บทที่7

1113 Words
ชื่อของ ‘นิลนารา’ ที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวตรงหน้า ได้จี้เข้าไปในหัวใจของมาคอสให้กระตุกวาบ จากที่พูดเล่นหยอกล้อมีรอยยิ้มให้เห็นตลอดเวลา คราวนี้ใบหน้าคมเข้มถึงกับนิ่งขึงไปชั่วขณะ และเมื่อนาราภัทรเผยความสงสัยให้เห็น มาคอสก็รู้สึกตัว ปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติเรียบเฉยดั่งเดิม แล้วเอ่ยบอกว่า “ผมจะพาคุณไปพบกับริคคาร์โด้เอง” “คุณรู้จักเขาหรือคะ” “รู้จักสิครับ เพราะผมเป็นน้องชายของเขา” “น้องชาย!” นาราภัทรถามเสียงหลง เบิกตาโตด้วยความแปลกใจอยู่มาก “ใช่ ผมเป็นน้องชายของริคคาร์โด้ ชื่อ...มาคอส อัลซาโค้ร์ คุณจะเรียกผมว่ามาคอสก็ได้” “คนสวนกิตติมศักดิ์” นาราภัทรเหน็บแนมเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะร่วนได้จากมาคอส “คราวนี้คุณจะไปที่คฤหาสน์อัลซาโค้ร์กับผมได้หรือยัง” ชายหนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับก้าวเดินนำหน้านาราภัทรตรงไปยังรถสปอร์ตราคาแพงลิบของเขา ซึ่งอยู่ในลานจอดรถไม่ไกลนัก “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณรู้จักกับริคคาร์โด้จริง และจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณเป็นน้อง ชายของเขา” “อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเสี่ยงเลือกของคุณ ว่าจะเชื่อหรือไม่ แต่ผมบอกได้แค่คำเดียวว่า คนในตระกูลอัลซาโค้ร์ ไม่เคยพูดโกหกเหมือนใครบางคน” นาราภัทรถึงกับขมวดคิ้วกับคำเหน็บแนม ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามาคอสกำลังเหน็บแนมใครอยู่ “ก็ได้ค่ะ ฉันจะไปกับคุณ ฉันจะเอาของสำคัญจากพี่สาวฉัน ส่งคืนให้กับพี่ชายของคุณให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็จะได้กลับประเทศไทยสักที” นาราภัทรตัดสินใจในที่สุด ลองเสี่ยงดูก็แล้วกัน เพราะไหนๆ ก็ไม่มีแท็กซี่สักคันที่จะยอมส่งเธอไปยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ อยู่แล้ว มาคอสหันมายิ้มเย็นให้กับนาราภัทร ก่อนจะเอ่ยตอบเป็นนัยๆ “ทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของดอนริคคาร์โด้” นาราภัทรต้องขมวดคิ้วอีกครั้งกับคำเน้นหนักในประโยคท้ายของมาคอส ทว่าไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เพราะตอนนี้มาคอสเดินลิ่วๆ ไปยังรถสปอร์ตสุดหรูของเขาแล้ว “ผู้ชายเมืองนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษหรือยังไงกัน” นาราภัทรพูดกระแทก ขณะยกกระเป๋าเดินทางของตัวเองไปไว้ท้ายรถของมาคอส ส่วนเจ้าของรถสปอร์ตตอนนี้นั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษช่วยยกกระเป๋าเลย มาคอสยักไหล่ ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างยียวนกวนโทสะ “ผมไม่ใช่เด็กยกกระเป๋าของคุณ เพราะฉะนั้นคุณต้องยกไปไว้ด้วยตัวเอง” “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ” นาราภัทรเหน็บแนมอีกครั้ง มาคอสกระตุกยิ้มตรงมุมปากกับคำประชดประชัน พอนาราภัทรขึ้นมานั่งบนรถแล้ว เขาก็ขับออกจากบริเวณสนามบินอย่างรวดเร็ว “เพิร์ล...พี่สาวของคุณสบายดีไหม” นาราภัทรกำลังเพลินกับการมองวิวทิวทัศน์สองข้างทางถนน พอถูกมาคอสเอ่ยถามออกมาก็ไม่ทันได้ฟัง จนต้องถามซ้ำ “คะ? คุณถามว่าอะไรนะคะ” มาคอสนิ่งเงียบไปนานหลายนาที ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “ผมถามว่าพี่สาวของคุณสบายดีไหม” นาราภัทรหันไปมองหน้ามาคอสทันที เพราะจับกระแสในน้ำเสียงของเขาได้ว่าเต็มไปด้วยความห่วงใยในตัวพี่สาวของเธอ จนเธอต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งเป็นเชิงสงสัย แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากตอบคำถามของอีกฝ่ายในช่วงก่อนหน้านี้ “พี่เพิร์ล ไม่สบายนิดหน่อยค่ะ” สิ้นคำตอบของหญิงสาว จู่ๆ รถสปอร์ตก็ถูกขับปัดไปทางซ้าย เกือบชนกับรถที่วิ่งตามหลัง ทำเอานาราภัทรตกใจเป็นอย่างมาก ทางด้านของมาคอส พอได้ยินว่านิลนาราไม่ค่อยสบาย ก็ถึงกับเสียสมาธิในการขับรถ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความกังวล “เพิร์ลไม่สบายมากเลยหรือ” “คุณสนิทกับพี่สาวของฉันถึงกับเรียกชื่อเล่นเลยหรือคะ” นาราภัทรไม่ตอบมาคอส แต่เป็นฝ่ายถามชายหนุ่มแทน “แค่คนเคยรู้จักกัน ไม่ถึงกับสนิทมากมายสักเท่าไร” มาคอสปฏิเสธเสียงราบ เรียบไม่ให้นาราภัทรจับความรู้สึกของเขาได้ และถ้าหากมองเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในใจของมาคอสได้ นาราภัทรจะรู้ว่ามาเฟียรุ่นเล็กอย่าง ‘มาคอส อัลซาโค้ร์’ กำลังพูดโกหกทั้งสิ้น “พี่เพิร์ลไม่สบายนิดหน่อย อากาศเปลี่ยนเลยทำให้เป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะเหตุนี้ฉันต้องเดินทางมาที่เกาะซิซิลีแทนพี่เพิร์ล” นาราภัทรเอ่ยโกหกก่อนจะเบือนหน้าหนีและเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน “อีกไกลไหมคะกว่าจะถึงคฤหาสน์ผีสิง” “เข้าใจเรียกคฤหาสน์ของตระกูลผมเหลือเกินนะนาราภัทร” มาคอสเหน็บแนมไม่จริงจังนัก จากการได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้นี้ ทำให้เขาชอบเธออยู่ไม่น้อย ทว่าเป็นความชอบฉันท์มิตรเพื่อนเท่านั้น นาราภัทรยักไหล่เลียนกริยาของมาคอส ก่อนจะเอ่ยตอบตามที่เธอเจอมา “ก็มันจริงนี่ค่ะ ฉันเรียกแท็กซี่เป็นสิบๆ คัน แต่ไม่มีใครยอมมาส่งฉัน และหลังๆ ฉันสังเกตว่าพอพูดถึงชื่อคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ พวกเขาทำท่าทางกลัวยังกับถูกผีหลอกตอนกลางวันแสกๆ” “มันน่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีกนาราภัทร” มาคอสเอ่ยบอกลอยๆ เพื่อเขย่าประสาทให้หญิงสาวหลอนและหวาดกลัวนิดๆ และก่อนนาราภัทรจะทันได้เอ่ยถามต่อ มาคอสก็เอ่ยบอกให้มองดูคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งอีกไม่กี่นาทีรถสปอร์ตก็แล่นไปถึง “คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ หรือคฤหาสน์ผีสิง อยู่ตรงหน้าคุณแล้วนาราภัทร” หญิงสาวมองตามที่มาคอสชี้นิ้วบอก และทันทีที่เห็นกำแพงใหญ่ มีต้นสนนับร้อยๆ ปลูกล้อมรอบกำแพงอีกชั้น ก็เกิดอาการขนหัวลุกชัน อึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง พอมาคอสขับรถผ่านประตูรั้วมหึมา นาราภัทรก็มีความรู้สึกราวกับเดินเข้าสู่กรงทองที่กำลังจะกักขังตัวเธอเอาไว้ก็ไม่ปาน “เดี๋ยวคุณเข้าไปนั่งรอในห้องรับแขกก่อน” มาคอสเอ่ยบอก จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินนำหน้าตรงไปยังห้องดั่งกล่าว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD