พ่ายรักเจ้าสาววันไนท์ฯ
18
"มิราไปแล้ว"ณดลเปิดประตูห้องทำงานของประธานกรรมการเข้ามาก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาทันที
เจตต์ที่กำลังวุ่นอยู่กับหน้าจอแล็ปท็อปบนโต๊ะทำงานถึงกับหยุดกะทันหันเมื่อณดลเข้ามาแจ้งข่าวสาร ข่าวสารที่เขาไม่ค่อยอยากจะสนใจใคร่รู้เท่าไหร่
"ไปไหน?"
"เมกา"
"ไปวันนี้เหรอ?"
นัยน์ตาสีนิลมีประกายความหม่นอยู่วูบหนึ่ง ก่อนจะปรับกลับมาให้ดูว่างเปล่าไม่ยินดียินร้ายเหมือนเดิม ความเงียบกริบของเจตต์แม้แต่ณดลเองก็เดาไม่ออกว่าเจตต์คิดอะไรอยู่
"อืม ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้ พนาบอก สรุปนี่นายกับพนายังไม่ได้คุยกันเหรอ?"
ณดลเลิกคิ้วถามจนหน้าผากเกิดรอยย่น ถึงกระนั้นก็ยังจ้องหน้าเจตต์อย่างรอคำตอบ
"ยัง ไม่มีหน้าจะไปคุยด้วย เอาไว้มันอารมณ์ดีกว่านี้ก่อนค่อยเข้าไปคุย"
เจตต์หยิบแฟ้มเอกสารเสนอเซ็นเปิดดูรายละเอียดข้างใน พร้อมกับกดคลิกรีเช็คเมลล์ดูรายละเอียดควบคู่ไปด้วย
"รายงานล่าสุดอยู่ไหน?"
"ก็แนบไฟล์ส่งให้แล้ว ชื่อไฟล์รายงาน T/F.2ไม่มีเหรอ จะได้Forward mail ให้ใหม่"
อยู่ๆ เจตต์ก็เปลี่ยนเป็นมาสนใจเรื่องงานอย่างจริงๆ จังๆ พยายามตัดเรื่องของมิราออกไปจากในสมอง
"นายจะปล่อยให้มันจบแบบนี้เหรอ?"
วันนี้ณดลไม่เล่นบทลูกน้องที่เชื่อฟังแล้ว ดูท่าจะเจาะจงมาเรื่องของมิราโดยเฉพาะ เขายังคงซักไซ้ไล่เลียงเจตต์อย่างต่อเนื่อง
"แล้วนี่นายเป็นอะไร วันนี้ถึงได้ถามแต่เรื่องนี้"เจตต์ตอบอย่างรำคาญ
"ฉันสงสารมิรา สิ่งที่นายทำลงไปมันแย่มากๆ"
"ก็ฉันมันเลวไง สงสารกันมากทำไมไม่ตามไปส่งด้วย"
"เอะ!ไอ้นี้ ต่อมสำนึกผิดชอบชั่วดีนายมันพังแล้วเหรอ ไอ้เวร!"
เจตต์เงยหน้าขึ้นไปมองณดลที่ยืนค้ำหัวจ้องเขาอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถ้าดึงคอเสื้อเจตต์ขึ้นมาต่อยได้ณดลทำไปแล้วคนบ้าอะไรเย็นชาสิ้นดี
ณดลเดินปึงปังออกไปจากห้อง ไม่เหลือคราบเลขาผู้อ่อนน้อมในที่ทำงานแม้แต่นิด ภาพที่ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของมิราเมื่อวานทำเขานอนไม่หลับทั้งคืน
ถ้าสถานะเขากับมิราอยู่ระดับเดียวกัน อย่างเจตต์ไม่มีวันที่จะได้เธอไปหรอก เขาคงตัดหน้าจีบเธอไปทั้งแต่วัยรุ่นแล้ว เสี่ยงก็แค่หมัดของพนาเท่านั้น เขามั่นใจว่าถ้าเขาจีบมิราก่อนมิราจะต้องสนใจเขาบ้างแหละ
สนามบินสุวรรณภูมิ
มิรากวาดสายตาไปรอบๆ สนามบินอีกเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากเช็คอินโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาหญิงสาวก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปรอที่เกทสของสายการบินขาออกต่างประเทศ
ไม่รู้เพราะเหตุอะไรถึงยังหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่ แม้จะเหลือเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คนบางคนจะมา ก็อดที่จะปรายตามองหาเขาไม่ได้
"เหลืออีกเกือบชั่วโมง เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำให้นะ"
มิราพยักหน้าให้พนา เธอถือเสื้อโค้ทสีครีมตัวยาวพาดไว้ที่แขนเรียวเตรียมเอาไว้ก่อน เพราะที่อเมริกาช่วงนี้หนาวมากแล้ว
ส่วนตัวก็สวมใส่ชุดธรรมดาๆ ให้ดูทะมัดทะแมงที่สุดโดยการสวมเสื้อเชิ้ตเก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงยีนส์รองเท้าบูทส้นสูงหุ้มข้อ
ไม่ถึงห้านาทีพนาก็เดินกลับมา
"อ่ะ น้ำ "
"ขอบคุณค่ะ"
มิรายิ้มขอบคุณผู้เป็นพี่ชาย ใบหน้างามแม้จะมีร่องรอยความเศร้าที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่น้อย แต่มิราเข้มแข็งมากๆ
ไปถึงวอชิงตันยังคงต้องตอบคำถามผู้เป็นบุพการีอีกมากมาย แต่มิราไม่หวาดหวั่น เพราะมั่นใจว่าบิดาของเธอคงไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่จะบังคับให้ลูกสาวอยู่กับคนที่ไม่ได้รักลูกของตัวเอง
ส่วนท่านจะกลัวเพื่อนขุ่นข้องหมองใจก็แล้วแต่ มิราไม่สามารถแบกรับและต้องทนเพียงเพื่อต้องรักษาหน้าตาของวงศ์ตระกูล เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับชีวิตที่เหลือของเธอ
นับแต่นี้มิราจะเลือกตัดสิ่งที่เจ็บปวดและเริ่มต้นใหม่เพื่อชีวิตที่มีความสุข และจะกลับมารักตัวเองอีกครั้ง
"จะกลับมาเมืองไทยอีกมั้ย?"
"กลับค่ะ แต่ขอเวลาอีกสักหน่อย อาจจะหนึ่งปี สองปี หรืออาจจะนานกว่านั้น"
"อย่านานมาก พี่เหงา"
"เมื่อไหร่พี่พนาจะมีแฟนล่ะคะ? จะได้ไม่เหงา แต่เอ๊ะ! ทำไมทีกับพี่พนาพ่อกับแม่ถึงไม่เคยวุ่นวายเหมือนของมิรา"
คนถูกถามถึงกับหลบสายตา จะรักคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อเขาเกิดมาเพียงเพื่ออยู่ดูแลมิราและตอบแทนบุญคุณคนที่ให้ชีวิตใหม่เท่านั้น หรืออาจเพราะบางทีเขาจะยังไม่เจอคนถูกใจ
แต่พนาไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้ ทุกวันนี้เขาก็มีความสุขกับสถานะโสดแล้ว ผู้ชายอินโทรเวิร์ตแบบเขาคงยากที่จะมีแฟน
"อยู่เป็นเพื่อนเราไปเรื่อยๆ ดีกว่า แค่น้องสาวคนเดียวก็แบกไม่ไหวแล้ว"
"ให้จริงนะคะ"
มิรายิ้มหวานปนเศร้าให้พนาก่อนจะอิงลงไปบนไหล่ของพี่ชายและค่อยๆ หลับตาลง พยายามไล่เจ้าก้อนน้ำตาที่ไหลมากองรวมกันอยู่ที่ลำคอรอระบายออกมาเป็นน้ำใสๆ ความใจหายเหว่ว้า ความคิดถึง ความเจ็บปวดโหยหาจากแผลสดยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน แม้จะพยายามเข้มแข็งสักแค่ไหนก็ตาม
'จบกันสักที ความรักที่เจ็บปวด ลาก่อนนะคะพี่เจตต์'
"ง่วงเหรอ? ไปขึ้นเครื่องกันเถอะ ได้เวลาแล้วล่ะ"
พนาลุกขึ้นมาก่อน แล้วยื่นมือไปให้คนตัวเล็กใช้เป็นที่ฉุดดึง พนารู้ว่ามิราอ่อนระโหยโรยแรงเต็มที เมื่อคืนก็เห็นเปิดไฟในห้องทั้งคืน ไม่บอกก็รู้ว่าเธอร้องไห้มาทั้งคืน
ถึงแม้ว่าแมคอัพจะช่วยไว้ได้เยอะในการกลบเกลื่อนรอยบวมช้ำจากการร้องไห้ แต่ยังไงก็ตามไม่อาจหลบซ่อนไปจากสายตาผู้เป็นพี่ชายที่เห็นเธอมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างพนาได้
"โชคดีนะมิรา ลาก่อน"
ร่างสูงโปร่งในชุดทำงานสไตล์minimal มือของเขาล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงขากระบอกทรงกว้างสีเบจ
ใบหน้าหล่อสวมใส่แว่นตากันแดดสีดำพรางหน้าตาของตัวเองเอาไว้ ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเผินๆ คงคิดว่าเขาคือไอดอลเกาหลีไต้มาเที่ยวเมืองไทย
เขายืนแอบอยู่ตรงมุมหนึ่งของสนามบิน เหตุการณ์ก่อนหน้านี้หลังจากที่เลขาเขางอนเดินออกไปจากห้อง
เจตต์ก็รีบมุ่งตรงมาที่สนามบินทันที โชคดีที่มาทัน โชคไม่ดีก็คือไม่สามารถเข้าไปร่ำลาเธอต่อหน้าได้เลย
แม้ว่าหญิงสาวเดินหายลับขึ้นไปบนตัวเครื่องบินแล้ว แต่เจตต์ก็ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่ตรงนั้น รู้ตัวเองดีว่าสูญเสียเธอไปแล้ว และคงไม่มีวันที่มิราจะอภัยให้เขาอีก
เจตต์รู้ว่ามิรารักเขามาก แต่เขาไม่รู้ว่าเขารักเธอเหมือนกันหรือไม่ หรือเป็นเพียงความหลงไหลเพียงชั่วคราว และไม่อยากทำร้ายให้มิราต้องเจ็บปวดเพราะเขา
เนื่องจากเจตต์ก็รู้สันดานตัวเองดีว่าเป็นคนขี้เบื่อหน่ายผู้หญิงมากขนาดไหน และไหนจะเรื่องของเอวาที่ยังรอวันสะสาง
ค่าาไม่รักก็ปล่อยไปค่ะพี่เจตต์ อย่ามาร้องเป็นหมาโบ้ทีหลังนะค๊ะ!!!