"เดี๋ยวพี่แชทหานะคะ"
พี่ดณุบอกลาฉัน ก่อนจะเดินตามหลังเพื่อนเขาไปคนละทางกับที่ฉันจะไป
"รันบอกให้อยู่ห่าง ๆ คนพวกนี้ ทำไมหนูอัยญ์ไม่เคยเชื่อนะ" รันรันบ่นฉันมาตลอดทางที่จะเอาของมาเก็บที่รถเธอ
"รันคิดมากไปหรือเปล่า หนูอัยญ์ว่าพี่เขาดูเป็นสุภาพบุรุษดีนะ" ฉันพูดตามสิ่งที่เห็น "หนูอัยญ์ผู้อ่อนต่อโลก ไม่เป็นไร มีรันรันคนนี้คอยปกป้องอยู่ หนูอัยญ์ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น" ฉันเลิกคิ้วทำตาโตใส่เพื่อนสนิทที่ทำเหมือนตัวเองเป็นผู้พิทักษ์เจ้าหญิง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
"คิก ๆ จ้า ๆ หนูอัยญ์เชื่อว่ารันรันน่ะปกป้องหนูอัยญ์ได้"
"แน่นอน" จบบทสนทนานี้ เราสองคนก็เดินต่อด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
'เห็นไหมคะป๊า หนูอัยญ์น่ะมีแต่คนอยากปกป้อง มีเพื่อนดี ๆ ข้างกายเยอะแยะ ป๊าไม่ต้องห่วงหนูอัยญ์ ป๊าหลับให้สบายนะคะ สุดที่รักของหนูอัยญ์'
แม้จะผ่านมาเกือบครึ่งเดือน แม้จะเห็นว่าฉันสนุกสนานร่าเริงในภายนอก แต่ไม่มีใครรู้หรอก ว่าฉันยังทำใจเรื่องป๊าไม่ได้สักแม้วินาทีเดียว
EX-ZeeD Street , 09.32 PM
ตอนนี้ ฉัน เฮียดีแลนด์ และรันรัน ยืนรอตรวจบัตรเข้างานอยู่ที่หน้าสนามแข่งรถที่ใหญ่อันดับสองของประเทศอย่างเอ็กซ์ซีดสตรีท
"ขอโทษนะคะที่รันใส่สีนี้มา" รันรันเอ่ยคำนี้รอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
"ไม่เป็นไร เฮียไม่ถือ" ฉันพยักหน้าเสริมคำพูดของเฮียดีแลนด์
รันรันที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิงยังทำหน้ารู้สึกผิดที่ไม่สวมชุดสีดำเหมือนกับพวกฉัน แต่จะไปโทษเธอก็ไม่ถูก รันรันไม่ได้อยู่ในช่วงไว้อาลัยเหมือนฉันกับเฮียดีแลนด์สักหน่อย
"อ้าว คุณดีแลนด์ ทำไมไม่เข้าประตูใหญ่ล่ะครับ" พนักงานที่มีหน้าที่ตรวจบัตรเข้างานเอ่ยถามเฮียดีแลนด์อย่างเกรงใจ
"วันนี้ผมมาเป็นคนดู ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น" เฮียฉันโคตรแมนว่าไหม?
"วันนี้ควงสองนะเฮีย" เสียงติดทะเล้นอีกเสียงดังขึ้น ก่อนที่คนตรวจบัตรจะผายมือเชิญพวกเราเข้ามาในงาน
"ไปเตรียมตัวแข่งดีกว่าไหม?" เฮียดีแลนด์ทักทายกลับเสียงแข็ง
"ระดับคฑา ไม่ทำให้รุ่นพี่อย่างเฮียดีลผิดหวังแน่นอน" คนถูกเตือนสติยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในความมั่นใจในตัวเอง
"สวัสดีค่ะ เฮียคฑา" ฉันยกมือไว้รุ่นน้องเฮียดีแลนด์ที่รู้จักมักจี่แต่ไม่ถึงขั้นสนิทสนม "สวัสดีครับน้องหนูอัยญ์คนสวย" เฮียคฑายิ้มให้ฉันจนเห็นลักยิ้ม
"อ้อ เกือบลืมไปเลย นี่เพื่อนหนูอัยญ์ค่ะ ชื่อรันรัน เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น" ฉันรีบแนะนำเพื่อนสนิทที่เพิ่งมาที่นี่และเพิ่งรู้จักเฮียคฑาเป็นครั้งแรก
"ถึงว่าสวยจัง เป็นลูกครึ่งนี่เอง" เจ้าชู้ไม่เบานะคะเฮียคฑา
"ไหนรถมึง"
"ทางนี้เฮีย วันนี้จัดสีเข้ม ตามดวงประจำวันของผมเลยนะ" เฮียคฑาเดินนำพวกเราไปที่เต็นท์ที่อยู่ด้านในสุด
"ครึกครื้นมากเลยหนูอัยญ์" รันรันมองนั่นมองนี่ตามประสาคนที่เพิ่งมาครั้งแรก
ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนฉันในตอนนั้นที่เพิ่งได้เปิดหูเปิดตาเหมือนกัน
"แต่หนูอัยญ์ว่ามันเสียงดังน่ากลัว" ไม่ว่าจะมาที่นี่สักกี่ครั้ง ฉันก็ยังไม่ชินกับเสียงอึกทึกครึกโครมของสนามแข่งอยู่ดี
"เสียงดังน่ะใช่ แต่รันว่ามันสนุกดีนะ ผู้ชายเยอะด้วย แต่หาแบบที่รันชอบยาก"
เพราะสเปกเพื่อนรันมันหายากไงล่ะ จะมีสักกี่คนที่มีกล้ามแต่ไม่ใช่นักเล่นกล้ามพวกนั้น "เดี๋ยวสาว ๆ นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เฮียขอไปเช็คเครื่องให้ไอ้คฑามันหน่อย"
เฮียดีแลนด์พาฉันกับรันรันเข้าไปนั่งอีกเต็นท์ที่ติดกับเต็นท์รถที่เฮียคฑาจะใช้ลงแข่ง ก่อนที่เขาจะเดินไปสั่งผู้ชายสองสามคนแล้วชี้มาทางพวกเรา ถ้าให้เดาคงจะฝากให้ช่วยดูตอนที่เฮียดีแลนด์ยุ่งอยู่นั่นแหละ
Lucky' part
วันนี้ผมมาดูไอ้กิเลนเพื่อนรักเพื่อนตายแข่งรถเล่นแก้เซ็งที่สนามของคนรู้จักอย่าง 'เฮียเบิ้ม'
ก๊อก ก๊อก เสียงประตูหน้าห้องระดับวีวีไอพีที่ผมยืนอยู่ดังขึ้น ก่อนจะมีร่างสูงโปร่งร้อยแปดสิบสาม ผมเปิดข้างออกแนวเกรียน ๆ พร้อมรอยสักภาษาจีนที่มาจากชื่อของมันอยู่ต้นแขนขวา
