INTRO
The Moon Pub
“ความฝันบ้านมึงสิไอ้มอส มึงคิดว่ามึงมีความฝันคนเดียวหรือไง ? กู ไอ้สิงห์ ไอ้ไฟ ทุกคนต่างก็มีความฝันกันทั้งนั้น”
“เฮ้ย ใจเย็นก่อนไอ้จีนคนมองกันใหญ่แล้วมึง”
“จีนไม่เอาน้า”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่บ่งบอกว่าคนพูดกำลังเดือดดาลขั้นสุดทำให้หนุ่มหล่อที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องของชาวบ้านสักเท่าไรค่อยๆเบนสายตาหันไปมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่กำลังเกิดการยื้อหยุดฉุดกระชากกันโดยที่ผู้ถูกยื้อเอาไว้คือสาวสวยหุ่นดีหน้าอกคัพซีที่กำลังยกขาขึ้นถีบความว่างเปล่าในขณะที่ผู้ชายฝั่งตรงข้ามถอยห่างออกไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
^_^ อืม ห้าวไม่เบาแฮะทั้ง ๆที่เป็นผู้หญิงแต่เฟียรส์ตีนฉิบหายว่าแต่ทะเลาะเรื่องอะไรกันขอเผือกด้วยคนสิ
“ใจเย็นบ้าบออะไรของมึงไอ้สิงห์มึงดูไอ้เหี้ยนี่ทำกับเราสิถ้าไม่มีพวกเราจะมีคนรู้จักมันไหม ? พอดังนิดดังหน่อยก็เอาใหญ่มาขอลาออกไปตามหาความฝันมึงคิดว่าพวกกูหลอกง่ายนักหรือไงไอ้สัส ?”
เด็กหนุ่มที่ชื่อมอสสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจในขณะที่จีนพยายามออกแรงสะบัดมือใหญ่ของไฟที่ดึงรั้งเธอเอาไว้แต่แรงหญิงมีหรือจะสู้แรงชายยิ่งเธอออกแรงมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยมากเท่านั้น
จีน “_” ทำไมเราถึงไม่เกิดเป็นผู้ชายแมนๆให้มันรู้แล้วรู้รอดไปว่ะ ? ตอนนี้แม่งอยากกระโดดถีบหน้าคนฉิบหาย!
“จะ เจ้พูดเรื่องอะไรผมไม่ได้หลอกอะไรเจ้กับเฮียเลยนะ” มอสเอ่ยปฏิเสธเสียงสั่นน้อยๆเจือแววตื่นกลัวและกระวนกระวายพลางเบือนหน้าหนีสายตาที่กำลังมองมาอย่างขุ่นเคืองระคนผิดหวังของจีน
“มึงไม่ต้องมาตอแหลเลยไอ้เด็กเวร พวกกูไม่ได้หูหนวกตาบอดเรื่องที่ไอ้พีทมาดีลซื้อตัวมึงไปคิดว่าพวกกูไม่รู้หรือไง ?”
ความจริงที่ถูกเปิดโปงทำให้มอสได้แต่เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกละอายใจในขณะที่สิงห์กับไฟจ้องมองเด็กหนุ่มที่พวกเขาให้โอกาสเข้ามาเป็นสมาชิกในวงด้วยสายตาเย็นชา
“พอเถอะจีนโมโหไปก็เท่านั้นคนมันจะไปพูดให้ตายมันก็ไปอยู่ดี มึงจะไปก็ไปไอ้มอสต่อจากนี้มึงไม่ใช่มือกีตาร์วง Rain อีกต่อไป” น้ำเสียงทุ้มต่ำของไฟเฉียบขาดหนักแน่นไร้ซึ่งเยื่อใย
“ผมต้องขอโทษพวกพี่ ๆ ด้วยนะครับ”
มอสเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงแหบแห้งท่าทางของเขาในยามนี้ดูห่อเหี่ยวอย่างถึงที่สุดไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกผิดที่ยอมให้วงคู่แข่งซื้อตัวไปไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกละอายใจที่หักหลังพวกพี่ทั้งสามคนแต่ชีวิตของเขาต้องเดินต่อไปในเมื่อเดินย่ำอยู่กับที่แล้วไร้อนาคตเขาก็ต้องยอมเสียสละความสัมพันธ์ดีๆที่มีอยู่เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
“ไสหัวไป” น้ำเสียงติดรำคาญของสิงห์เอ่ยไล่คนยิ่งเห็นท่าทางที่ดูห่อเหี่ยวของอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกขัดตา
“กูบอกให้ไปก็ไปสิหรือมึงจะเอา ?” น้ำเสียงตะคอกติดเย็นชาทำให้มอสที่ยืนนิ่งอยู่ถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวตั้งแต่รู้จักกันมานี่คือครั้งแรกที่เฮียสิงห์โมโหรุนแรงขนาดนี้
“ปะ ไป ไปแล้วครับ” ไม่รอให้สิงห์เอ่ยไล่ซ้ำเป็นครั้งที่สามมอสก็ออกตัววิ่งจากไปด้วยความหวาดกลัวทันที
บรรยากาศพลันตกอยู่ในความเงียบงันไปชั่วขณะจีนหลับตาลงพยายามสงบสติอารมณ์พร้อมกำฝ่ามือที่สั่นเทาของตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะเดินไปแย่งบุหรี่ที่สิงห์กำลังจุดไฟแต่เขากลับเบี่ยงตัวหลบทำให้มือเรียวบางของเธอคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
“เพื่อนเวร!” จีนสบถคำหยาบด่าเพื่อนเบาๆ ก่อนจะเอนตัวพิงกำแพงรับลมหนาวที่พัดผ่านมาจนกายบอบบางของเธอสั่นสะท้านทันใดนั้นก็มีบุหรี่สีสันแปลกตายื่นมาตรงหน้าพร้อมน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยไร้อารมณ์
“อะ ให้ยืม”
จีนเหลือบสายตาขึ้นมองเจ้าของมือใหญ่ที่ยื่นบุหรี่จุดไฟมาให้ทันใดนั้นลมหายใจของเธอก็พลันสะดุดดวงตาคู่สวยภายใต้รอยกรีดเฉียบคมของอายไลเนอร์เบิกกว้างเล็กน้อยชายหนุ่มหุ่นล่ำในชุดเสื้อไหมพรมสีดำกางเกงสแล็คความสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลายๆใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดสอดรับกับจมูกโด่งและสันกรามที่ดูเซ็กซี่ดวงตาดอกท้อลุ่มลึกคู่นั้นเผยถึงเสน่ห์ที่เหลือล้นยังแฝงไปด้วยอำนาจและความสุขุมที่ชวนให้ใจเธอสั่นในขณะที่สองหนุ่มสิงห์กับไฟก็หันมามองผู้ชายที่เดินมาหยุดยืนพิงกำแพงพร้อมพ่นควันสีเทาหม่นด้วยแววตาตกตะลึงเช่นกัน
‘นี่มันคนจริงๆหรือเทพบุตรวะเนี่ย ? อ๊าย อย่ายิ้มนะอย่ายิ้มบอกว่าอย่ายิ้มหนูใจละลายแล้วจ้ะพี่จ๋า’ จีน >>//<<
‘หน้าตาดีจนกูต้องยกธงขาวยอมแพ้ความมั่นตลอด 20 ปีที่ผ่านมาพังทลายลงในชั่วพริบตาฉายาสิงห์คิงวิศวถูกศัตรูที่ไม่รู้จักตีแตกพ่ายยับเยิน’ สิงห์ T_T
‘แม่งเอ๊ย! นี่ยังใช่คนอยู่ไหมวะ ? หน้าตาดีจนกูใจสั่นไอ้เหี้ย ! กูไม่ได้กำลังหลงรักผู้ชายด้วยกันหรอกใช่ไหม ?’ ไฟ “_”
ทั้งสามคนต่างมีคิดเห็นตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายแววตาที่มองผู้มาใหม่คล้ายเหม่อลอยไปชั่วขณะสำหรับจีนที่เป็นผู้หญิงนั้นไม่แปลกแต่ไฟกับสิงห์ที่เป็นผู้ชายแมนๆทั้งแท่งนั้นกลับถอนสายตาออกไปจากใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยจนกระทั่ง…
แปะ
“แค่ก แค่ก แค่ก ขอบคุณค่ะ”
สติที่ตกอยู่ในภวังค์พลันถูกดึงกลับมาจีนแสร้งกระแอมไอกลบเกลื่อนความเขินอายก่อนจะยื่นมือไปรับบุหรี่แท่งสีดำแปลกตามาจากมือของอีกฝ่ายและยกขึ้นอัดควันนิโคตินเข้าปอด
“แค่ก แค่ก แค่ก” จีนสำลักลมหายใจแทบจะทันทีเมื่อจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นและรสชาติที่ไม่คุ้นเคยบุหรี่อะไรว่ะเนี่ยหอมๆเย็นๆแปลกๆแต่สูบแล้วรู้สึกดีฉิบหาย
“ไหวไหมนั่น ?” น้ำเสียงเย็นชาที่แฝงไปด้วยแววหยอกล้ออยู่ในทีทำให้จีนสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะอัดควันสีเทาหม่นเข้าปอดอีกครั้ง อืม ครั้งนี้กลิ่นมิ้นต์กระจายเต็มปากแม่งหอมจนแทบอยากจะกลืนควันลงท้อง
“ไหวอยู่ ขอบคุณมากค่ะ”
จีนเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายที่กำลังเปิดปากพ่นควันสีเทากลิ่นมิ้นต์ไปทั่วบริเวณอย่างไม่นึกเกรงใจแถมยังพ่นมาทางฝั่งที่เธอยืนอยู่อีกด้วย โอ๊ย ! คุณพี่ “_” ลำพังควันที่น้องสูดเข้าไปเต็มปอดก็มากพอแล้วนี่พี่อยากให้น้องเป็นมะเร็งปอดตายก่อนวัยอันควรหรือไงถึงได้พ่นมาเต็มหน้าแบบนี้
จีนลอบบ่นในใจพร้อมเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเหม่อลอยอีกครั้งคำชื่นชมพลันผุดขึ้นมาในใจนับไม่ถ้วนทำไมเขาถึงได้หน้าตาดีมากขนาดนี้นะดูสิดูแค่ยืนพิงกำแพงพ่นควันบุหรี่แต่ดาเมจแรงจนแสบตาฉิบหายแถมเซ็กซ์ เซ็กซ์อะไรวะ ? อ้อ เซ็กซ์ แอพพีลโคตรๆริมฝีปากก็บางเฉียบน่าจูบ ดวงตาดอกท้อที่มองแค่แวบเดียวดูเหมือนผู้ชายเสเพลก็ราวกับมีแรงดึงดูดส่วนหุ่นแม่งไม่ต้องพูดถึงสูงยาวเข่าดีภายใต้เสื้อไหมพรมนั้นต้องเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นอนเลยแล้วไหนจะตรงนั้น...
“นี่กำลังอ่านกินกันอยู่หรือไง ? อีกนิดน้ำลายใกล้จะไหลแล้วนะนั่น” สัญชาตญาณนัก(ฆ่า)ล่าทำให้ภาคย์รับรู้ได้ว่าสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างๆกำลังใช้สายตาแทะเล็มเขาอยู่ส่วนคนที่อยู่ ๆก็ถูกจับได้อย่างไม่ทันตั้งตัวถึงกับสะอึกเวรแล้วไหมล่ะ ? คนเขาจับได้แล้วเว่ยจีน งื้อ น่าอายชะมัด!
สิงห์ & ไฟ “_” ท่าทางอ่านกินผู้ชายของเพื่อนสนิทน่าขายหน้าชะมัดทนมองไม่ไหวแล้วโว้ย
หลังจากนั้นทุกคนก็ต่างยืนพ่นควันบุหรี่เงียบๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อเป็นภาคย์ที่พูดขึ้นทำลายบรรยากาศอึดอัดใจที่กำลังดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆให้หยุดลง
“โดนเพื่อนในวงเท ?” คำถามซึ่งไร้ที่มาที่ไปของคนแปลกหน้าทำให้สิงห์ ไฟและจีนลอบสบตากัน
“อืม” เสียงนี้เป็นของจีนที่ยืนอยู่ใกล้เจ้าของคำถามมากที่สุด
“สนใจรับสมาชิกวงชั่วคราวไหม ? พอดีว่างงานไม่มีอะไรทำ”
“หืม” สิงห์ครางรับพร้อมหันหน้ามาสบดวงตาดอกท้อที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ล่อลวงคนให้ลุ่มหลงด้วยความแปลกใจในขณะที่จีนกับไฟเองก็ไม่ต่างกัน
“เล่นดนตรีเป็น” คำถามนี้เป็นของสิงห์
“อืม พอได้นิดหน่อย” ภาคย์ครางรับคำพร้อมบอกถึงทักษะทางดนตรีของตนเองที่อยู่ไกลกับคำว่า ‘นิดหน่อย’ ไปมากโขทีเดียว
“นิดหน่อยนี่แค่ไหน ?” ไฟถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“ก็เล่นเบสได้ กีตาร์ก็ดี กลองไม่ติด ส่วนร้องเพลงก็ได้นิดหน่อยมั้ง” คำตอบที่ฟังดูขอไปทีของอีกฝ่ายทำให้จีนนึกโมโหนี่พวกเธอกำลังตกที่นั่งลำบากนะอยู่ ๆมาขอเข้าวงก็ควรจะนำเสนอความเก่งกาจของตัวเองให้มันดูจริงจังมากกว่านี้หน่อยสิ
“เฮ้ย ! พี่จริงจังหน่อยเอาสาระอย่ากวนต...พวกกูกำลังเครียด” จีนกลืนคำว่า ‘ตีน’ กลับคืนลงไปแทบไม่ทันเมื่อเผลอสบสายตาดุดันที่แสดงออกถึงความไม่แยแสของอีกฝ่ายราวกับว่าที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการหยอกล้อที่ไม่จริงจังเท่านั้น
“นี่สาระแล้วไม่ได้กวนตีนสักหน่อยหรือคิดนี่ว่ากำลังล้อเล่นอยู่ ?” แววตาดุดันที่กลับมาดูเกียจคร้านพลันจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาบอกไป
“งั้นไปลองเทสดูเผื่อนิดหน่อยที่มึงบอกมาความจริงแล้วไม่ได้เรื่อง” ไฟเอ่ยชวนพร้อมส่งแววตาท้าทายไปให้อีกฝ่าย
“เอาสิ”
ภาคย์เดินตามหลังทั้งสามคนไปเงียบๆด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายหวังว่าการเข้ามาเผือกเรื่องชาวบ้านด้วยการเสนอตัวทำงานพาร์ทไทม์ชั่วคราวของเขาจะทำให้ความคิดถึงมีดผ่าตัดและกลิ่นคาวเลือดในสนามรบหายไปได้บ้างถึงแม้ว่าการเล่นดนตรีจะไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับการจับมีดผ่าตัดแต่อย่างน้อยๆก็คงจะพอช่วยให้เขาคลายอารมณ์เบื่อหน่ายไปได้มากทีเดียว
“อ๊ะ ลืมถามชื่อไปเลยพี่ชื่ออะไรอะ ?”
จีนที่เพิ่งนึกขึ้นได้หันไปมองภาคย์ที่เดินตามมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอก่อนที่เขารับกีตาร์ไฟฟ้าที่เธอยื่นไปให้
“ภาคย์”
“อ้อ นี่ชื่อจีนเล่นเบส ส่วนนี่สิงห์ร้องนำแล้วก็นั่นไฟมือกลอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักแล้วก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ” ภาคย์พยักหน้ารับพร้อมเอ่ยคำพูดที่ชวนให้ทุกคนมุมปากกระตุก
“มึงดูมั่นดีนะ” สิงห์เอ่ยเหน็บภาคย์ที่แบมือยักไหล่อย่างไม่แยแส
