พ่ายรักเจ้าสาววันไนท์ฯ
12
"เตรียมของไปไหนคะ?"
ช่วงบ่ายมิราเผลองีบหลับไปตื่นขึ้นมาอีกทีเห็นเจตต์กำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมของใส่ตะกร้าสานปิกนิกทรงบ้านอยู่อย่างขะมักเขม้น
ไม่ว่าจะเป็นแซนวิชชิ้นเล็กๆที่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนทำขึ้นมาเอง ผลไม้ที่คุณดินเอามาฝากเมื่อเช้า กับขนมคุกกี้ที่หิ้วมาจากกรุงเทพฯ เครื่องดื่มที่เน้นแต่นมกับน้ำเปล่าอย่างล่ะนิดละหน่อยจัดลงใส่ตะกร้าอย่างเป็นระเบียบ
"ไปปิกนิกที่ไร่ดอกไม้ของพี่"
"ไร่ของพี่?"
"ไร่ดอกไม้เล็กๆไม่กี่ไร่หรอก พนาเคยชวนมาซื้อเอาไว้เมื่อสองปีก่อน เจ้าของเขาร้อนเงินขายเป็นที่ดินเปล่า พี่เลยดัดแปลงเป็นไร่ดอกไม้เล็กๆ แต่ยังไม่มีบ้านพัก มีแค่คาเฟ่เล็กๆที่กำลังสร้างอยู่ แต่ดอกไม้ตอนนี้กำลังบานสะพรั่งเลยล่ะ ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ พี่เอาของไปเก็บที่รถก่อน"
เจตต์พูดแต่ไม่ได้หันมองหญิงสาวเนื่องจากกำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมของ
"งั้นรอแป๊บนะคะ"
มิราเดินเข้าห้องนอนไปอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนชุดให้รัดกุมและสะดวกกว่านี้ หญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกเดรสเอี๊ยมสีพื้นพร้อมกับหมวกบักเก็ตสีครีมเข้าชุดหนึ่งใบ ผมยาวสลวยถูกถักเป็นเปียหลวมๆ ร่างอ้อนแอ้นอรชรด้วยความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบห้าดูน่ารักตัวเล็กๆเหมือนนักเรียนมอปลาย
"ไปกันครับ"
เจตต์เดินกลับมาในบ้านอีกครั้ง มือใหญ่ของเขายื่นมากอบกุมมือเล็กๆของมิราไว้ มิราปล่อยให้เขากอบกุมโดยที่ไม่ได้ขัดขืนหรือว่ากล่าวใดๆ ใบหน้านวลเปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาดหัวใจเริ่มต้นแรง
เจตต์เปิดประตูรถ Jeep รุ่นWrangler Rubiconคันสีดำราคาเจ็ดหลักเขาไม่ได้ซื้อมาหรอก ยืมจากเพื่อนในตัวเมืองมา ถามว่าต้องลงทุนขนาดนี้มั้ย เขาก็ไม่รู้ แค่อยากทำอะไรดีๆเอาใจมิราบ้างเนื่องจากเธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ อยากให้เธอมีความสุขลูกในท้องของเขาจะได้มีความสุขแข็งแรงไปด้วย
สามสิบนาทีต่อมา
เจตต์ขับรถจิ้บไปเรื่อยๆบนถนนเส้นเล็กๆที่ยังคงเป็นถนนลูกรัง ภูเขาแถวนี้มีทั้งไร่ชาไร่ผักกะหล่ำตัดที่ปลูกตัดเป็นขั้นบันได
ระยะทางถนนลูกรังเป็นเนินสูงต่ำยาวประมาณหนึ่งกิโลเมตร แต่วิวรอบๆหลักแสนหลักล้านกับทิวทัศน์เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยพืชพันธ์ต่างๆที่ปลูกเรียงกันอย่างเป็นระเบียบแยกเป็นชนิด
มิราทอดสายตาไปเบื้องหน้าราวกับเป็นภาพวาดที่แขวนไว้ตามผนังบ้านทั่วๆไปในกรุงเทพฯเพียงแต่ภาพที่เธอเห็นตอนนี้มันคือของจริง แถวนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย ไม่แปลกที่นักธุรกิจอย่างเจตต์ตัดสินใจซื้อที่ทางแถวนี้ไว้โดยที่ไม่ลังเล
รถจิ้บลัดเลาะมาจนถึงไร่ดอกไม้แห่งหนึ่งเจตต์ขับฝ่าถนนตรงกลางไร่ดอกไม้ขึ้นมาจอดที่เนินเขาติดกับทุ่งดอกไม้เนินตรงที่รถจอดเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีมองไปรอบๆบริเวณเหมือนจะเป็นสถานที่ตั้งแคมป์อยู่แล้วจากร่องรอยของการก่อกองไฟ
"อันนี้มันเรียกว่าโคตรพ่อโคตรแม่ไร่ดอกไม้แล้วค่ะ ตอนแรกมิรานึกว่าเป็นไร่เล็กๆอย่างที่พี่เจตต์บอกซะอีก"
มิรามองไปรอบๆด้วยประกายตาระยิบระยับ รอบๆบริเวณมีแต่ไร่ดอกไม้หลากชนิดสุดลูกหูลูกตาปลูกเป็นทิวแถวเหมือนทะเลดอกไม้ก็ไม่ปาน
จะให้บอกว่ามีกี่ชนิดก็บอกกันไม่หมด ดอกไม้แต่ละพันธุ์นั้นมีระยะเวลาในการเบ่งบานที่แตกต่างกันออกไป แต่พวกตระกูลเบญมาศดอกโตๆหลากสีสันน่าจะมีเยอะที่สุด เอาดีๆก็เหมือนจะมีสีม่วงมากที่สุดแต่คาดว่าน่าจะเป็นดอกหลากสายพันธุ์เพียงแค่มีสีเดียวกันมองไกลๆเลยเหมือนเป็นสายพันธุ์เดียวกันหมด เจตต์เข้าใจในการเลือกปลูกให้เหมาะกับสภาพอากาศเพราะจะได้มีดอกไม้บานตลอดปี
คาเฟ่ที่กำลังสร้างอยู่ก็หลังใหญ่เลยทีเดียวไม่ได้เล็กๆอย่างที่เจตต์บอก คนอะไรถ่อมตัวชิบ! มิราคาดไว้ล่วงหน้าว่าต่อไปที่นี่คือที่เช็คอินแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวแน่นอน
"ดูพูดเข้าสิ ไร่รอบๆเมื่อเห็นว่าพี่ปลูกดอกไม้แล้วมันดี เขาก็ปลูกตามๆกันไม่ใช่ของพี่ทั้งหมดหรอก ขืนพี่เอาเงินมาซื้อที่ทำไร่ดอกไม้หมดนี้พี่ล้มละลายได้เลยนะ ลงไปกันเถอะถึงแล้ว"
เจตต์เดินลงไปเปิดประตูให้มิราลงมาก่อนก่อนที่เขาจะไปขนของต่างๆลงมา มีเต็นท์สำหรับเอามากางพักแรมและเสบียงของกินต่างๆ ทั้งหมดนี้เขาทำเพื่อมิราล้วนๆ ไม่สิ!เอาจริงก็เพื่อลูกของเขาต่างหาก เอาน่าเพื่อลูกก็ได้ แต่ก็ขอให้เป็นแบบนี้ไปหลายๆเดือนเลยเถอะ
"เต็นท์ ค้างคืนที่นี่เหรอคะ?"
"จะค้างก็ได้นะ แต่พี่ตั้งใจเอาไว้มานอนดูดาวเฉยๆน่ะ เพื่อนบอกมาว่าที่นี่กลางคืนดาวสวย เลยอยากลองดู"
เจตต์ยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้มิราข้างนึง
'อ่อยอีกแล้ว คนบ้าอะไรหล่อทุกท่วงท่าขยับเป็นหล่อ'
มิราเผลอเคลิ้มไปชั่วคราวเมื่อเขายักคิ้วโปรยเสน่ห์ใส่แบบนั้น
'ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย ไอ้เรามันก็ยิ่งคลั่งคนหล่อๆซะด้วยสิ'
"เป็นอะไร?"