"มองไรวะ กูสังเกตตั้งแต่ยืนอยู่ข้างล่างนู่นแล้ว" คนมาใหม่เดินมายืนขนาบข้างผมพร้อมพยายามมองตรงไปยังจุดที่สายตาผมโฟกัสอยู่
"ก็มองไปเรื่อย" ผมหยักไหล่ตอบเสียงเรียบ
"ถุย! อย่างคุณลัคกี้ ถ้าไม่มองเหยื่อก็มองศัตรู"
"หึ!" ผมหลุดขำในใจ
ไอ้ 'กิเลน' แม่งพูดถูกใจ สมแล้วที่เราสนิทกันมาตั้งเกือบสิบปี
"ว่าแต่มึง เตรียมตัวพร้อมแล้ว?" ผมไม่สนใจคำพูดก่อนหน้าของมัน เพราะอย่างน้อยเพื่อนผมคนนี้มันก็รู้ใจผมว่าผมมองอะไร หนึ่งในสองอย่างที่มันพูดนั่นแหละ
"แข่งชิว ๆ แมทช์นี้ไม่สนแพ้ชนะว่ะ"
"แม่งพูดไม่ให้เกียรติเด็กเส้นสิงห์สนามแห่งนี้เลยนะมึง" เหมือนผมประชดมัน แต่จริง ๆ คือชอบใจคำพูดไอ้กิเลนมากกว่า
การลงแข่งแมทช์นี้มันแพ้ชนะไม่สำคัญ เพราะไม่ต้องเดาคนดูก็รู้ว่าเพื่อนผมน่ะกินขาด คู่แข่งมันแค่เด็กเสิร์ฟในบาร์แห่งหนึ่งที่คลั่งความเร็วแต่ไม่ได้มืออาชีพ
อืม... แต่ครูฝึกมันน่ะมืออาชีพของแท้ซึ่งผมกับไอ้กิเลนยอมรับในฝีมือของมัน
ครูฝึกก็คือครูฝึก วันนี้มันส่งเด็กเส้นมันมาลงแข่งก็เท่ากับยอมรับความพ่ายแพ้
"ตกลง วันนี้มึงมองใคร" นี่นึกว่ามันลืมไปแล้ว ยังจะเสือกถามขึ้นมาอีก
"มองไปเรื่อย" ตอบแม่งประโยคเดิมนี่แหละ
"เด็กนั่นสวยดี ขนาดอยู่ในชุดดำยังดูออร่าเจิดจรัส" สิ่งที่ไอ้กิเลนพูดทำผมคิ้วกระตุก นี่มันคงไม่ได้หมายถึง 'ยัยนั่น' หรอกนะ
"ก็งั้น ๆ พ่อเพิ่งตายยังจะออกมาเที่ยวกลางคืน" ผมใช้หางตามองไปยังจุดที่ผู้หญิงผมยาวดัดลอนปลายแต่มัดรวบมาไขว้ไว้ข้างขวาเพื่อปิดเนินไหปลาร้าที่ว่างโล่งจากเดรสเปิดไหล่ที่เธอสวมมา
"ไหนบอกมองไปเรื่อย ทำไมคุณมึงถึงได้ตอบถูกว่ากูหมายถึงผู้หญิงคนนั้น" ไอ้กิเลนชอบใจที่จี้ผมได้สำเร็จ มันเดินไปหยิบแก้ววิสกี้ที่ผมรินไว้กระดกลงคออย่างหน้าด้าน ๆ
"มึงนี่แม่ง!" ผมจะแพ้ให้ไอ้เพื่อนตัวดีทุกครั้งเลยหรือไง ไม่เคยจะปิดบังสายตาไอ้ห่ากิเลนได้เลยสักที
"มา ๆ เลิกมองไปเรื่อยได้แล้ว นั่นน่าจะเด็กไอ้ครูฝึกคู่แข่งกู" ไอ้กิเลนกวักมือเรียกผมทั้ง ๆ ที่ในมือมีแก้ววิสกี้ของผมที่ตอนนี้กลายเป็นของมันอยู่ในมือ
"เด็กใครทำไมกูต้องสน?" ผมหรี่ตามองหน้าไอ้กิเลนที่มุมปากมันยกสูงขึ้นเหมือนกำลังล้อเลียนอะไรผมสักอย่าง
"ปกติมึงไม่เคยแอบมองผู้หญิงที่ไหนนาน ๆ "
"กูบอกไปหลายรอบแล้วว่ากูมองไปเรื่อย มึงไม่เข้า..."
"ครับ ๆ เข้าใจแล้ว แค่มองไปเรื่อย ๆ "
พูดยังไม่จบเสือกแทรกกลางคัน แถมน้ำเสียงมันย้อนแย้งกับสิ่งที่พูดออกมาว่าเข้าใจสิ่งที่ผมพูด
"เฮียราชันย์ล่ะ" ผมขี้เกียจเถียงกับมันเรื่องนี้เลยถามหาอีกหนึ่งคนในแก๊งตัวเอง
"รอยัยนางแบบอยู่"
หืม? วันนี้แยมโรลก็มาด้วยเหรอวะ ฮั่นแน่... งานนี้เพื่อนผมชนะชัวร์
"มึงคิดอะไรไอ้เวรลัคกี้?"
"เปล่า!!" ผมยักไหล่เสียงสูงนิด ๆ ก่อนจะหยิบแก้วใบใหม่มาเทวิสกี้เพียว ๆ ก่อนจะหยิบน้ำแข็งใส่ลงไปหนึ่งก้อน ยกมันกระดกลงคอพร้อมเสียง
"อ้า บาดคอดีจริงจริ๊ง"
ตุ้บ...ก่อนจะได้ล้ออะไรไอ้กิเลนไปมากกว่านี้ เพื่อนที่ปากไม่ตรงกับใจมันก็ปาน้ำแข็งมาใส่ผมหนึ่งก้อนใหญ่
แอ้ด... เสียงประตูห้องดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงคุยกันจอแจดังตามมา
"เฮียชันย์จะรอแยมทำไมเนี่ย แยมก็บอกอยู่ว่าแยม เลิกกองช้า ๆ เฮียก็ไม่ฟัง"
เสียงเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มผมแต่อายุน้อยกว่าพวกผมสองปีดังขึ้นอย่างหงุดหงิด
"ทะเลาะกันอีกแล้ว ผัวเมียคู่นี้"
ผลัวะ!!
สมน้ำหน้า ปากหมาดีนักไอ้กิเลนเอ้ย!
"กินไปเยอะ ๆ อย่าปล่อยให้ปากว่างแล้วปล่อยหมามากัดคนอื่นเขาไปทั่ว"
แยมโรลตบแผ่นหลังไอ้กิเลนไปหนึ่งทีหลังจากที่มันแซวไม่เข้าเรื่อง แต่เพื่อนผมมันโรคจิต ชอบความเจ็บปวด ยิ่งถ้าเป็นฝีมือสาวสวยที่ชื่อ 'แยมโรล' ไอ้กิเลนยิ่งชอบ
"ใกล้แข่งยัง" เฮียราชันย์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มผมถามขึ้น
เฮียราชันย์คือคนที่แก่สุดและน่ากลัวที่สุดในกลุ่มผม ภายนอกเฮียแกจะนิ่ง ๆ ที่นิ่งคือเฮียแกกำลังประเมินทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัว แล้วเก็บมันทีหลังอย่างอยู่หมัด
ส่วนแยมโรล สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ดีกรีนางแบบเอ็กซ์ ที่ใคร ๆ ต่างมองว่าเธอเกือบจะเปลือยกายถ่ายนู้ดเป็นญาติสนิทของเฮียราชันย์เอง
"อีกสิบนาที" ไอ้กิเลนตอบพร้อมกระดกเหล้าเข้าปากอีกแก้ว
"แล้วยังจะดื่มต่อ?" แยมโรลรีบแย่งแก้วในมือเพื่อนมาถือไว้
เดี๋ยวจะงงว่าทำไมก่อนหน้าผมบอกว่าแยมโรลเด็กกว่าผมสองปีถึงมาเป็นเพื่อนกันได้ นั่นก็เพราะ เธอเป็นญาติสนิทของเฮียราชันย์และติดเฮียแกแจจนมาสนิทกับพวกผมซึ่งก็คบกันมาราว ๆ เจ็ดแปดปีได้
และที่สำคัญ ยัยนี่ไม่เคยเรียกผมกับไอ้กิเลนว่าพี่หรือเฮียสักคำ
อาจจะเพราะเธอไม่เคยถามอายุพวกเราล่ะมั้ง และที่สำคัญคือ พวกผมไม่ถือเรื่องนี้ ขอแค่ไม่สร้างความฉิบหายให้ก็พอ
"ดื่มเรียกสติ" ไอ้นี่ยังแถต่อ เดี๋ยวคอยดูมันจะโดนดีอีกรอบ
ป้าบ!! เสียงฝ่ามือน้อยแต่เรี่ยวแรงมหาศาลกระทบเนื้อแน่น ๆ ของต้นแขนไอ้กิเลนดังป้าบใหญ่
"โอ้ย ! ซาดิสม์เหรอเธอ ชอบตี ชอบทุบ" ไอ้กิเลนลูบต้นแขนป้อย ๆ แต่ก็ไม่วายดึงมือคนที่ประทุษร้ายร่างกายมาแบดู
"จะทำอะไรน่ะ?" แยมโรลพยายามดึงมือออกจากกุมมือหนาแต่ไม่สำเร็จ
เฮ้อ! เบื่อพวกไม่ยอมรับใจตัวเอง เดินไปรับอากาศบริสุทธิ์ริมระเบียงดีกว่า
ครืด... เสียงประตูบานเลื่อนที่เชื่อมสู่ระเบียงดังขึ้น ชั้นสองที่ผมยืนอยู่ไม่ได้สูงมากเหมือนตามตัวอาคารทั่วไป ทำให้ตอนนี้ผมได้ยินเสียงสนทนาของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ยืนอยู่เนินสูงของด้านล่างได้อย่างชัดเจน
"พี่คฑาทำอะไรคะ" เสียงใส ๆ เอ่ยถามคู่สนทนา
"กำลังไหว้พระขอพรครับ"
นี่คือมุกของมันใช่ไหมวะ?
"คิก ๆ พี่เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอคะ?" เสียงใสยังคงถามต่อ
"ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ลบหลู่ล่ะนะ"
"งั้นหนูอัยญ์ไม่กวนแล้วนะคะ"
"เดี๋ยวสิ!"
"คะ?"
"คือ พี่ขออะไรสักอย่างสิ"
"อะไรเหรอคะ?"
"ช่วยอวยพรให้พี่ในการลงแข่งแมทช์นี้ได้ไหม"
"นึกว่าเรื่องอะไร ได้สิคะ หนูอัยญ์ขอให้พี่คฑาแข่งครั้งนี้ด้วยความปลอดภัยและทำให้เต็มที่นะคะ"
"ขอบใจนะ พี่ว่าครั้งนี้พี่ต้องคว้าถ้วยรางวัลแน่ ๆ เลย"
หึ! ไอ้เด็กนี่ก็กระล่อนไม่เบา นี่คือวิธีจีบหญิงของมันสินะ
"แอบฟังคนคุยกันเสียมารยาทนะ" ผมใช้หางตามองบุคคลที่เดินมายืนเยื้องอยู่ด้านหลังด้วยมาดนิ่ง ๆ
"ใครบอกเฮียว่าผมแอบฟัง พวกนั้นมากกว่าที่คุยกันเสียงดังแถมมายืนอยู่ตรงที่ผมยืนอยู่เอง" ผมพูดถูกใช่ไหม? ผมอยู่ตรงนี้ ห้องนี้ก่อนคนพวกนั้นจะมาซะอีก แล้วแบบนี้จะมาเรียกว่าผมแอบฟังได้ยังไง เนอะ!
"เอาที่มึงสบายใจ ป้ะ ได้เวลาแล้ว"
ผมหมุนปลายเท้ากลับมาอีกทางพร้อมก้าวขายาว ๆ ตามเฮียราชันย์และพวกไอ้กิเลนเพื่อไปให้กำลังใจมันที่ขอบสนาม
หึ... เห็นนิ่ง ๆ ดูเรียบร้อย แต่ก็ชอบอ่อยไม่เบานะ อัยญาดา...
[End part]