ใจลวงรัก : 11

2209 Words
"เดี๋ยวพี่แชทหานะคะ" พี่ดณุบอกลาฉัน ก่อนจะเดินตามหลังเพื่อนเขาไปคนละทางกับที่ฉันจะไป "รันบอกให้อยู่ห่าง ๆ คนพวกนี้ ทำไมหนูอัยญ์ไม่เคยเชื่อนะ" รันรันบ่นฉันมาตลอดทางที่จะเอาของมาเก็บที่รถเธอ "รันคิดมากไปหรือเปล่า หนูอัยญ์ว่าพี่เขาดูเป็นสุภาพบุรุษดีนะ" ฉันพูดตามสิ่งที่เห็น "หนูอัยญ์ผู้อ่อนต่อโลก ไม่เป็นไร มีรันรันคนนี้คอยปกป้องอยู่ หนูอัยญ์ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น" ฉันเลิกคิ้วทำตาโตใส่เพื่อนสนิทที่ทำเหมือนตัวเองเป็นผู้พิทักษ์เจ้าหญิง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ "คิก ๆ จ้า ๆ หนูอัยญ์เชื่อว่ารันรันน่ะปกป้องหนูอัยญ์ได้" "แน่นอน" จบบทสนทนานี้ เราสองคนก็เดินต่อด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข 'เห็นไหมคะป๊า หนูอัยญ์น่ะมีแต่คนอยากปกป้อง มีเพื่อนดี ๆ ข้างกายเยอะแยะ ป๊าไม่ต้องห่วงหนูอัยญ์ ป๊าหลับให้สบายนะคะ สุดที่รักของหนูอัยญ์' แม้จะผ่านมาเกือบครึ่งเดือน แม้จะเห็นว่าฉันสนุกสนานร่าเริงในภายนอก แต่ไม่มีใครรู้หรอก ว่าฉันยังทำใจเรื่องป๊าไม่ได้สักแม้วินาทีเดียว EX-ZeeD Street , 09.32 PM ตอนนี้ ฉัน เฮียดีแลนด์ และรันรัน ยืนรอตรวจบัตรเข้างานอยู่ที่หน้าสนามแข่งรถที่ใหญ่อันดับสองของประเทศอย่างเอ็กซ์ซีดสตรีท "ขอโทษนะคะที่รันใส่สีนี้มา" รันรันเอ่ยคำนี้รอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ "ไม่เป็นไร เฮียไม่ถือ" ฉันพยักหน้าเสริมคำพูดของเฮียดีแลนด์ รันรันที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิงยังทำหน้ารู้สึกผิดที่ไม่สวมชุดสีดำเหมือนกับพวกฉัน แต่จะไปโทษเธอก็ไม่ถูก รันรันไม่ได้อยู่ในช่วงไว้อาลัยเหมือนฉันกับเฮียดีแลนด์สักหน่อย "อ้าว คุณดีแลนด์ ทำไมไม่เข้าประตูใหญ่ล่ะครับ" พนักงานที่มีหน้าที่ตรวจบัตรเข้างานเอ่ยถามเฮียดีแลนด์อย่างเกรงใจ "วันนี้ผมมาเป็นคนดู ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น" เฮียฉันโคตรแมนว่าไหม? "วันนี้ควงสองนะเฮีย" เสียงติดทะเล้นอีกเสียงดังขึ้น ก่อนที่คนตรวจบัตรจะผายมือเชิญพวกเราเข้ามาในงาน "ไปเตรียมตัวแข่งดีกว่าไหม?" เฮียดีแลนด์ทักทายกลับเสียงแข็ง "ระดับคฑา ไม่ทำให้รุ่นพี่อย่างเฮียดีลผิดหวังแน่นอน" คนถูกเตือนสติยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในความมั่นใจในตัวเอง "สวัสดีค่ะ เฮียคฑา" ฉันยกมือไว้รุ่นน้องเฮียดีแลนด์ที่รู้จักมักจี่แต่ไม่ถึงขั้นสนิทสนม "สวัสดีครับน้องหนูอัยญ์คนสวย" เฮียคฑายิ้มให้ฉันจนเห็นลักยิ้ม "อ้อ เกือบลืมไปเลย นี่เพื่อนหนูอัยญ์ค่ะ ชื่อรันรัน เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น" ฉันรีบแนะนำเพื่อนสนิทที่เพิ่งมาที่นี่และเพิ่งรู้จักเฮียคฑาเป็นครั้งแรก "ถึงว่าสวยจัง เป็นลูกครึ่งนี่เอง" เจ้าชู้ไม่เบานะคะเฮียคฑา "ไหนรถมึง" "ทางนี้เฮีย วันนี้จัดสีเข้ม ตามดวงประจำวันของผมเลยนะ" เฮียคฑาเดินนำพวกเราไปที่เต็นท์ที่อยู่ด้านในสุด "ครึกครื้นมากเลยหนูอัยญ์" รันรันมองนั่นมองนี่ตามประสาคนที่เพิ่งมาครั้งแรก ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนฉันในตอนนั้นที่เพิ่งได้เปิดหูเปิดตาเหมือนกัน "แต่หนูอัยญ์ว่ามันเสียงดังน่ากลัว" ไม่ว่าจะมาที่นี่สักกี่ครั้ง ฉันก็ยังไม่ชินกับเสียงอึกทึกครึกโครมของสนามแข่งอยู่ดี "เสียงดังน่ะใช่ แต่รันว่ามันสนุกดีนะ ผู้ชายเยอะด้วย แต่หาแบบที่รันชอบยาก" เพราะสเปกเพื่อนรันมันหายากไงล่ะ จะมีสักกี่คนที่มีกล้ามแต่ไม่ใช่นักเล่นกล้ามพวกนั้น "เดี๋ยวสาว ๆ นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เฮียขอไปเช็คเครื่องให้ไอ้คฑามันหน่อย" เฮียดีแลนด์พาฉันกับรันรันเข้าไปนั่งอีกเต็นท์ที่ติดกับเต็นท์รถที่เฮียคฑาจะใช้ลงแข่ง ก่อนที่เขาจะเดินไปสั่งผู้ชายสองสามคนแล้วชี้มาทางพวกเรา ถ้าให้เดาคงจะฝากให้ช่วยดูตอนที่เฮียดีแลนด์ยุ่งอยู่นั่นแหละ Lucky' part วันนี้ผมมาดูไอ้กิเลนเพื่อนรักเพื่อนตายแข่งรถเล่นแก้เซ็งที่สนามของคนรู้จักอย่าง 'เฮียเบิ้ม' ก๊อก ก๊อก เสียงประตูหน้าห้องระดับวีวีไอพีที่ผมยืนอยู่ดังขึ้น ก่อนจะมีร่างสูงโปร่งร้อยแปดสิบสาม ผมเปิดข้างออกแนวเกรียน ๆ พร้อมรอยสักภาษาจีนที่มาจากชื่อของมันอยู่ต้นแขนขวา "มองไรวะ กูสังเกตตั้งแต่ยืนอยู่ข้างล่างนู่นแล้ว" คนมาใหม่เดินมายืนขนาบข้างผมพร้อมพยายามมองตรงไปยังจุดที่สายตาผมโฟกัสอยู่ "ก็มองไปเรื่อย" ผมหยักไหล่ตอบเสียงเรียบ "ถุย! อย่างคุณลัคกี้ ถ้าไม่มองเหยื่อก็มองศัตรู" "หึ!" ผมหลุดขำในใจ ไอ้ 'กิเลน' แม่งพูดถูกใจ สมแล้วที่เราสนิทกันมาตั้งเกือบสิบปี "ว่าแต่มึง เตรียมตัวพร้อมแล้ว?" ผมไม่สนใจคำพูดก่อนหน้าของมัน เพราะอย่างน้อยเพื่อนผมคนนี้มันก็รู้ใจผมว่าผมมองอะไร หนึ่งในสองอย่างที่มันพูดนั่นแหละ "แข่งชิว ๆ แมทช์นี้ไม่สนแพ้ชนะว่ะ" "แม่งพูดไม่ให้เกียรติเด็กเส้นสิงห์สนามแห่งนี้เลยนะมึง" เหมือนผมประชดมัน แต่จริง ๆ คือชอบใจคำพูดไอ้กิเลนมากกว่า การลงแข่งแมทช์นี้มันแพ้ชนะไม่สำคัญ เพราะไม่ต้องเดาคนดูก็รู้ว่าเพื่อนผมน่ะกินขาด คู่แข่งมันแค่เด็กเสิร์ฟในบาร์แห่งหนึ่งที่คลั่งความเร็วแต่ไม่ได้มืออาชีพ อืม... แต่ครูฝึกมันน่ะมืออาชีพของแท้ซึ่งผมกับไอ้กิเลนยอมรับในฝีมือของมัน ครูฝึกก็คือครูฝึก วันนี้มันส่งเด็กเส้นมันมาลงแข่งก็เท่ากับยอมรับความพ่ายแพ้ "ตกลง วันนี้มึงมองใคร" นี่นึกว่ามันลืมไปแล้ว ยังจะเสือกถามขึ้นมาอีก "มองไปเรื่อย" ตอบแม่งประโยคเดิมนี่แหละ "เด็กนั่นสวยดี ขนาดอยู่ในชุดดำยังดูออร่าเจิดจรัส" สิ่งที่ไอ้กิเลนพูดทำผมคิ้วกระตุก นี่มันคงไม่ได้หมายถึง 'ยัยนั่น' หรอกนะ "ก็งั้น ๆ พ่อเพิ่งตายยังจะออกมาเที่ยวกลางคืน" ผมใช้หางตามองไปยังจุดที่ผู้หญิงผมยาวดัดลอนปลายแต่มัดรวบมาไขว้ไว้ข้างขวาเพื่อปิดเนินไหปลาร้าที่ว่างโล่งจากเดรสเปิดไหล่ที่เธอสวมมา "ไหนบอกมองไปเรื่อย ทำไมคุณมึงถึงได้ตอบถูกว่ากูหมายถึงผู้หญิงคนนั้น" ไอ้กิเลนชอบใจที่จี้ผมได้สำเร็จ มันเดินไปหยิบแก้ววิสกี้ที่ผมรินไว้กระดกลงคออย่างหน้าด้าน ๆ "มึงนี่แม่ง!" ผมจะแพ้ให้ไอ้เพื่อนตัวดีทุกครั้งเลยหรือไง ไม่เคยจะปิดบังสายตาไอ้ห่ากิเลนได้เลยสักที "มา ๆ เลิกมองไปเรื่อยได้แล้ว นั่นน่าจะเด็กไอ้ครูฝึกคู่แข่งกู" ไอ้กิเลนกวักมือเรียกผมทั้ง ๆ ที่ในมือมีแก้ววิสกี้ของผมที่ตอนนี้กลายเป็นของมันอยู่ในมือ "เด็กใครทำไมกูต้องสน?" ผมหรี่ตามองหน้าไอ้กิเลนที่มุมปากมันยกสูงขึ้นเหมือนกำลังล้อเลียนอะไรผมสักอย่าง "ปกติมึงไม่เคยแอบมองผู้หญิงที่ไหนนาน ๆ " "กูบอกไปหลายรอบแล้วว่ากูมองไปเรื่อย มึงไม่เข้า..." "ครับ ๆ เข้าใจแล้ว แค่มองไปเรื่อย ๆ " พูดยังไม่จบเสือกแทรกกลางคัน แถมน้ำเสียงมันย้อนแย้งกับสิ่งที่พูดออกมาว่าเข้าใจสิ่งที่ผมพูด "เฮียราชันย์ล่ะ" ผมขี้เกียจเถียงกับมันเรื่องนี้เลยถามหาอีกหนึ่งคนในแก๊งตัวเอง "รอยัยนางแบบอยู่" หืม? วันนี้แยมโรลก็มาด้วยเหรอวะ ฮั่นแน่... งานนี้เพื่อนผมชนะชัวร์ "มึงคิดอะไรไอ้เวรลัคกี้?" "เปล่า!!" ผมยักไหล่เสียงสูงนิด ๆ ก่อนจะหยิบแก้วใบใหม่มาเทวิสกี้เพียว ๆ ก่อนจะหยิบน้ำแข็งใส่ลงไปหนึ่งก้อน ยกมันกระดกลงคอพร้อมเสียง "อ้า บาดคอดีจริงจริ๊ง" ตุ้บ...ก่อนจะได้ล้ออะไรไอ้กิเลนไปมากกว่านี้ เพื่อนที่ปากไม่ตรงกับใจมันก็ปาน้ำแข็งมาใส่ผมหนึ่งก้อนใหญ่ แอ้ด... เสียงประตูห้องดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงคุยกันจอแจดังตามมา "เฮียชันย์จะรอแยมทำไมเนี่ย แยมก็บอกอยู่ว่าแยม เลิกกองช้า ๆ เฮียก็ไม่ฟัง" เสียงเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มผมแต่อายุน้อยกว่าพวกผมสองปีดังขึ้นอย่างหงุดหงิด "ทะเลาะกันอีกแล้ว ผัวเมียคู่นี้" ผลัวะ!! สมน้ำหน้า ปากหมาดีนักไอ้กิเลนเอ้ย! "กินไปเยอะ ๆ อย่าปล่อยให้ปากว่างแล้วปล่อยหมามากัดคนอื่นเขาไปทั่ว" แยมโรลตบแผ่นหลังไอ้กิเลนไปหนึ่งทีหลังจากที่มันแซวไม่เข้าเรื่อง แต่เพื่อนผมมันโรคจิต ชอบความเจ็บปวด ยิ่งถ้าเป็นฝีมือสาวสวยที่ชื่อ 'แยมโรล' ไอ้กิเลนยิ่งชอบ "ใกล้แข่งยัง" เฮียราชันย์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มผมถามขึ้น เฮียราชันย์คือคนที่แก่สุดและน่ากลัวที่สุดในกลุ่มผม ภายนอกเฮียแกจะนิ่ง ๆ ที่นิ่งคือเฮียแกกำลังประเมินทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัว แล้วเก็บมันทีหลังอย่างอยู่หมัด ส่วนแยมโรล สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ดีกรีนางแบบเอ็กซ์ ที่ใคร ๆ ต่างมองว่าเธอเกือบจะเปลือยกายถ่ายนู้ดเป็นญาติสนิทของเฮียราชันย์เอง "อีกสิบนาที" ไอ้กิเลนตอบพร้อมกระดกเหล้าเข้าปากอีกแก้ว "แล้วยังจะดื่มต่อ?" แยมโรลรีบแย่งแก้วในมือเพื่อนมาถือไว้ เดี๋ยวจะงงว่าทำไมก่อนหน้าผมบอกว่าแยมโรลเด็กกว่าผมสองปีถึงมาเป็นเพื่อนกันได้ นั่นก็เพราะ เธอเป็นญาติสนิทของเฮียราชันย์และติดเฮียแกแจจนมาสนิทกับพวกผมซึ่งก็คบกันมาราว ๆ เจ็ดแปดปีได้ และที่สำคัญ ยัยนี่ไม่เคยเรียกผมกับไอ้กิเลนว่าพี่หรือเฮียสักคำ อาจจะเพราะเธอไม่เคยถามอายุพวกเราล่ะมั้ง และที่สำคัญคือ พวกผมไม่ถือเรื่องนี้ ขอแค่ไม่สร้างความฉิบหายให้ก็พอ "ดื่มเรียกสติ" ไอ้นี่ยังแถต่อ เดี๋ยวคอยดูมันจะโดนดีอีกรอบ ป้าบ!! เสียงฝ่ามือน้อยแต่เรี่ยวแรงมหาศาลกระทบเนื้อแน่น ๆ ของต้นแขนไอ้กิเลนดังป้าบใหญ่ "โอ้ย ! ซาดิสม์เหรอเธอ ชอบตี ชอบทุบ" ไอ้กิเลนลูบต้นแขนป้อย ๆ แต่ก็ไม่วายดึงมือคนที่ประทุษร้ายร่างกายมาแบดู "จะทำอะไรน่ะ?" แยมโรลพยายามดึงมือออกจากกุมมือหนาแต่ไม่สำเร็จ เฮ้อ! เบื่อพวกไม่ยอมรับใจตัวเอง เดินไปรับอากาศบริสุทธิ์ริมระเบียงดีกว่า ครืด... เสียงประตูบานเลื่อนที่เชื่อมสู่ระเบียงดังขึ้น ชั้นสองที่ผมยืนอยู่ไม่ได้สูงมากเหมือนตามตัวอาคารทั่วไป ทำให้ตอนนี้ผมได้ยินเสียงสนทนาของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ยืนอยู่เนินสูงของด้านล่างได้อย่างชัดเจน "พี่คฑาทำอะไรคะ" เสียงใส ๆ เอ่ยถามคู่สนทนา "กำลังไหว้พระขอพรครับ" นี่คือมุกของมันใช่ไหมวะ? "คิก ๆ พี่เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอคะ?" เสียงใสยังคงถามต่อ "ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ลบหลู่ล่ะนะ" "งั้นหนูอัยญ์ไม่กวนแล้วนะคะ" "เดี๋ยวสิ!" "คะ?" "คือ พี่ขออะไรสักอย่างสิ" "อะไรเหรอคะ?" "ช่วยอวยพรให้พี่ในการลงแข่งแมทช์นี้ได้ไหม" "นึกว่าเรื่องอะไร ได้สิคะ หนูอัยญ์ขอให้พี่คฑาแข่งครั้งนี้ด้วยความปลอดภัยและทำให้เต็มที่นะคะ" "ขอบใจนะ พี่ว่าครั้งนี้พี่ต้องคว้าถ้วยรางวัลแน่ ๆ เลย" หึ! ไอ้เด็กนี่ก็กระล่อนไม่เบา นี่คือวิธีจีบหญิงของมันสินะ "แอบฟังคนคุยกันเสียมารยาทนะ" ผมใช้หางตามองบุคคลที่เดินมายืนเยื้องอยู่ด้านหลังด้วยมาดนิ่ง ๆ "ใครบอกเฮียว่าผมแอบฟัง พวกนั้นมากกว่าที่คุยกันเสียงดังแถมมายืนอยู่ตรงที่ผมยืนอยู่เอง" ผมพูดถูกใช่ไหม? ผมอยู่ตรงนี้ ห้องนี้ก่อนคนพวกนั้นจะมาซะอีก แล้วแบบนี้จะมาเรียกว่าผมแอบฟังได้ยังไง เนอะ! "เอาที่มึงสบายใจ ป้ะ ได้เวลาแล้ว" ผมหมุนปลายเท้ากลับมาอีกทางพร้อมก้าวขายาว ๆ ตามเฮียราชันย์และพวกไอ้กิเลนเพื่อไปให้กำลังใจมันที่ขอบสนาม หึ... เห็นนิ่ง ๆ ดูเรียบร้อย แต่ก็ชอบอ่อยไม่เบานะ อัยญาดา... [End part]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD