หลายวันต่อมา
ห้องครัวเรือนของพิกุล
“ แม่นายลงมาทำอันใดเจ้าคะ” บ่าวของนางที่กำลังหุงหาอาหารเมื่อเห็นเจ้านายของตนที่ตื่นมาแต่เช้าด้วยอารมณ์ดี เพราะหลายวันมานี้เธอไม่เจอกับขุนไกร
“ พี่ๆวันนี้ให้ข้าช่วยนะ ข้าเบื่อข้าอยากทำให้พี่ได้ชิมฝีมือข้าบ้าง “ พิกุลพูดกับบ่าวไพร่ด้วยความออ่นโยนเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้นางเรียกพวกบ่าวว่าพี่แถมยังใจดีชอบทำอะไรเพื่อแบ่งเบาบ่าวด้วย บ่าวที่ติดตามนางมาจากเมืองเหนือไม่เคยเห็นแม่นายของมัน ซักผ้า ทำอาหาร หรือแม้แต่ทำงานหนักอันใดถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกเมียน้อยแต่ก้ไม่ได้ต้องตกระกำลำบากอันใด
“ แม่นาย…..” บ่าวไพร่เมื่อเห็นรอยิ้มของแม่นายที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน ทุกคนต่างก็นึกเอ็นดูเจ้านายของตนเพราะตั้งแต่นางตกน้ำตื่นขึ้นมานางก็เปลี่ยนไปแถมยังดีกว่าแต่ก่อนไม่เอาแต่ร้องไห้เสียใจและก็ไม่เอาแต่ กินข้าวต่างน้ำตา เธอเป็นหญิงที่ชอบทำอะไรให้บ่าวไพร่หัวเราะทุกวันจนเรือนนี้มีแต่เสียงหัวเราะ ช่วงนี้แม่นางจันทร์เจ้าก็ไม่อยู่บอกว่าจะไปพบพ่อ ทั้งเรือนเลยมีแค่ท่านขุนไกรและก็พิกุลแต่ด้วยความที่ขุนไกรเอาแต่ทำงานเลยคลาดกันกับแม่นายพิกุล ตั้งแต่วันที่ขุนไกรมาส่งพิกุลวันนั้นเขาก็กลับมาที่เรือนทุกวัน
“ เอาละวันนี้ข้าจะทำ กระเพราไก่ไข่ดาวอาหารสิ้นคิดให้พี่ๆทาน ฮ่าๆฮ่าๆ” พิกุลยกตะหลิวขึ้นก่อนจะพูดภาษาของนางซึ่งหลายวันมานี้บ่าวไพร่ทุกคนต่างก็สนุกและก็ชินกับคำพูดของเจ้านาย
“ แม่นายเมนูสิ้นคิดอันไดหรือเจ้าคะ” บ่าวอีกคนที่เป้นแม่ครัวถามนายหญิงของตนออกมาด้วยความสงสัย เมื่อบ่าวทุกคนได้ยินแบบนั้นทุกคนที่สงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามเมื่อมีคนถามทุกคนที่ได้ยินก็มองเจ้านายของตน พิกุลเมื่อเห็นท่าทางสงสัยของบ่าวนางก็ทำท่ายืนเท้าสะเอวเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดยามเช้าพร้อมกับชูตะหลิวในมือขึ้นท่าทางของนางเป็นแปลกประหลาดและก็ตลกเป็นอย่างมาก บ่าวไพร่ต่างก็อดขำแม่นายของตนไม่ได้รวมทั้งขุนไกรที่ตื่นมาแอบมองนางแบบนี้ทุกเช้า เขานั่งมองนางอยู่ที่หน้าต่างภายในความมืดเขาก็อดยิ้มกริ่มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้
“ มันก็คือ มันก็คือ มันก็คือ…….เมนูของข้าเอง / ฮ่าๆฮ่าๆ “ เมื่อพิกุลพูดจบบ่าวไพร่ที่ได้ยินแบบนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงหัวเราะที่เริ่มดังทำให้พิกุลหันหน้ามาแล้วเอานิ้วชี้ชูขึ้นมาตรงปากแล้วบอกให้ทุกคนห้ามเสียงดัง
“ ชู……อย่าเสียงดังเดี๋ยวท่านขุนตื่นมาเอ็ดเอา” พิกุลบอกชายหนุ่มด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อบ่าวทุกคนได้ยินชื่อของ มัจจุราช ทุกคนก็เอามือปิดปากเงียบ หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปโดยมีสายตาของขุนไกรนั่งมองนางไปอย่างเงียบๆ
ซู…….
