“วันนี้พอแค่นี้ค่ะ ขอให้นักศึกษารีบเคลียร์งานส่งก่อนสอบนะคะ”
“ค่ะ/ ครับ”
เสียงของอาจารย์ประจำภาควิชาราวกับเสียงนางฟ้านางสวรรค์ ฉันที่กังวลกับสายโทรศัพท์ ที่โทรมาเกือบจะยี่สิบสายเมื่อราวๆชั่วโมงก่อน รีบร้อนเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเอง เมื่อร่างของอาจารย์เดินพ้นออกไปจากห้อง ก็รีบหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งสั่นไว้มาดู
20 สายที่ไม่ได้รับ
เป็นจำนวนเท่าที่นับได้จริงๆ แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกร้อนใจมากกว่าเดิม ยิ่งเปิดดูว่าเป็นสายจากที่ไหน หัวใจยิ่งบีบรัดตัวด้วยความเป็นห่วง รีบกดต่อสายกลับไปที่โรงพยาบาล รอสายอยู่นานก็มีคนรับ
“สวัสดีค่ะคุณหมอ อาการคุณยายเป็นยังไงบ้างคะ?”
[คุณยายอรผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไตเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาการป่วยนะครับ เพียงแต่ที่หมอติดต่อไปหลายสาย จะแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายหลังการผ่าตัดให้ทราบ]
“อ่า ค่ะ”
[ตามปกติ คุณยายอรใช้สิทธิการรักษา จากบัตรสวัสดิการของรัฐบาลใช่ไหมครับ แต่การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะบางส่วน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งหมอได้แจ้งก่อนจะผ่าตัดแล้ว ซึ่งหมอกังวลว่าญาติจะไม่สะดวกเรื่องค่าใช้จ่าย]
“ไม่ค่ะคุณหมอ สะดวกค่ะ คุณหมอรักษายายตามที่เราคุยกันได้เลยค่ะ”
[แน่ใจนะครับ?]
“ค่ะ ขอบคุณที่โทรมาแจ้งอาการคุณยายนะคะ หนมมีเรียนอีกหนึ่งวิชา ถ้าเรียนเสร็จแล้ว จะรีบไปที่โรงพยาบาลค่ะ”
[อ่า งั้นหมอแจ้งรายละเอียดตอนนั้นแล้วกันนะครับ]
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ฉันกดวางสายทันที ความกังวลถาโถมเข้ามาจนไม่มีแรงจะเดินไปเรียนคาบต่อไป เรื่องมันก็เป็นตามที่หมอพูดมานั่นแหละ ยายของฉันเป็นโรคไต ท่านผ่าตัดปลูกถ่ายไต ซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ฉันจะไม่กังวลเลยถ้าหากว่าฐานะทางบ้านของเราร่ำรวย แต่มันไม่ใช่ไง และตอนนี้ฉันยังไม่มีเงินค่ารักษาที่หมอเคยแจ้งไว้
เมื่อทางเลือกมันเหลือให้ฉันแค่ไม่กี่ทาง ฉันจึงตัดสินใจใช้เวลาว่างระหว่างคาบเรียน เข้าไปในไลน์ส่วนตัวของตัวเอง เพื่อสร้างโพสต์ประกาศรับงาน
#รับงานกินข้าวด่วน สนใจทักแชต
ฉันจ้องมองข้อความอีกครั้งอย่างลังเล เคยคิดว่าจะเลิกรับงานเอ็นฯแล้วแท้ๆ แต่ชีวิตของยายสำคัญกับฉันมากที่สุด ฉันจึงต้องฝืนใจรับงาน ที่แม้แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกไม่ดีกับมัน
Line!
ฉันสะดุ้งจนหลุดออกจากภวังค์ ไม่คิดว่าเพียงแค่กดโพสต์ไป ก็มีคนทักเข้ามาทันที เป็นไอดีที่ฉันไม่เคยรับงานเลย ซ้ำยังเสนอราคามาก่อน จนฉันเลือกอ่านของเขาเป็นอันดับแรก ปล่อยให้ข้อความจากคนอื่นๆ เด้งอยู่มุมบนของหน้าจอ
FR : กินข้าว ดูหนัง ห้าหมื่น
K : ค่ะ นัดวันเวลา และสถานที่ที่สะดวกเลยค่ะ
FR : ….? ฉันได้เหรอ?
K : ค่ะ
FR :งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ที่ Iconsiam เวลาหนึ่งทุ่ม
K : ค่ะ
เมื่อคุยธุระเสร็จ ฉันก็เก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋า กระชับแว่นนิดๆ อย่างหวาดกลัวว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นความผิดปกติของตัวเอง ฉันมักจะรู้สึกกลัวทุกครั้งที่ต้องรับงาน เพราะมันเป็นงานที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ ฉันจึงปิดเป็นความลับมาตลอด ปิดซ่อนตัวตนอีกตัวตนไว้ ภายใต้ใบหน้าและการแต่งตัวเฉิ่มเชยมาเกือบสี่ปี
ฉันขอแนะนำตัวเองสักหน่อยแล้วกัน ฉันมีชื่อว่า ขนม ชื่อจริงคือ อภิชญา เป็นนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ ชั้นปีที่สี่ ซึ่งเหลือเวลาไม่ถึงสามเดือน ฉันก็จะเรียนจบแล้ว
ฉันอาศัยอยู่กับยายตั้งแต่จำความได้ ใบหน้าที่จำได้ดีกว่าใครๆ คือใบหน้าของยายที่เลี้ยงดูมา พ่อแม่ไม่รู้จัก นั่นก็เพราะฉันถูกทิ้งมาอีกทอด
แม่ของฉันตั้งท้องกับลูกชายคนมีตังค์ เขาแค่เล่นๆกับแม่ พอรู้ว่าแม่ตั้งท้องก็เขี่ยทิ้งทันที แม่อุ้มท้องฉันหนีกลับมาอยู่บ้านยาย ทะนุถนอมจนฉันคลอดออกมาได้สำเร็จ แต่ก็ทนดูความเหมือนพ่อบนใบหน้าฉันไม่ไหว แม่ตัดสินใจผูกคอตายทั้งที่ฉันยังไม่หย่านม ปล่อยให้ยายเลี้ยงดูอุ้มชูฉัน ทั้งที่ไม่มีงานทำ แม้แต่เงินซื้อนมก็แทบจะไม่มี
นั่นคือเรื่องที่คนเล่าต่อๆกันมาให้ได้ยิน ไม่ใช่เรื่องที่ออกจากปากยายฉันหรอก ท่านรักฉันมาก เพราะแบบนั้นฉันจึงรักท่านมากเหมือนกัน และฉันไม่อายเท่าไหร่ ที่ใช้อาชีพเด็กเอนท์ฯ เลี้ยงดูท่านในตอนที่ท่านป่วย
ฉันเริ่มทำงานนี้ตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นยายตรวจพบว่าเป็นโรคไต ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง ความจำเป็นทำให้ฉันเลือกทางที่มันน่าอาย ขายความสวยบนใบหน้า และรูปร่างเพื่อแลกกับเงิน
ปึก!
“ขะ ขอโทษค่ะ”
ฉันหลุดออกมาจากห้วงความทรงจำ รีบเอ่ยขอโทษคนที่ตัวเองเดินชน เพราะมัวแต่คิดเรื่องของตัวเองขณะย้ายตึกไปเรียนวิชาอื่น ฉันจึงไม่ได้ระวัง แล้วชนใครไม่ชน ดันไปชนพวกรุ่นน้องคณะบริหาร ซ้ำยังเป็นกลุ่มคนดังประจำคณะอีก
“อืม!”
“เป็นอะไรไหมวะฟาโรห์?”
“ไม่! พี่อะ? เจ็บไหม?”
รู้สึกได้เลยว่าคนที่ฉันชนตัวสูงมากๆ ได้ยินเสียงพูดของเขาอยู่บนหัว ฉันไม่กล้ามองขึ้นไป ได้แต่ก้มหน้ามองเท้าของตัวเอง ไม่ใช่ว่าพวกเขาหน้าตาดีมากๆ จนรู้สึกเขินอาย แต่เพราะฉันจำเสียงผู้ชายอีกคนได้ เขาเคยเป็นลูกค้าของฉัน ฉันกลัวว่าเขาจะจำฉันได้ ฉันไม่อยากถูกเปิดเผยความลับตอนนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“มึงโดนชนนะเว้ยฟาร์”
“ช่างเถอะน่า กูไม่เจ็บ!”
“ถะ ถ้าไม่เจ็บ ขอตัวนะคะ พอดีมีเรียน”
ฉันรีบเดินออกไปจากตรงนั้น รู้สึกเหมือนว่ายังมีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ เมื่อเดินเลี้ยวเข้ามาในตึกที่ตัวเองต้องเรียน ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
ฟู่!
“เกือบซวย!”
ถ้าหากฉันไม่มีความสามารถในการจดจำเสียงก็คงจะดี แต่ฉันต้องจำรายละเอียดของลูกค้า รวมถึงคนที่ฉันพบปะไว้ให้ดี เพราะสิ่งที่ฉันเก็บเป็นความลับนั่นแหละ ฉันเลือกลูกค้ามากๆ แต่ครั้งนี้ฉันกลับตัดสินใจแบบเร่งด่วน รับงานโดยไม่ตรวจสอบอะไรเลย รู้สึกกลัวขึ้นมาเลยแฮะ หวังว่าเขาคนนั้นจะไม่ใช่คนรู้จักกันนะ