หลอกล่อบุรุษด้วยลิ้น

1418 Words
เตียวหยวนหยวนนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งที่กอดและเกาะแกะกายแกร่งราวกับตกอยู่ในอำนาจแห่งราคะ ริมฝีปากนางเผยออ้า อ้าขึ้นแล้วหุบ ก่อนจะอ้าใหม่อย่างเคลิบเคลิ้มต่อความหล่อเหลาของกัวเจิ้งอี้ อีกฝ่ายคือบุรุษผมยาวผิวขาวจัด หน้าอกแกร่ง และยามนี้เขายังกระดิกแผงหน้าอกด้านซ้ายที ขวาทีจงใจหวานเสน่ห์ ให้นางหลงใหล และยอดหน้าอกสีชมพูเข้มก็ล่อตาล่อใจนาง จนเลือดกำเดาพาลจะไหล! มือใหญ่เชยคางนางขึ้น แล้วเลื่อนริมฝีปากบางสีสดที่สวยของเขาเข้ามาใกล้ ๆ “ชิมได้ไหม ให้ข้าชิมเนื้อกว้างหวานๆ จากปากหยวนหยวนสักคำ” เตียวหยวนหยวนกำลังจะเคลิ้มไหว ทำอย่างไรได้ตัวละครนี้เป็นนางร้าย และแอบได้เสียกับผู้ชาย มันคงเป็นเรื่องที่ว่าที่แม่สามีเขียนเอาไว้ แถมเขียนได้ดี แบบหลายกระบวนท่าอย่างไม่นึกห่วงช่วงล่างของนาง เมื่อครั้งนางได้อ่านยังหัวร้อน หญิงสาวอยากยื่นมือเข้าไปตบสตรีใจร่านในเรื่อง ทว่า...ช้าก่อน หากฝ่ายหญิงให้ท่าคนเดียว เรื่องงามหน้าคงไม่เกิด และนี่ก็ดูเหมือนว่า กัวเจิ้งอี้ ก็พร้อมจะหลอมไฟสิเน่หาเข้ามารวมกับร่างของเตียวหยวนหยวน จะว่าไปก็น่าสงสาร นอกจากความงาม และร่างกายที่ชวนให้หลงใหล ความคิดเจ้าของร่างช่างไร้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ นอกจากเล่นไปตามบทบาทนางร้าย ที่พร้อมจะบำเรอรักให้องค์ชายสี่ผู้มีขาที่สามใหญ่โตเท่านั้น “ชิมปากหม่อมฉัน จะชิมอย่างไรเพคะ อ๋องเจิ้ง” นางเอ่ยถาม ถามด้วยเสียงฉอเลาะอย่างแสร้งทำ “เจ้าลืมแล้วหรือ ด้วยปลายลิ้น และริมฝีปากอุ่นๆ ของข้าอย่างไรเล่า” เตียวหยวนหยวนหูแดงเถือกขึ้นทันที ส่วนที่ควรจะชื้น ก็ชื้นแฉะ ด้วยมีน้ำหวานเกาะพราวอย่างรวดเร็ว “อ๊ะ…อ่า...อี้ๆ” นางส่งเสียงแปลกประหลาดชวนสยิว เสียงของนางทำให้เขามองดวงหน้าเรียวงดงาม ที่ผุดผาดทั้งหวานชวนให้ชิม “ช่าง เป็นสตรีที่น่าสนใจ” กัวเจิ้งอี้ ยิ้มใส่ตานาง ชายเจ้าชู้ และเตรียมจะกินนางในกระท่อมคงเป็นเช่นนี้ แย่แล้ว นางกำลังจะถูกเขาเผด็จศึก จากนั้นเรื่องราวต่างๆ ต้องร้อนแรงหนักหน่วง ภาพร่วมรักระหว่างนางกับเขาฉายขึ้นในหัว ทั้งบนเตียง ห้องครัว นอกสถานที่ แน่นอนย่อมรวมถึงแปลงปลูกผัก เอ่อ ขอให้ไม่มีในโรงเลี้ยงหมู หรือเล้าเป็ดเป็นพอ! ชายหนุ่มไม่รอช้า ริมฝีปากบาง จูบแผ่วเบาตรงซอกคอขาวผ่อง จูบ ซุกไซ้ และดูด สลับการขบพอให้นางเร่าร้อน จนต้องบีบขาทั้งสองข้างเข้าหากัน “อ๋องเจิ้ง...” เสียงนางไม่ได้หวานล้ำ ฟังคล้ายการร้องประท้วง “มีเหตุใดขัดข้องหรือ” “ท่านไม่ดื่มสุรา และกินเนื้อย่างแล้วหรือ” “กินเจ้าก่อนเป็นไร” “อ๊ะ...” นางร้องอย่างนั้น เพราะเขาใช้มือข้างหนึ่ง เตรียมแกะสายรัดเอวนาง แล้วก็เกิดเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะ เสียงท้องร้อง...ใช่ และมันไม่ได้มาจากนาง “ท่านคงหิวจริงๆ” กัวเจิ้งอี้ไม่ปฏิเสธ เขาหิวจัด แต่ไม่อาจปล่อยสตรีตรงหน้าไปได้ เขาต้องได้ครอบครองนาง ดูเหมือนความหน้ามืดตามัวกำลังครอบงำ นี่อาจเพราะนางเป็นปีศาจแห่งหลัวโป เป็นนางจิ้งจอกที่ใช้เวทมนตร์มัดใจเขา ความชั่วช้านี้ นางต้องถูกเขาใช้ดาบยักษ์โจนจ้วงทิ่มแทงกลีบบุปผาเยิ้มหวานสักสามชั่วยาม ถึงจะสาสม “เยี่ยงนั้น หม่อมฉันจะให้ท่านใช้ลิ้น และปากกับความเผ็ดร้อน ที่แทรกด้วยรสหวานกลมกล่อมดีหรือไม่ อีกทั้งท่านจะอิ่มหนำ ด้วย รูป รส กลิ่น และเสียง จนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์” “เอ มีสิ่งใดที่จะอภิรมย์กว่าตำราพลิกสวรรค์ที่ข้าเคยเรียนรู้มา และการได้ใช้มันกับคนงาม ย่อมหาสิ่งใดเทียบเคียง” “อ๋องเจิ้งหากสิ่งที่กล่าว ไม่อาจทำให้ท่านถูกใจ หยวนหยวน จะยอมขึ้นโต๊ะอาหาร แล้วเปลือยกายให้ท่านได้ชิม ทั้งปากบนและปากล่างหวานฉ่ำ ดีหรือไม่” “ฮ่าๆ ๆ เจ้ากำลังท้าทายข้า หยวนหยวน” นางไม่ตอบเขา หากยิ้ม ยิ้มอย่างผู้ที่กำลังจะกุมชัยชนะ! เมื่อนางกวาดตามองไปยังโต๊ะในกระท่อมหลังนั้น มีหลายสิ่งที่เป็นวัตถุให้ต้าหยวนปรุงอาหาร พร้อมเนื้อกว้างก้อนใหญ่ เป็นสันในที่ยังสดอยู่ นางแปลกใจอยู่หรอก แต่พอเดาได้ว่า กระท่อมหลังนี้กัวเจิ้งอี้ ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า โดยเหล่าองค์รักษ์เงาของเขา ดังนั้นพอฝนตกจึงเข้าแผน ทำให้นางกับเขาได้มาใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน เตียวหยวนหยวนไม่ได้มีฝีมือเยี่ยมยอดทางด้านการปรุงอาหาร ไม่ได้เป็นเชฟฝีมือดีจากโลกที่จากมาก็จริง แต่บิดานางกับมารดาคือเชฟระดับสองดาวมิชลินสตาร์ ทั้งคู่แข่งขันกันทางด้านอาหารมาหลายปี ก่อนตกลงปลงใจเข้าหอแล้วให้กำเนิดนาง สุดท้ายก็เลิกรากันไป เพราะเรื่องธุรกิจกับความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งก่อนหน้านั้น เตียวหยวนหยวนเป็นเพียงผู้หญิงที่น่ารักสดใสสมวัย นางกำลังจะถูกผู้ชายแสนดีขอแต่งงาน และหญิงสาวมีอาชีพเป็นอินฟูแลนเซอร์ เกี่ยวกับด้านอาหาร นางทำสิ่งเหล่านี้มาหลายปี ทั้งกิน แนะนำวัตถุดิบ มีความสามารถเรื่องทักษะการใช้ลิ้นและจมูกดีเยี่ยม นางปรุงอาหารจากสารพัดเมนูได้ในระดับเกินมาตรฐานแม่บ้านทั่วไป และงานที่ทำนั้น เกี่ยวข้องกับธรุกิจอาหารจึงทำให้นางไปสะดุดขาผู้มีอิทธิพลหลายคน อีกทั้งปากนางก็พาซวยบ่อยครั้ง แต่ที่ทำให้นางพลาดครั้งใหญ่คือ การที่ได้อ่านนิยายแนวจีนโบราณเรื่องหนึ่ง ซึ่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับอาหารพิสดาร และเขียนสูตรอาหารผิดๆ นอกจากนั้นยังนำพืชผักผลไม้ มาประกอบการอุ่นเตียงของชายหญิง เรียกว่าโลดโผนด้วยท่าทาง และยังทำให้คนเปรี้ยวปากอย่างหนัก จนมีพฤติกรรมลอกเลียนแบบทำตาม กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในสังคม แน่นอนว่ามันมีผลร้ายมากกว่าดี นักเขียนคนดังกล่าวจึงถอนนิยายชุดนั้นออกทั้งแบบนิยายเสียง นิยายให้อ่านบนแพลตฟอร์มต่างๆ จนสร้างความเสียใจต่อแฟนคลับ ถึงขั้นกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาว์นเลยทีเดียว ‘ตำรับรักแม่ทัพอุ่นเตียง’ กับ ‘สวนสวรรค์ของไซซี’ นิยายทั้งสองเรื่องนี้ เข้าขั้นเรท25+ บรรยายโจ่งแจ้ง เห็นทุกรูขุมขน เน้นเสียงประกอบอย่างเผ็ดร้อน เดี๋ยวอ้า เดี๋ยวหุบ บดๆ ยั่วๆ พร้อมใช้พืชผักประกอบการทำรัก ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่กลัวตัวละครหญิงในเรื่องช่วงล่างจะพัง เกิดการค้นหานิยายของนักเขียนท่านนั้นมาอ่าน และเตียวหยวนหยวนคุ้น นางรู้สึกคุ้นมาก จนต้องทึ่งจัด เมื่อพบจุดใต้ตำตอบ นางต้องร้องอ๋อ เพราะมีฉากเกี่ยวกับแม่ผัวและลูกสะใภ้ทะเลาะกันจนบ้านเกือบพัง แต่ละคำพูด การกระทำ ช่างเหมือนที่นางวิวาทะกับเหม่ยหลิน มารดาของแฟนหนุ่มนางในโลกที่จากมา “ถ้าได้สะใภ้ดี ลูกชายฉันคงมีสง่าราศีมากกว่านี้ ผู้หญิงอย่างเธอ เกิดมาเพื่อฉุดให้สามีลงเหว หน้าที่การงานพังหมด ซ้ำร้ายยังปากไม่มีหูรูด ทำเรื่องขายขี้หน้าไม่เว้นวัน คิดหรือว่าเลียมจะทนพฤติกรรมของเธอได้” เหม่ยหลิน หมายถึงลูกชายคนเล็กของตน เลียม หยางตง* คนรักของเตียวหยวนหยวน “คุณแม่...พูดไม่ถูกต้องนะคะ” “ฮึ ใครเป็นแม่เธอ ฉันไม่เคยคิดรับผู้หญิงแบบนี้เข้าตระกูล แม้แต่รับไหว้ฉันยังบอกให้เธอกองไว้ตรงพื้นเลย” เตียวหยวนหยวนนึกถึงคำพูดเจ็บแสบของเหมยหลิน สตรีผู้เป็นว่าที่แม่สามี และนั่นทำให้นางเจ็บช้ำใจ และเริ่มสืบเสาะสิ่งที่จะหาทางแก้เผ็ดอีกฝ่าย กระทั่งพบว่านิยายคาวโลกีย์ที่ดังกระฉ่อน คนเขียนก็คือเหม่ยหลิน สตรีวัยเกือบหกสิบกะรัต ที่ยังคันในร่มผ้า จนต้องหาทางระบายด้วยการเขียนเรื่องอ้าๆ หุบๆ พร้อมบรรยายเสียงเร่าร้อนเวลาอุ่นเตียงของชายหญิง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD