บทที่ 9: พิธีกรรมแห่งพลัง
เช้าวันสำคัญ!
สายลมเย็นพัดผ่านหน้าถ้ำพร้อมใบไม้สีเหลืองร่วงหล่นปลิวโปรยลอยละลิ่ว ขณะนั้นสมาชิกของเผ่าต่างทะยอยเดินดุ่มเป็นแถวยาวคดโค้งไปตามแนวภูมิประเทศราวกับฝูงมดมารวมตัวกันที่ลานหินกว้างขวางตามแนวโขดหินโดดเด่นที่ประดับประดาไปด้วยลายฝ่ามือสีแดง ที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความเชื่อมโยงระหว่างต่างกาลเวลาและต่างภูมิภพ
ผู้เฒ่าประจำเผ่าซึ่งเป็นนักพรตและนักรบสูงสุดในกลุ่ม ยืนสงบสง่าจนดูเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่กลางลานหินสีแดงคล้ำ นัยน์ตาคมที่เต็มไปด้วยความรอบรู้และประสบการณ์ล้นปรี่เพ่งมองดูผู้คนที่มารวมตัวกันพร้อมหน้า เขาเริ่มต้นพิธีกรรมด้วยการยกมือขึ้นสูง เพื่อเคารพต่อสิ่งเหนือธรรมชาติที่ปกป้องคุ้มครองพวกเขาในทุกช่วงระหว่างรุ่นต่อรุ่น
“พี่น้องทั้งหลาย” เสียงของผู้เฒ่าดังก้องในอากาศหวีดหวิว “วันนี้พวกเรามารวมตัวกันเพื่อแสดงความเคารพบูชาต่อสิ่งที่เราเรียกว่า ‘พลังอำนาจแห่งจักรวาล’ ที่ปกป้องคุ้มครองและทำให้เผ่าพันธุ์ของพวกเรามีชีวิตอยู่ได้จนทุกวันนี้”
ผู้คนยืนฟังด้วยความเคารพ ขณะที่ผู้เฒ่าทำพิธีไหว้ในลักษณะที่เต็มไปด้วยความหมายล้ำลึกนี้ แกได้นำพืชสมุนไพรประเภทเครื่องหอมและข้าวตอกดอกไม้เครื่องบูชาต่าง ๆ วางลงบนลานหิน โดยมีเปลวไฟสีส้มเล็ก ๆ ลุกโชติช่วงอยู่เบื้องหน้า
“เราอาจเคยเห็นความยิ่งใหญ่ของจักรวาลที่มีอำนาจเหนือสิ่งใด มาแล้วในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ด้วยตนเองบ้างจากคำบอกเล่าของคนอื่นบ้าง แต่สำหรับฤกษ์สำคัญวันนี้ข้าจะได้ส่งมอบคำสอนแก่พวกเจ้าเกี่ยวกับพลังที่มีอยู่ในฝ่ามือของเราทุกคน” ผู้เฒ่าสาธยายต่อ “นั่นคือพลังที่เราใช้ในการสร้างความสุขหรือความทุกข์ให้กับตนเองและผู้อื่น”
ผู้เฒ่ายกฝ่าขึ้นข้างหนึ่งแล้วชี้ไปที่ฝ่ามือของตนอีกข้างหนึ่ง “ฝ่ามือของเราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของปฐพี ภาษาสำเนียงใดล้วนนับเนื่องเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังและความสามารถเอกอุ ความรักความเมตตา กรุณาที่เรามีในใจนั้นจะปรากฏให้เห็นผ่านทางการกระทำด้วยฝ่ามือของเราทั้งสิ้น”
ผู้เฒ่าผู้นำสูงสุดหันไปมองดูอาร์นและมีนาที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน “เช่นเดียวกับความรักที่พวกเจ้าทั้งสองมีต่อกัน ความรักนั้นเป็นพลังที่ช่วยผลักดันให้พวกเจ้าเข้มแข็งขึ้น และสร้างความสุขให้กันและกันได้”
“แต่จำไว้ว่าพลังนี้สามารถสร้างความทุกข์ได้ด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากพวกเจ้าตัดสินใจใช้พลังนั้นในทางที่ผิด จะมีผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนรอบตัว และอาจนำไปสู่การทำร้ายล้างซึ่งกันและกันให้พินาศย่อยยับได้ในที่สุด”
ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณผุบผาสูงหลั่น เมื่อทุกคนได้ยินคำเตือนของผู้เฒ่า พวกเขาเริ่มคิดถึงการกระทำของตนเองและผลที่ตามมาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้พลังในทางที่มิชอบ
“ในโลกนี้ ทุกการกระทำของเราเป็นการใช้พลังจากฝ่ามือทั้งสิ้น” ผู้เฒ่ากล่าวต่อ “และเมื่อใดก็ตามที่พวกเราทำด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจ ความสุขจะเกิดขึ้น ทั้งในใจของเราและในใจของผู้คนรอบตัว”
อาร์นหันหน้ามองไปที่มีนาที่ยืนอยู่เคียงข้าง เขารู้สึกถึงพลังที่เปล่งออกมาจากถ้อยกถาของผู้เฒ่า พลังที่ไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงความรับผิดชอบที่มีต่อกันและกัน
“วันนี้เราจะร่วมกันขอพรจากสิ่งเหนือธรรมชาติ และขอให้พลังในฝ่ามือของเรานำไปสู่ความสุขและความสงบสันติไม่สูญสิ้น” ผู้เฒ่าประกาศ และชี้ไปยังท้องฟ้า “ให้การกระทำของพวกเรานำไปสู่ความดีงามในชีวิตของพวกเราและคนรุ่นหลังถัดไป”
เสียงสวดมนต์เริ่มดังขึ้นจากทุกคนในกลุ่ม ขณะที่ผู้เฒ่าพูดคำสวดเพื่อขอพร สิ่งเหนือธรรมชาติที่พวกเขาเคารพนับถือ คำสวดเต็มไปด้วยความศรัทธาและความหวัง ทุกคนยกมือขึ้นสูงและจดจ่ออยู่กับการอธิษฐาน
“ขอให้พวกเรามีสติปัญญาในการเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง และใช้พลังในฝ่ามือของเราเพื่อสร้างความสุขให้กับตนเองและผู้อื่น”
พิธีกรรมดำเนินไปด้วยความเงียบสงบ ความรู้สึกของความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้คนในเผ่าผสานเข้าด้วยกัน ความรักที่มีนาต้องการให้กับอาร์นและความมุ่งมั่น ต่างๆก็เกิดขึ้นภายในใจของพวกเขา
ก่อนพิธีกรรมสิ้นสุดลงนั้น ผู้เฒ่าพูดเน้นอีกครั้ง “โปรดจำไว้เสมอว่า อำนาจในฝ่ามือของเราคือสิ่งที่เราจะใช้ในการสร้างอนาคตของเราเอง โดยให้ลวดลายแห่งความรัก ความงดงามเป็นพลังนำทาง”
ผู้คนต่างกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ พวกเขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่เพียงแต่เป็นพิธีกรรมเท่านั่น แต่ยังเป็นการเตือนใจให้พวกเขาตระหนักถึงพลังในตัวเอง และความรับผิดชอบในการใช้พลังนั้นอย่างเหมาะสม
มีนาและอาร์นยืนอยู่ด้วยกัน หลังจากพิธี พวกเขาหันมามองกันอย่างเข้าใจ และต่างรู้สึกว่าอำนาจของความรักในฝ่ามือของพวกเขาจะนำทางชีวิตไปสู่อนาคตที่สวยงามร่วมกัน แม้จะมีอุปสรรคใด ๆ ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
หากพวกเขาใช้ความรักและความเห็นอกเห็นใจเป็นแนวทางในการตัดสินใจ
*****