พ่ายรักเจ้าสาววันไนท์ฯ
15
"ท้องได้ยังไง พี่จำได้ว่าพี่ป้องกันตลอด?"
ทันทีที่เจอหน้าเอวาเจตต์ไถ่ถามเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างไม่รีรอที่จะเสียเวลาแม้แต่สักนาทีเดียว
"คืนนั้นพี่เจตต์เมามาก พี่จำได้เหรอคะว่าป้องกันแล้ว"
ต่อหน้าเจตต์เอวายังคงสวมบทบาทหญิงสาวผู้อ่อนหวานอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่ใช่ว่าคนอย่างเจตต์จะรู้ไม่ทัน เพียงแต่ไม่อยากถือสาหาความกับมารยาร้อยเล่มเกวียนเนื่องจากเขาไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ผู้หญิงอย่างเอวาก็จัดอยู่ในหมวดผู้หญิงทั่วๆไปที่เขาพบเจอ แสวงหากับเธอก็เพียงความสุขทางร่างกายเท่านั้น
"ถ้าไม่มั่นใจ ตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ"
"ช่างเถอะ"
เจตต์เสยผมขึ้นพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาขาอีกข้างถูกยกขึ้นพาดในท่าไขว่ห้าง ตอนนี้เจตต์อยู่ในห้องคอนโดของเอวาที่เขาเป็นคนซื้อให้เอง จะเรียกว่าเป็นรังรักเก่าของเขากับเอวาก็ว่าได้
"พี่เจตต์จะให้เอาออกมั้ย?"
"ไม่ต้อง! เอาเป็นว่าเธออยู่ในพื้นที่ของเธอไป"
แขนอีกข้างของเจตต์วางอยู่ตรงที่เท้าแขนของโซฟา มือกุมส่วนที่อยู่หางคิ้วเหนือกระดูกแก้มอย่างใช้ความคิด
"แล้วเมียพี่ล่ะ?"
เอวาช้อนตาขึ้นมองหน้าเจตต์ มือของเธอเริ่มเลื่อนมาจับมือของเขาอย่างช้าๆ แต่เจตต์ขยับมือหนี สร้างความเจ็บปวดอยู่ข้างในใจของเอวาลึกๆ คนเคยเป็นที่หนึ่งอยู่ๆก็ถูกสลัดทิ้ง จึงไม่แปลกที่จะแค้นเคืองว่าที่ภรรยาของเจตต์อยู่มากที่เป็นสาเหตุต่อความสัมพันธ์ของเธอและเจตต์
"เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่พี่จะพบเขา พี่เชื่อว่ามิราจะเข้าใจ เธอก็อยู่ของเธอไปนะเอวา คลอดลูกเมื่อไหร่พี่จะให้เงินเธอก้อนหนึ่งจะไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศก็ได้ถ้าเธอต้องการ แต่ลูกเธอต้องทิ้งไว้ที่นี่พร้อมกับการเซ็นยินยอมยกลูกให้พี่"
พูดจบเจตต์ก็ยืนขึ้น
"พี่ไม่รักวาแล้วจริงๆเหรอคะ"
เอวาเข้าไปกอดเจตต์จากข้างหลัง
"เธอก็น่าจะรู้ว่าพี่ไม่เคยรักใคร"
เจตต์ปลดมือเรียวสวยของเอวาออก
"แต่พี่รักเค้าใช่มั้ย?"
เจตต์ไม่ตอบคำถามนี้
"หยุดโทรหาพี่ มีอะไรติดต่อผ่านเลขาเท่านั้น อย่าได้คิดทำอะไรที่มันเกินตัว ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่เหลืออะไรในชีวิต"
เจตต์ได้รับคำบอกเล่ามาจากณดลแล้วว่าเอวาไปพูดอะไรไว้บ้าง
"งั้นเอวาขอให้พี่ทำเพื่อลูกด้วยการมาทำหน้าที่พ่อของเขาอาทิตย์ละครั้งได้มั้ยคะ?"
ถึงแม้ในใจเจตต์จะไม่อยากทำ แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าลูกเขาก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธ แม้จะดูน่าขำไปนิดที่เด็กสองคนเลือกที่จะมาเกิดพร้อมๆกันจนมันดูบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เรื่องตรวจดีเอ็นเอเขาทำอยู่แล้ว แค่ไม่อยากพูดไปก็เท่านั้น
"อืม แล้วจะติดต่อมาเอง"
@@@
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง
ท่ามกลางแขกเหรื่อระดับกิตติมศักดิ์มากมายทั้งในและต่างประเทศส่วนมากแล้วไม่ใช่เป็นแขกของบ่าวสาวสักเท่าไหร่ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นแขกของผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งนั้น.
เจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนเด่นสง่าอยู่บนเวที กำลังรินแชมเปญลงใส่แก้วที่เรียงซ้อนขึ้นไปเป็นทาวเวอร์ เริ่มจากชั้นบนสุด แชมเปญค่อยๆ ไหลไล่ระดับลงมา เป็นภาพที่สวยตรึงตาไม่น้อยเลย ทั้งคู่ยิ้มให้กันทำเหมือนกับว่าเป็นคู่รักที่รักกันมาแต่ชาติปางก่อน เพียงเพราะให้ช่างภาพได้สรรค์สร้างภาพที่สวยงามออกมาเพียงเท่านั้น
ในใจเจ้าบ่าวไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร แต่สำหรับมิราแล้วงานแต่งคืนนี้คืองานแต่งที่เกิดจากความรักของเธอที่มอบให้เจ้าบ่าวอย่างแท้จริง
"แก้วของเจ้าสาวครับ"
พนักงานเดินถือแก้วของเจ้าสาวมาให้ เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
"พี่บอกทางเวดดิ้งออแกไนเซอร์เองครับ ว่าของเจ้าสาวให้หาน้ำอย่างอื่นมาทดแทนการดื่มแชมเปญ"
"ขอบคุณนะคะที่ใส่ใจ"
มิรายิ้มให้สามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานพอๆกับชุดเจ้าสาวที่เธอใส่ คืนนี้มิราเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยสวยสง่าและบริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุดที่เจตต์เคยได้พบเจอมา
เมื่อแขกทุกคนมีแก้วแชมเปญอยู่ในมือแล้วก็เริ่มชูแก้วขึ้นเพื่อเป็นการดื่มฉลองให้บ่าวสาวพร้อมๆกันท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของผู้คนในงาน
มุมมืดมุมหนึ่งข้างเวที เอวายืนจ้องแก้วเครื่องดื่มของมิราไม่วางตา รอยยิ้มอ่อนอย่างมีเลศนัยน์ผุดขึ้นบนใบหน้างดงามที่ถูกประทินโฉมมาอย่างดี แม้ไม่ได้ถูกรับเชิญให้เข้ามาในงานก็ตาม
มิราเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดแดงเพลิงถ้าเธอจำไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นคือ...
"มีอะไรรึเปล่า?"
เจตต์ถามขึ้นเมื่อมิราเอี้ยวตัวหันไปข้างหลังจนสุด
"ปละ เปล่าค่ะ มิราคงตาฝาด"
"ลงไปทักทายแขกข้างล่างกันเถอะ"
เจตต์กุมมือของมิราไว้แล้วพาเดินลงไปเพื่อทักทายบรรดาแขกเหรื่อและเพื่อนฝูง
"ยินดีด้วยนะน้องมิรา"
"ขอบคุณนะคะพี่ณดล มิรามีความลับจะบอก"
มิราเอามือป้องปากกระซิบที่ข้างหูณดล
"มิราน่ะ จำพี่ณดลได้ตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะ แต่กลับจำพี่เจตต์ไม่ได้"
ทั้งคู่หัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับ
"คุยอะไรกับเจ้าสาวของฉัน"
เจตต์หันมาเห็นทั้งคู่กระซิบกระซาบหัวเราะคิกคักกันก็รู้สึกหึงขึ้นมาเล็กน้อยแบบไม่รู้ตัว
"คุยเรื่องความหลังค่ะ เมื่อก่อนมิรากับพี่ณดลค่อนข้างจะสนิทกัน"
"จริงเหรอไอ้ณดล"
"จริง ทำไมอิจฉาเหรอวะ?"
ณดลถามกลับด้วยท่าทียียวนกวนประสาทเจตต์เล่นๆ
"เออ ไปเลยๆ ไปหาสาวๆบ้างไป จะได้มีเมียกับเค้าซะที"
เจตต์บุ้ยไบ้ไล่ณดลไปตรงกลุ่มที่มีเหล่าสาวสวยยืนอยู่ สายตาของพวกเธอจับจ้องมองมาไม่หยุดถ้าเป็นเจตต์ตอนโสดคงได้สอยไปสักคนสองคนแล้ว
"ไม่เอาอ่ะอีกสักพักก็จะกลับแล้วล่ะ"
ณดลทำหน้าเซ็งๆเมินสาวสวยที่ส่งสายตาเชิญชวนมา จนพวกหล่อนเปลี่ยนเป็นค้อนใส่แทน ณดลไม่ใช่พวกออกแนวเจ้าชู้เลยถูกสงสัยถึงรสนิยมทางเพศของเขาอยู่เสมอ
ระยะเวลาในงานผ่านไปจนใกล้ที่จะได้เวลาปิดงานแล้ว
จริงๆเมื่อเช้าจัดพิธีแบบคริสต์ในโบสถ์ไปแล้วหนึ่งรอบ ส่วนช่วงค่ำก็เหลือเพียงแค่พิธีเลี้ยงฉลองเท่านั้น
"อุ้ย! ปวดท้องค่ะ"
มิรากุมท้องตัวงอด้วยความเจ็บปวด
"ปวดมากมั้ย?"
"ค่ะ พามิราไปห้องพักหน่อยได้มั้ยคะ?"
มิราทำหน้าเหยเกรู้สึกปวดท้องมากขึ้นๆตามลำดับ
"คุณพ่อคุณแม่รับแขกที่เหลือกันไปก่อนนะครับ พอดีมิราไม่สบาย ผมพาน้องไปพักก่อน"
เจตต์หันไปบอกผู้เป็นบิดาและมารดาที่ยืนรับแขกอยู่ข้างๆ
"ไปเถอะ ไม่น่าจะมีอะไรแล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวพ่อกับแม่เป็นคนจัดการเอง มิราท้องอยู่คงเหนื่อยมาก วันนี้ทั้งวันแล้ว"
"ครับ"
เจตต์และณดลช่วยกันพามิราออกมาจากห้องเลี้ยงฉลองตรงไปห้องพักของโรงแรมที่จัดเอาไว้ให้ในทันที
"โอ้ย ไม่ไหวแล้วค่ะ "
หน้าของมิราเริ่มซีดเผือด
"ไอ้เจตต์เลือด!"
เลือดไหลซึมออกมาเปื้อนชุดเจ้าสาวเต็ม
"ไปโรงบาลกัน อดทนนะมิรา"
เจตต์ช้อนยกร่างในชุดเจ้าสาวของมิรามาอุ้มไว้ ณดลวิ่งไปเตรียมรถ ทุกอย่างดูวุ่นวายสับสนอลหม่านไปหมด
มิราเมื่อเห็นเลือดถึงกับเป็นลมหมดสติไปในทันที
"มิรา!"
เจตต์กระวนกระวายรู้สึกเป็นห่วงมิราและลูกในท้องอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้
ท่ามกลางความวุ่นวาย หญิงสาวคนหนึ่งยืนมองเหตุการณ์ด้วยสายตาเยือกเย็น ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ไม่มีผิด
"จัดการเธอมันง่ายซะยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก"
รอยยิ้มเยาะหยันผุดขึ้นมาอย่างผู้ชนะ เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็รีบเดินออกไปทันที เพราะตอนนี้แขกเหรื่อในงานก็เริ่มทะยอยกลับกันแล้ว เกรงว่าจะมีใครมาพบเจอเข้าแล้วแผนทุกอย่างจะแตก โดยเฉพาะคนของเจตต์