแล้วค่า จะกลับแล้ว ก็เลยจะมาลาคุณปู่ค่า..อ้าวคุณอานัทก็อยู่ หนูกลับก่อนนะคะ คุณพ่อจะนั่งรถไปกับหนูด้วยค่ะ สวัสดีค่ะคุณปู่ สวัสดีค่ะคุณอา"
"ไหว้พระเถอะลูก/หวัดดีครับสาวน้อยกลับบ้านดี ๆ นะครับ" สองพ่อลูกได้แต่สบตากันอย่างรู้ความนัย
..................................
เปรมกิจที่นั่งรถมากับลูกสาวด้วยรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนจีบแม่ของลูกใหม่ ๆ ในหัวคิดหาถ้อยคำที่จะมาพูดกับภรรยาเพื่อจะหาทางคืนดีให้จงได้
"คุณพ่อคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ มีน้องเอ๋ยอยู่ทั้งคน น้องเอ๋ยไม่ปล่อยให้คุณแม่ทำอะไรคุณพ่อได้หรอกค่ะ" อัญญารินทร์เอ่ยออกไปตามที่คิดไม่ใช่ว่าบิดาของเธอเท่านั้นที่เป็นกังวล แม้แต่ตัวเธอเองก็กังวลด้วยเหมือนกัน
"ครับ ขอบคุณครับลูก พ่อจะทำให้ดีที่สุดเพื่อครอบครัวของเราครับ" เปรมกิจเอ่ยยิ้ม ในใจก็คิดสงสารลูกสาวไปแม้แต่คนขับรถก็ยังรู้สึกสลดใจไปด้วย
เมื่อถึงจุดหมายเปรมกิจให้คนขับรถจอดรอที่หน้าบ้าน
"นายนพจอดรอตรงนี้แหละเดี๋ยวผมออกมา"
"ครับคุณเปรมกิจ" นพดลกล่าวพร้อมกับค้อมตัวอย่างนอบน้อม
"คุณพ่อคะ แน่ใจแล้วเหรอคะ"
"แน่ใจซิลูก พ่อก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแม่เค้ายังรักพ่ออยู่หรือเปล่า"
"ค่ะพ่อ งั้นไปค่ะ/คุณอาจะเข้าห้องน้ำด้วยหรือเปล่าคะ เดี๋ยวน้องเอ๋ยพอไป" อัญญารินทร์ขอความมั่นใจจากบิดาและหันไปไถ่ถามพนักงานขับรถด้วยความห่วงใย
"ไม่แล้วครับคุณหนู ถ้าผมปวดเข้าห้องน้ำเดี๋ยวผมจะตามเข้าไปนะครับ ขอบคุณครับ" นพดลเอ่ยยิ้ม ๆ เมื่อสองพ่อลูกลงจากรถไปเขาจึงปรับเบาะนอนลงเพื่อพักสายตา
@บ้านกาลเวหล
"น้องเอ๋ยกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ ทำรายงานกับเพื่อนเหรอถึงได้กลับค่ำมืดจัง เดี๋ยวแม่คงต้องหา...." (หารถให้สักคัน) อรัญญาพูดยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดกระทันหันเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจพิกลเมื่อเห็นคนที่ตามเข้ามาด้วย
"มาส่งน้องเอ๋ยเหรอคะ" อรัญญาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบหันไปสบตาแขกผู้ไม่ได้รับเชิญเพียงครู่แล้วหันไปจ้องหน้าลูกสาวตัวดีนิ่ง
"อันอย่าตำหนิลูกเลย พี่ขอลูกมาเองแหละพี่คิดถึงอยากมาหา" เปรมกิจเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยน่าสงสาร
"พี่กลับไปเถอะ ค่ำมืดแล้ว" อรัญญาเอ่ยตอบกลับไปด้วยใบหน้าเริ่มจะตึงขึ้นมาบ้างแล้ว
"แม่คะ ชวนคุณพ่อกินข้าวกับเรานะคะ น้องเอ๋ยอยากกินข้าวด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก" อัญญารินทร์ก้าวไปยืนต่อหน้ามารดาแล้วเอื้อมมือเข้าไปจับมือทั้งสองข้างของมารดามากุมไว้หลวม ๆ เป็นเชิงขอร้อง