“ก็พอตัว” ภาคย์เองก็ไม่คิดจะถ่อมตัวเช่นกันถึงแม้คำชมนั้นจะแฝงการเยาะเย้ยถากถางอยู่ในทีแต่แล้วอย่างไรล่ะในเมื่อเขามีความสามารถมากพอที่จะโอ้อวดได้เขาก็ไม่คิดจะถ่อมตัวอยู่แล้ว
“งั้นลองเล่นเพลงนี้ดู”
ไฟยื่นสมุดโน้ตเพลงให้ภาคย์ที่รับมาเปิดดูคร่าวๆเมื่อเห็นว่าเป็นเพลงสากลที่ตนคุ้นเคยมุมปากก็พลันยกยิ้มด้วยความพึงพอใจเด็กพวกนี้อารมณ์ค้างจากเพื่อนที่เทวงไปหรือไงถึงได้เลือกเพลงนี้ให้เขา ‘See You Again’
“ให้เล่นอย่างเดียว ?” ประโยคนี้ภาคย์หันไปถามสิงห์โดยเฉพาะ
“ถ้าคิดว่าเจ๋งพอก็จัดมา” แววตาท้าทายของอีกฝ่ายทำให้สิงห์โต้กลับคืนทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด
ตริง
ความพึงพอใจพลันวาบผ่านแววตาของสิงห์เมื่อเสียงกีตาร์ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงร้องที่ทำให้เขาถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจในขณะที่จีนกับไฟตกอยู่ในภวังค์เคลิบเคลิ้มอย่างสมบูรณ์แบบเสียงร้องที่ปรับช่องเสียงสลับหนักเบาอย่างเชี่ยวชาญตามมาด้วยจังหวะแร็ปที่ทำให้สิงห์เผลอเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้แสดงท่าทีมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น
ก็เพราะว่าเขาคือนักดนตรีมืออาชีพอย่างไรล่ะถึงไม่ยอมถ่อมตัวตอนที่เขาเอ่ยชมปนเหน็บอีกฝ่ายฝีมือแบบนี้ไม่ใช่ร้องได้นิดหน่อยแล้วแต่ร้องโคตรของโคตรเพราะเลยต่างหากนี่ถ้าไปลงแข่งเพื่อเดบิวต์เป็นนักร้องดังเขามั่นใจมากว่าอีกฝ่ายสมปรารถนาแน่นอนอีกทั้งฝีมือดีดกีตาร์นี่มันช่าง...เทพเกินไปแล้วลูกพี่
“เป็นไงนิดหน่อยของกูพอใช้ได้ไหม ?”
เมื่อนิ้วเรียวที่ดีดสายกีตาร์เส้นสุดท้ายหยุดลงภาคย์ที่จดจ่ออยู่กับการร้องเพลงก็เงยหน้าขึ้นมาถามว่าที่เพื่อนร่วมวงทั้งสามคนที่เผยสีหน้าชื่นชมเขาอย่างไม่ปิดบัง
“พี่มึงแม่งเทพว่ะ ทั้งร้องทั้งแร็ปเก่งฉิบหาย” จีนเอ่ยชมพร้อมยกนิ้วโป้งให้ด้วยความจริงใจ
“เก่งขนาดนี้พวกเราดูเป็นมือสมัครเล่นไปเลย”
สิงห์ & จีน “_” มือสมัครเล่นของไอ้ไฟทำไมมันดูไม่เกินจริงเลยว่ะ อ้อ ความจริงแล้วก็มือสมัครเล่นจริงๆนั้นแหละเพิ่งฟอร์มวงกันได้แค่ครึ่งปีและเพิ่งรับงานเล่นดนตรีที่ผับแห่งนี้เป็นที่แรกแถมยังได้งานมาอย่างไม่ถูกต้องอีกด้วย
“อือ สมความมั่น” สิงห์เอ่ยชมเป็นคนสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าภาคย์และยื่นมือออกไปหาอีกฝ่าย
“ยินต้อนรับมือกีตาร์คนใหม่เข้าสู่วง Rain อย่างเป็นทางการ” ภาคย์ยื่นมือมาสัมผัสมือสิงห์พร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีในที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนว่างงานอีกต่อไป
“ว่าแต่ชื่อวงนี่เชยไปหน่อยนะเป็นไปได้ก็เปลี่ยนเถอะ เปลี่ยนแล้วอาจจะเปรี้ยงมากกว่าเดิม อ้อ เปรี้ยงกว่าวงคนชื่อพีทอะไรนั้นด้วย”
คำพูดของภาคย์ทำให้ทุกคนในวงหันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียงจีนเกิดความรู้สึกคล้อยตามในขณะที่สิงห์กับไฟนั้นเริ่มลังเล
“ชื่อวงเกี่ยวอะไรกับความดัง ?” ไฟหันมาถามภาคย์ที่เอามือลูบคางราวกับกำลังใช้ความคิด
“สายมูไง มูเตลูอะไรแบบนี้ที่เมืองไทยเขากำลังฮิตไม่ใช่หรือไง ?”
มูเตลูบ้าบออะไรกันเขาแค่ไม่ชอบใจชื่อวง Rain ที่ฟังดูหน่อมแน้มแค่นั้นเองมือเบสออกจะสวยห้าวเท่ส่วนร้องนำกับมือกลองก็หน้าตาดีแถมดูชั่วหน่อยๆแค่มองหน้าก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรก็เหมือนเขาไงที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเองค่อนข้างเลวบัดซบ เอ๊ย! หยุดดิภาคย์อันธพาลดีกว่าใช้คำนี้น่าจะเหมาะสมกับเบ้าหน้าราชนิกูลที่มารดาและบิดามอบให้หน่อยหล่อแบบสะอาดเหมือนอาบน้ำวันละสิบรอบมันต้องใช้คำนี้แหละถึงจะดูดีที่สุด
“มูเตลูเหี้ยอะไรพวกเราไม่ใช่สายมูสักหน่อยอยากดังก็พึ่งฝีมือกับ อะแฮ่ม หน้าตาหล่อๆนี่ไง” สิงห์พูดอย่างคนที่ไม่เชื่อในเรื่องของการเสริมดวงหน้าตาเขาออกจะหล่อดิบเถื่อนแบบนี้มาสายมงสายมูอะไรกันอาศัยแค่หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ส่วนเรื่องฝีมือ แค่ก แค่ก แค่ก เพิ่งฟอร์มวงมาได้ครึ่งปีได้แค่นี้ก็ดีแล้วมั้งนะ
“ตามใจก็แค่ออกความเห็นตามที่คิด” ภาคย์เองก็ไม่เซ้าซี้ให้ทุกคนรู้สึกลำบากใจเช่นกัน
“เปลี่ยนก็ดีนะชื่อวงที่เคยมีไอ้มอสกูสะอิดสะเอียนยังไงไม่รู้” สิงห์กับไฟหันควับมามองหน้าเพื่อนสนิทหญิงเพียงหนึ่งเดียวในแก๊งทันทีด้วยความแปลกใจไอ้นี้มามันเวย์ไหนของมันอยู่ ๆ ก็บ้าจี้ตามคำพูดของไอ้หน้าหล่อนี่ไปได้
“เฮ่ย ไอ้จีนมึงอย่าบ้าจี้” สิงห์
“มึงหยุดเลยไอ้จีน” ไฟ
“วงเราชื่อ Rain เพราะฟอร์มวงกันวันฝนตกส่วนวงไอ้พีท It’Real ความหมายต่างกันแต่ขึ้นต้นด้วย R เหมือนกันกูแม่งไม่อยากใช้ชื่อนี้แล้วว่ะ”
จีนยกเหตุผลที่โคตรจะไร้สาระขึ้นมาพูดด้วยสีหน้าจริงจังชื่อใกล้เคียงกันคนก็อาจจะจำผิดบ้างหรือไม่ก็อาจจะนำมาเปรียบเทียบกันซึ่งเธอต้องยอมรับเลยว่าความสามารถของวงเธอนั้นค่อนข้างตามหลังวงของพีทเยอะทีเดียวก็นะเพิ่งฟอร์มวงได้ครึ่งปีก็เสนอหน้าวิ่งมาเล่นตามผับซะแล้วถ้าไม่ติดว่าเธอหน้าตาดีส่วนเพื่อนสนิทอีกสองคนก็หล่อโซแบดโซหลัวแฟนคลับคงแทบไม่เห็นแม้แต่เงา
“มึงสาระ ?” ไฟถามจีน
“หน้ากูเหมือนคนชอบล้อเล่นหรือไง ?” จีนโต้ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“งั้นมึงคิดชื่อมา” สิงห์โยนงานคิดชื่อวงใหม่ไปให้ไอ้ตัวต้นเหตุทันที
ภาคย์ “_” อ้าว ! ไอ้เวรนี้ทำไมถึงโยนมาที่กูล่ะกูแค่ท้วงเฉยๆเองนะไม่ได้บอกว่าจะตั้งชื่อให้ใหม่สักหน่อย
“forget-me-not อย่าลืมฉัน”
ดวงตาของจีนสว่างวาบด้วยความพึงพอใจในขณะที่สิงห์กับไฟขมวดคิ้วมุ่นจนแทบชนกันสุดท้ายภายใต้คำพูดหว่านล้อมของจีนชื่อวง Rain ก็ถูกเปลี่ยนเป็น forget-me-not ตั้งแต่วันนั้นโดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าชื่อนี้จะเป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกในภายภาคหน้า