“ อั๊กๆ แฮ๊ะๆ” เมื่อพลิกกับไก่โยนลงไปในกระทะทุกคนก็ไอออกมาแต่กลิ่นหอมของพลิกกับกระเทียม แม้กระทั้งคนบนเรือนยังอดกลืนน้ำลายไม่ได้
เวลาผ่านไป30นาที
ทั้งไข่ดาวและกระเพราไก่ก็เสร็จ ฟ้าก็สว่างขึ้นมาพอดีเมื่อทุกอย่างเสร็จหมดทุกอย่าแล้วด้วยความที่พิกุลทำกระเพราไก่ไข่ดาว ส่วนคนครัวก็ทำเมนูง่ายๆเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง แต่เมื่อเธอกำลังจะเดินกลับมาที่เรือนเพื่อที่จะอาบน้ำชำระล้างกายแต่สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นสายตาของขุนไกรที่จ้องมองเธอ เมื่อพิกุลเห้นสายตาของขุนไกรที่มองเธอไม่เหมือนวันนั้นเธอก็รู้สึกเหม็นหน้าเขาเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าทำไมอยู่เธอก็แลบลิ้นใส่ชายที่อยู่บนเรือนใหญ่พร้อมกับแจกนิ้วกลางให้ชายหนุ่ม ขุนไกรที่เห็นหญิงสาวทำท่าแลบลิ้นใส่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะอดขำแต่เมื่อเธอชูนิ้วกลางให้ชายหนุ่มขุนไกรที่ไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้มาก่อน เขาก้ชูขึ้นมาพร้อมกับพูดออกมาด้วยความสงสัย
“ นางทำอันใด มันคืออันใด” ขุนไกรหนุ่มใหญ่อายุ30ปี เอาแต่ชูนิ้วกลางของตนขึ้นมาพร้อมกับถามตัวเองออกมาเบาๆแต่ก็อดยิ้มกริ่มออกมาอย่างลืมตัว จากนั้นเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองแอบยิ้มเขาก็สลัดหัวเพื่อเรียกสติก่อนจะลุกขึ้นมาล้างหน้าเพื่อชำระร่างกาย ที่ท่านขุนออกจากบ้านไปทุกวันไม่ใช้แค่ไปทำงานแต่ก็ไปสืบคดีเกี่ยวกับพ่อของแม่นางจันทร์เจ้าที่คิดจะติดสินบนเกี่ยวกับสินค้าเพื่อที่จะเอาเข้ามาขายที่เมืองหัวช้าง ขุนไกรแอบสงสัยมานานแต่ที่รับนางเข้ามาที่นี้ก็เป็นหนึ่งในแผ่นการของเขา ด้วยความที่แม่ของเขาที่อยู่วัดบวชเป็นชีหลังจากที่พ่อของเขาตาย จากการทำศึกกับพม่า แม่ของขุนไกรไปบวชอยู่ที่วัดอยู่กับหลวงตาซึ่งเป้นพ่อของนางหรือเป็นตาของขุนไกร เจ้าเมืองหัวช้างด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงเกี่ยวกับอำนาจเหตุด้วยว่าขุนไกรเป็นขุนศึกคู่พระทัยของขุนหลวง เจ้าเมืองหัวช้างเลยได้ไปพูดกับแม่ช๊แม่ของขุนไกรเรื่องการตบแต่งลูกสาวของตนกับขุนไกรแม่ชีเห็นว่าลูกชายอายุเยอะและก้ยังไม่มีผู้ใดนางก็เลยรีบตกลงตอนแรกแม่นางจันทร์เจ้าไม่ยอมเพราะชายหนุ่มอายุเยอะกว่าตนถึง10ปี แต่เมื่อมาเจอหน้าของขุนไกรที่ดูหล่อล้ำอย่างกับเด้กหนุ่มวัย20ปี แม่นางจันทร์เจ้าก็เลยตกลงแต่งงานกับเขาทันที
“ ท่านขุนขอรับ แม่หญิงพิกุลให้เอาอาหารเช้ามาให้ท่านขุนขอรับ” บ่าวคนสยนิทของขุนไกรเมื่อเห็นนายของตนเดินออกมาจากหอนอนในชุดสบายเขาก็รีบเดินมาบอกเจ้านายของตนทันที ขุนไกรเมื่อได้ยินว่าเป็นใครที่เอาอาหารมาให้ขุนไกรก็รีบเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารทันที ท่าทางของขุนไกรที่เปลี่ยนไปนับตั้งแต่พาแม่นางพิกุลกลับมาด้วยสภาพสบักสบอมขุนไกรจากที่ไปนอนบ้านพักในป่าก็กลับมานอนที่บ้าน แถมยังชอบแอบมองแม่นางพิกุลตลอดเวลา กล้าเป็นคนสนิทของขุนไกรเพราะเติบใหญ่มาด้วยกันแล้วเหตุใดเขาถึงไม่รู้เล่าว่า เจ้านายของตนในตอนนี้ชอบเมียรองของตน
“ นี้คืออันใด “ ท่านขุนเมื่อเปิดสำรับอาหารของตนที่แม่พิกุลให้กล้าเอามาให้ ด้วยสีหน้าตื่นเต้นเพราะท่าทางของนางเมื่อตอนเช้ามืดทำให้ท่านขุนที่เคยบอกว่าเกลียดชังนางถึงกับสนใจขึ้นมา เมื่อกล้าเห็นท่าทางของเจ้านายที่ยิ้มออกมา ได้อีกครั้งหลังจากที่พ่อของขุนไกรตายท่านขุนก็ไม่เคยยิ้มอีกเลยจนกระทั้งวันนี้ กล้าก็เลยอดยิ้มออกมาอย่างดีใจไม่ได้ ก่อนจะพูดเมนูของนายหญิงออกมา
“ พวกบ่าวที่เรือนแม่นายเรียกว่าเมนูสิ้นคิดขอรับ” กล้าพูดออกมาด้วยยิ้มหวานเพราะเห้นเจ้านายของตนยิ้มออกมา ขุนไกรไม่ถามอะไรออกมาพอเขารู้ชื่อเมนูขุนไกรก็รีบนั่งลงตักข้าวเข้าปากไป1คำจากนั้นท่านขุนก็ทำสีหน้าตกใจเพราะข้าวที่เขากินเข้าไปนั้นมันอหร่อยอย่างที่เขาไม่เคยกินที่ใดมาก่อน