"ไม่ได้หรอกลูก คุณเค้าต้องกลับบ้านไปกินยาพักผ่อน อย่ากวนคนป่วยเลยนะลูก น้องเอ๋ยกินกับแม่สองคนก็พอ"
"ยาหลังอาหารน่ะ กินข้าวที่นี่แล้วกลับบ้านไปก็กินยาพอดีเลย พี่ขอกินข้าวด้วยนะ หิวแล้วเนี่ย เวลาหิวแล้วไม่ได้กินจะใจหวิวมือสั่นหน้ามืดทุกทีเลย" เปรมกิจเอ่ยแทรกขึ้น แถมทำหน้าตาน่าสงสาร
"นะคะ คุณแม่ ให้คุณพ่อกินข้าวกับเราด้วยนะคะ คุณพ่อไม่สบายอยู่ นะคะ นะคะ" อัญญารินทร์เซ้าซี้ไม่เลิก ส่วนอีกคนแอบยกยิ้มมุมปากแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น
"ก็ได้ลูก เดี๋ยวคุณแม่ไปเอาจานข้าวมาเพิ่มให้"
"โอ๊ะ ไม่ต้อง ๆ ค่ะ เดี๋ยวน้องเอ๋ยไปเอง คุณแม่พาคุณพ่อไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวเถอะค่ะ" เด็กสาวอาสาอย่างแข็งขัน
"ก็ได้ลุก/เชิญที่โต๊ะอาหารค่ะคงขยับเก้าอี้นั่งเองได้นะ เดี๋ยวจะไปเอาน้ำให้" อรัญญาตกปากรับคำลูกสาวแล้วหันไปคุยกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญอย่างเสียมิได้
"ได้ครับ พี่ทำได้หลายอย่างแล้ว แข็งแรงขึ้นกว่าเดิมเยอะ" เปรมกิจตอบอย่างกระตือรือร้นพลางขยับเก้าอี้นั่งรอแววตาเป็นประกายสดใส
"เหรอ ดีแล้ว"
อีกด้านของคนที่อาสาไปเอาจานข้าวแอบเก็บภาพส่งให้คุณปู่ทุกช็อต
"จานกับช้อนมาแล้วค่ะ นี่ค่ะ"
"ขอบคุณครับลูกสาว นั่งเถอะลูกเดี๋ยวคุณแม่ก็ตักข้าวให้เราเน๊อะ" เปรมกิจพูดยิ้ม ๆ แล้วหันไปมองอรัญญาด้วยสายตาเยิ้มสุด ๆ
"ขอบคุณค่ะคุณแม่" อัญญารินทร์ก็รับมุขผสมโรงไปด้วย
หลังจากตักข้าวใส่จานเสร็จทั้งสามก็ลงมือกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่
แก๊ง...(เสียงช้อนหล่น) "เอ่อขอโทษครับ พ่อทำช้อนหลุดมือ มันชา ๆ น่ะ" เปรมกิจเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าขอลุแก่โทษสุด ๆ
"ชามือเหรอ ก็ฟื้นฟูมาเป็นปีแล้วนิ่ทำไมยังชาอยู่ล่ะ กินยาตามหมอสั่งหรือเปล่านี่ แล้วได้ทำกายภาพต่อเนื่องบ้างหรือเปล่า" อรัญญาพูดเป็นฉาก ๆ อย่างลืมตัว
"พี่ก็ว่าไม่ลืมนะ แต่บางทีคุณพยาบาลก็บ่นให้ฟังบ่อย ๆ ว่ายาไม่หมดสักที หึหึ" เปรมกิจแกล้งพูดไปแต่แอบมองหน้าภรรยาเป็นระยะ ๆ
"ทีหลังก็อย่าลืมซิ รีบกินเข้าเถอะ จะได้กลับไปกินยา"
"แต่พี่กินไม่ถนัดเลย แปลกจังวันนี้ทำไมช้อนหลุดมือก็ไม่รู้" เปรมกิจยังขยี้ต่อ แอบสังเกตเห็นอีกคนมีสีหน้าเป็นกังวลเพิ่มมากขึ้น
"เอาจานข้าวมานี่ อะอ้าปากกินเข้าไป แล้วเคี้ยวให้ละเอียดด้วยนะ เดี๋ยวสำลักอีกละยุ่งเลย"
"ขอบคุณครับ พี่จะระวังคร้าบ อื่ม..อร่อยจัง" เปรมกิจอ้าปากรับข้าวที่ภรรยาป้อนให้ด้วยหัวใจที่เป็นสุข
"อร่อยก็กินเข้าไปเยอะ ๆ จะได้รีบกลับไปกินยา แล้วก็พักผ่อน เที่ยวตะลอน ๆ อยู่ได้เค้าให้พักก็ไม่พัก"
อีกด้านของคนมองที่ได้แต่ยิ้มสุขใจที่มารดาของเธออ่อนลงไปเยอะถึงขนาดยอมให้บิดาเธอนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยได้