"อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางแล้ว น้องนับดาวจัดเตรียมกระเป๋าแล้วหรือยังคะ"
"ยังเลยค่ะ นับเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องเตรียมชุดอะไรไปบ้าง"สองสาวนั่งพูดคุยภายในร้านเบเกอรี่หลังจากถ่ายงานในช่วงวันนี้เสร็จ ตารางงานที่แน่นจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนแทบจะตลอดทั้งปีถือว่าเป็นโชคดีของนับดาวเลยก็ว่าได้
"ซาร์จาซ์เรียเป็นเมืองร้อน พี่ว่าเราเตรียมชุดสบายที่ใส่สบาย ๆ ไปกันดีกว่าค่ะ"นับดาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบแก้วน้ำหวานขึ้นมาดื่ม ซาร์จาร์เรีย เป็นเมืองร้อนเห็นที่เธอต้องเตรียมชุดให้พร้อมกับสภาพอากาศ และเท่าที่ไปค้นหามา เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องเหมืองทอง บ่อนน้ำมัน และสิ่งล้ำค่ามากมาย และเป็นประเทศที่พึ่งจะเปิดใหม่เป็นที่สนใจของนักเดินทาง
"ไปทำงานต่างประเทศครั้งนี้น้องนับดาวไม่สนใจ หาหนุ่มฝรั่งสักคนมาไว้ดูแลหัวใจบ้างเหรอคะ"
"นับดาวไม่สนใจในเรื่องพวกนี้พี่พีชก็รู้ดี"
"แต่ผู้ชายมันก็ไม่ได้เหมือนกันไปหมดนะคะน้องนับดาว"ชีวิตครอบครัวในอดีตไม่ได้สวยหรูตามแบบในละคร ข้อนั้นนับดาวรู้ดีเพราะเธอต้องพบเจอมากับตัว ผู้ชายหลายคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้จักพอกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ความเจ้าชู้สำราญทำให้เกิดการสูญเสียจนยากจะหาทางหวนคืน
"พี่พีชขอโทษนะคะน้องนับ ที่เผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป"พีชญาใช้ฝ่ามือตีริมฝีปากตัวเองเบา ๆ โทษฐานพูดอะไรออกไปโดยไม่ทันคิด และลืมไปว่าเรื่องผู้ชายเจ้าชู้สำหรับนับดาวเป็นเรื่องอ่อนไหว
"พี่พีชไม่ได้พูดอะไรผิดนี่คะ อีกอย่างที่พี่พีชพูดมามันก็ถูก ผู้ชายมันก็ไม่ได้เหมือนกันไปหมด"
"แต่มันยากนะคะ กว่าที่เราจะหาผู้ชายที่รักเราจริงและไม่คิดจะนอกใจเราได้"ตั้งแต่จำความได้ชีวิตของเธอก็พบเจอแต่กับผู้ชายมากรักหลายใจ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ทำให้เธอเกิดมา แม้ผู้ชายคนนั้นจะกลับตัวกลับใจ แต่แผลเป็นที่ไม่วันหายมันยังคงฝังอยู่ในใจของเธอเรื่อยมา
"พี่เชื่อว่าสักวันน้องนับดาวของพี่ จะได้เจอผู้ชายที่ดีและพร้อมที่จะรักน้องนับดาวของพี่คนเดียวค่ะ"เธอเองก็หวังว่าจะเจอผู้ชายแบบนั้นเข้าสักวัน
ติ๊ด ติ๊ด
โทรศัพท์เครื่องหรูบางเฉียบแผดเสียงดัง นับดาวเหลือบสายตามองชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์พลางถอนหายใจออกมา ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสเปิดไหล่เอนกายพิงกับผนังเก้าอี้โดยไม่คิดที่จะสนใจรับสายของอีกฝ่าย
"คุณใหญ่โทรศัพท์มาหลายสายแล้วนะคะ น้องนับไม่คิดจะรับสายหน่อยเหรอ"
"ไม่ล่ะค่ะ นับไม่มีธุระอะไรจะคุยกับผู้ชายคนนั้น"นับดาวตอบเสียงห้วนก่อนจะสะบัดหน้าหันออกไปชมทิวทัศน์ยังนอกกระจกร้าน
"แต่คุณใหญ่อาจจะมีธุระสำคัญกับน้องนับก็ได้นะคะ"
"ก็คงไม่พ้นโทรศัพท์เรียกให้นับเข้าไปหาที่บ้านหรอกค่ะ"
"น้องนับดาวค่ะ รับโทรศัพท์เถอะค่ะถือว่าพี่พีชขอ"สายตาและน้ำเสียงเว้าวอนของพีชญาสร้างความหนักใจให้กับนับดาวอยู่ไม่น้อย เสียงโทรศัพท์ยังคงเรียกเข้าอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดนับดาวทนไม่ไหวจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
"สวัสดีค่ะ"
"นับทำงานอยู่เหรอลูก ถึงได้รับสายโทรศัพท์ของพ่อช้า"
"คุณมีธุระอะไรที่จะพูด ก็พูดมาเลยดีกว่าค่ะ"เธอไม่อยากสนทนากับปลายสายให้ยืดยาว แค่เพียงได้ยินเสียงก็เหมือนกับมีหอกหนามพุ่งเข้าเสียบแทงหัวใจดวงน้อยจนบาดเจ็บ
"วันนี้พ่อแค่อยากชวนหนูมาทานข้าวที่บ้าน พี่ปริม กับแม่ ปราน คิดถึงหนู"
"เหอะ"นับดาวส่งเสียงในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
"ตกลงนับดาวจะมาทานข้าวกับพ่อไหมลูก"
"ขอคิดดูก่อนนะคะ ช่วงนี้นับงานเยอะ คงจะไม่มีเวลามากพอไปนั่งทานข้าวกับคุณหนูปริมกับคุณหญิงปรานทิพย์"นับดาวแทบจะข่มอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ระเบิดออกมา คำเชิญชวนพวกนั้นล้วนไม่เป็นความจริงเลยทั้งสิ้น พวกเขาแค่ต้องการเรียกเธอเข้าไปโขกสับราวกับขี้ข้าดั่งเช่นที่เคยผ่านมา
"ทำไมนับเรียกแม่ปรานกับพี่ปริมอย่างนั้นล่ะลูก"
"นับเป็นลูกคนเดียวค่ะไม่มีพี่น้อง ขอตัวก่อนนะคะนับต้องไปทำงานไม่มีเวลาว่างมานั่งไร้สาระเหมือนพวกคนรวย"
ปึง
โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางกระแทกจนเกิดเสียงดัง พีชญารีบลุกขึ้นเดินอ้อมมานั่งลงข้างกายของนับดาวที่โกรธจนตัวสั่น
"ไม่เป็นอะไรนะคะน้องนับ อย่าไปสนใจคนพวกนั้น"
"นับก็ไม่ได้อยากจะสนใจหรอกค่ะ แต่คนพวกนั้น"ก้อนแข็งตีตื้นขึ้นมาจนยากต่อการพูด ดวงตาแดงก่ำมีหยดน้ำเอ่อคลอ พีชญาที่ได้เห็นรีบคว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้กับสาวน้อย สายตากวาดมองไปบริเวณโดยรอบเพราะกลัวว่าจะมีมือดีแอบถ่ายรูปไปทำข่าว
"คนพวกนั้นจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะค่ะ พี่เชื่อว่าสักวันเวรกรรมจะตามทัน ไม่ร้องไห้นะคะคนเก่งของพี่"
"นับเกลียดคนพวกนั้น"
"พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องนับดาวค่ะ พี่อยากให้น้องนับดาวสู้ทำให้คนพวกนั้นเห็นว่าน้องนับดาวของพี่ก็มีดีไม่น้อยไปกว่าคนรวยพวกนั้น"
"ค่ะ นับจะทำให้คนพวกนั้นได้เห็นว่านับไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน และนับนี่แหละค่ะจะเหยียบคนพวกนั้นให้จมเหมือนกับที่เคยทำไว้กับนับ"