เจตต์ยืนเท้าสะเอวจ้องมิราที่เห็นว่าเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์เคลิบเคลิ้มอยู่กับอะไรสักอย่าง
"อ่ะ ปละ เปล่าค่ะ มิราขอเอากล้องไปถ่ายรูปฝั่งโน้นหน่อยนะคะ"
"อืม ไปเถอะ เดินระวังๆล่ะ อย่าลืมว่าในท้องน่ะลูกพี่ด้วยนะ"
เขาเตือนอีกครั้ง ในขณะที่มือกำลังจัดเตรียมกางเต็นท์อยู่โดยที่ไม่ให้มิราช่วย หญิงสาวเลยเดินไปชมวิวถ่ายรูปในไร่เพื่อฆ่าเวลา ภายในใจรู้สึกมีความสุขล้นหัวใจที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันครั้งแรก ไม่รู้ว่าพี่เจตต์พ่อของลูกจะคิดเหมือนกับเธอหรือไม่
ถึงแม้ว่าอยากรู้ความในใจของเขาจนตัวสั่นแต่ก็ป่วยการที่จะไปซักถาม
"เขาออกจะหล่อขนาดนี้ก็คงอยากได้ผู้หญิงที่สวยมากๆ เหมาะกับความหล่อของเขาหรือเปล่านะ แล้วดูเราสิ ตัวเล็กตัวน้อยขาสั้นปุกปิก มีดีหน่อยก็แค่ขาว หน้าตาถ้าไม่แต่งหน้าก็ดูเหมือนยัยซิ้มดีๆนี่เอง เห้อ!"
ถอนหายใจไปบ่นไปบูลลี่ตัวเองไป จริงอยู่ว่ามิราไม่ใช่ผู้หญิงสูงยาวเข่าดี แต่เธอมีความสวยน่ารักสดใสเซ็กซี่หน่อยๆแต่เป็นความเซ็กซี่ที่ไร้จริตจะก้าน และสิ่งเหล่านี้แหละที่ผู้ชายแบบเจตต์ไม่เคยเจอ
เมื่อโดนมิราบอกว่า แค่ทำบุญทำทาน หรือว่าสนุกร่วมกันเพียงชั่วคืนมันจึงทำให้ผู้ชายแบบเจตต์เสียสูญไม่ใช่น้อย ที่โดนยัยหมวยหน้าเกาหลีพูดจาดูถูกเขาขนาดนั้น
ชีวิตนี้เจตต์เจอแต่สวยๆขายาวๆระดับนางแบบนางพญามาเยอะ พอมาเจอแบบมิราชีวิตของเขาเลยดูมีรสชาดไปอีกแบบและเป็นแบบที่เจตต์รู้สึกว่าตัวเขามีความสุขอย่างแท้จริงที่ได้อยู่ใกล้ๆกับเจ้าหล่อน
"พี่เจตต์คะ"
แชะ!
"หล่อมากกกก"
มิราชมเสียงยืดจนเจตต์เผลอกระตุกยิ้มออกมากับรอยยิ้มกว้างน่ารักของเธอ
"ไหนดูสิ"
เจตต์แย่งกล้องถ่ายรูปมาดู
"ไม่เห็นหล่อเลย ลบๆ"
"ไม่เอาอย่าลบนะคะ "
มิราแย่งกล้องถ่ายรูปกลับมา แต่คนขายาวกว่ากลับชูกล้องให้สูงขึ้น
"อุ้ย!'
มิราเซปะทะล้มคะมำลงไปบนร่างของคนตัวใหญ่ที่รับร่างของเธอเอาไว้ทันท่วงที
สายตาประสานสายตาอีกครั้งในสภาพที่มิราคร่อมอยู่บนตัวของเขา และเขาที่กำลังกอดร่างเล็กๆของเธอไว้แน่น
มิรารู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว สายตาคมที่จ้องกลับมานิ่งมีแววประหลาดบางอย่างที่เธอก็ไม่รู้ว่าความหมายที่ซ่อนอยู่ข้างในคืออะไร
"ขอ ขอโทษค่ะ มิราไม่ระวังเอง"
มิราดันตัวเองเพื่อจะลุกขึ้น
แต่
ถูกวงแขนแข็งแรงรั้งเอาไว้
"พี่เจตต์.."
"จะรีบลุกไปไหน"
ใบหน้าที่แทบจะแนบติดกัน มิรารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดใส่หน้าเธอ กลิ่นกายหอมอ่อนๆของเขาปะทะเข้าจมูกทำให้ท้องไส้เธอรู้สึกปั่นป่วนพาให้นึกถึงเรื่องราวของคืนนั้น
มิราหลบสายตาคมของเขาที่จ้องมาอย่างไม่วางตา เจตต์ค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น มิรารู้ตัวอีกทีก็โดนริมฝีปากหยักนุ่มประกบจูบปิดเรียวปากอวบอิ่มของเธอเสียแล้ว
มิราเผยอปากตอบรับจูบเร่าร้อนของเขาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นหญิงสาวใจสั่นรัววูบวาบหวิวราวกับหัวใจจะหลุดออกจากขั้ว เมื่อถูกลิ้นอุ่นสอดเข้ามาในในโพลงปากอย่างรุกราน เจตต์ตวัดลิ้นของเขาเข้ากับลิ้นเล็กอ่อนนุ่มของมิราแผ่วเบาช้าๆได้ยินถึงเสียงกระดกของลิ้นและเสียงจูบเม้มของริมฝีปากเบาๆ
ร่างบางถูกลำแขนแข็งแรงกอดรัดกระชับมากขึ้น กลิ่นกายสาวหอมหวานยั่วยวนทำให้เลือดในกายของชายหนุ่มสูบฉีด
จูบเม้มดูดดื่มอ่อนหวานเร่าร้อนผ่านไปสักพักเจตต์จึงค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
สายตาเจ้าชู้ทอประกายเสน่หาคู่นั้นทำให้คนหน้าจิ้มลิ้มแก้มป่องถึงกับอายม้วน รีบลุกขึ้นมาพร้อมกับเบนหลบสายตาเขาเป็นพัลวัน เจตต์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเพราะรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นเขินเขาสุดๆ
เจตต์นิ่งงันแอบกรุ่นคิดในใจ ให้ตายเถอะ! ไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนที่เขินเป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่งแบบนี้มาก่อน ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวไม่ใช่น้อย หรือมันอาจจะเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
ประกายตาที่วาบหวามแปลกๆของเจตต์ทำให้หัวจิตหัวใจของมิราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เนื่องจากเกเรไปอยู่กับเขาแล้วทั้งใจ ไหนจะความตื่นเต้นที่พาให้มวนท้องไม่หยุดหย่อน
"หน้าแดงเชียว ร้อนเหรอ?"
คำถามแรกผุดขึ้นมาหลังเพิ่งจะผ่านบทจูบที่เร่าร้อนมาหยกๆ
'คนบ้าอะไรเพิ่งจะจูบมามาดๆ ไม่รู้จริงๆเหรอว่าหน้าแดงเพราะอะไร อีตาบ้า'มิราแอบค้อนเขาในใจ
"มิราว่ามิราไปถ่ายรูปต่อดีกว่านะคะ"
มิราตั้งใจจะเลี่ยงเขา เนื่องจากทนอยู่ต่อไปในสภาพนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะมันไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่
"เดี๋ยว! จะไปไหนอยู่ตรงนี้แหละ พี่จัดที่นั่งไว้ให้แล้ว ไปนั่งเอนหลังสักหน่อยเถอะ"
"ก็ได้...ค่ะ"
มิรารับคำพร้อมกับพยักหน้าโดยที่แสร้งมองไปทางอื่น เพราะความประหม่าและความตื่นเต้นยังคงไม่หายไปไหน
"ไม่เห็นเหมือนสาวในชุดเซ็กซี่ยั่วยวนคืนนั้นเลย ทำตัวเป็นเด็กแก่แดดเจนโลก แล้วเป็นยังไงล่ะ?"
"เป็นยังไงคืออะไรคะ?"
มิราถามย้ำอย่างไม่เข้าใจ
"ก็นั่นไงล่ะ"
เจตต์พยักเพยิดบุ้ยไบ้มาตรงหน้าท้องของเธอ
มิราก้มลงมองดูท้องของตัวเอง
"อ้อ"
มิราหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำเบนสายตาไปทางอื่นกะทันหันเมื่อรู้ความหมายของเจตต์
'ก็ท้องสิสาวน้อย '
ตึ่ง!
ข้อความจากแอพไลน์ผุดขึ้นมาหน้าจอ
เอวา:(พี่เจตต์คะว่างหรือเปล่า?)
เจตต์รีบปิดเครื่องโทรศัพท์หนีเมื่อเห็นข้อความจากเอวาปรากฏขึ้น เขามองไปที่มิราระแวงอยู่นิดๆกลัวว่าหล่อนจะมาเห็นเข้า เอวาทั้งส่งข้อความทั้งโทรมาไม่หยุดเจตต์เลยตัดสินใจปิดเครื่องหนี
นังเอวาอย่าถิ๊ หล่อนหยุดเดี๋ยวนี้! ?