หญิงสาวใจเต้นระส่ำแทบทะลุออกมานอกอก ราวกับกลายร่างเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มไปแล้วกระนั้น
ขนอ่อนทั่วร่างก็พากันลุกขึ้นชูชันยามริมฝีปากนุ่มชื้นไล้สัมผัสไปมา ความอบอุ่นและร้อนรุ่มที่โอบล้อมไปทั่วร่าง ทำนางแทบจะละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟอยู่แล้ว
หญิงสาวเริ่มหลับตาพริ้ม ร่างกายเริ่มอ่อนระทวยเพื่อตอบสนอง ปากเล็กเริ่มเผยอเตรียมครวญคราง
อา...ไม่ได้การ...
ขืนปล่อยให้เขากระทำการอย่างย่ามใจเช่นนี้ นางคงได้ล่องลอยไปบนฟากฟ้า แล้วตกลงมากระอักเลือดเป็นแน่
นางยังไม่พร้อมทั้งกายใจ เขาจะเอาเปรียบนางเช่นนี้มิได้
ชั่วขณะนี้ หยวนจงกำลังย่ามใจจริงๆ เขาเอื้อมฝ่ามือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของฟางหลัน แล้วบีบเนินเนื้อหยุ่นนุ่มของนางตามด้วยเคล้นคลึงอย่างสบายมือ
ส่วนเรียวนิ้วอุ่นอีกข้างก็กระตุกสายรัดที่เอวจนหลุด ก่อนจะค่อยๆ ลดฝ่ามือลงต่ำ มาลูบคลำตรงกลางกายนาง
“โอ๊ย!”
เสียงทุ้มแผดดังก้อง เมื่อฟางหลันเลือกที่จะบิดข้อมือของหยวนจงข้างที่กำลังลูบกลางลำตัวของนางก่อน
“โอ๊ย!”
เสียงร้องลั่นอีกครา เพราะฟางหลันบิดมืออีกข้างของเขา ที่กำลังล้วงเข้ามาตรงหน้าอกอวบตึงและกำลังเคล้นคลึงเมื่อครู่
“อ่า...”
หยวนจงโอดครวญก่อนจะถอยหลังไปถึงสองก้าว
ฟางหลันพลิกกายเข้าหา แล้วเอื้อมวงแขนโอบรอบลำคอหนาของเขาเข้ามา ตามด้วยยืดตัวขึ้นแล้วยื่นหน้าเข้าจุมพิตเขาตรงริมฝีปาก
“...!?”
ชายหนุ่มพลันเบิกตากว้าง เมื่อถูกจู่โจมกลีบปากเช่นนั้น
ฟางหลันมิได้จับแท่งหยกของหยวนจงมาหักเหมือนที่เคย นางเพียงจูบเขาอย่างรวดเร็ว สอดปลายลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นใหญ่
สายตาของทั้งสองสบประสานกันในระยะชิดใกล้
การจุมพิตเกิดขึ้นอย่างเร่าร้อนเนิ่นนาน
จนรู้สึกได้ถึงบางอย่างของหยวนจง กำลังตื่นผงาดชูคอดันกางเกง
แท่งหยกทรงพลังของชายหนุ่มปวดหนึบไปหมด แต่เพียงชั่วครู่ ฟางหลันก็ถอนริมฝีปากออกไป
ชายหนุ่มมองใบหน้างามที่กำลังถอยห่างอย่างงุนงง หูอื้อตาลายทันใด
เขากำลังพ่ายแพ้ให้นางอย่างราบคาบ
“มากินข้าวได้แล้ว”
หญิงสาวกล่าวเสียงนุ่มในระยะแนบชิดเพียงนิ้วกั้น พลางยกยิ้มอบอุ่นละมุนตา เป็นยิ้มที่งดงามสะกดใจ เป็นมารยาระดับเทพบนฟ้ายังต้องยอมลงให้
ครานี้หยวนจงพลันตาพร่า ความอุ่นชื้นเมื่อครู่ยังติดตรึงที่ริมฝีปาก ซึมลึกไปถึงกลางใจ
แสนเสียดายที่นางถอนใบหน้าออกไปเร็วนัก
“เจ้า...”
เขาเอ่ยเสียงแตกพร่าได้แค่นั้น สายตาคมดำขลับทำได้แค่จับจ้องนางไม่วางตา ความปรารถนาในตัวนางยิ่งท่วมท้น หัวใจในอกแกร่งเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่ง
นางกำลังจะทำให้เขากลายเป็นบ้า
ฟางหลันหลุดหัวเราะคิก
ยังก่อน ยังไม่ถึงเวลา
“มากินข้าวก่อน...” นางเอ่ยแค่นั้น แล้วจับดึงแขนเขาให้ไปนั่งลงที่โต๊ะแต่โดยดี
หยวนจงหมดหนทางต่อกรกับนางมารตนนี้จริงๆ
การทักทายกันด้วยความคิดถึง เริ่มต้นที่จุมพิตร้อนแรงและจบลงที่กินข้าวก็เท่านั้น
เมื่อกินข้าวจนอิ่มหนำ ฟางหลันก็ทำท่าเตรียมผละจาก นางเก็บถ้วยทุกใบใส่ถาด แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
“ช้าก่อน!”
หยวนจงส่งเสียงเข้ม สูดหายใจเข้าอกลึกหนึ่งเฮือกใหญ่ พยายามกักเก็บอารมณ์กระสันอย่างสุดความสามารถ
“ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่คิดจะอยู่คุยกันสักหน่อยหรือไร?”
เจ็ดเดือนที่มิได้เจอกัน หรือว่านางมิใคร่ใส่ใจเขาแล้ว
ชายหนุ่มนึกน้อยใจขึ้นมา หัวใจชายแกร่งวูบไหวเบาๆ
ฟางหลันทำหน้าเหลอหลา คิ้วเรียวโก่งเลิกขึ้นน้อยๆ เอ่ยปากเรียบเรื่อยว่า “ข้าแค่จะเอาถาดข้าวไปเก็บแล้วก็จะกลับมาหาท่าน ข้าเย็บผ้าเอาไว้ให้ท่านตั้งหลายชุด เตรียมถุงหอมเอาไว้หลายใบ รองเท้าหรือก็ปักให้ กระทั่งภาพวาด โคลงกลอนก็ยังมี”
จบคำก็หมุนตัวเดินจากไปเลย ไม่แม้แต่จะสนใจใครบางคนที่โง่งมไปแล้ว…
เมื่อกาลก่อน
ยามที่หยวนจงยังคงมีรักปักใจกับองค์หญิงเหม่ยหลิน เขาได้เห็นเพียงความเป็นสหายที่ไว้ใจกัน กั้นกลางระหว่างเรา ผ่านแววตาคู่งามของนาง
ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้เห็นเป็นความรักเฉกเช่นหนุ่มสาวเผยออกมา
แต่กระนั้น เขาก็ยังคิดว่าตนเองจะทำให้นางรักเขาเฉกเช่นชายหญิงได้ในสักวัน เขามั่นใจในเสน่ห์แห่งบุรุษเพศของตนที่มีมากอย่างล้นเหลือ ถึงแม้ว่าจะถูกสมรสพระราชาทานเข้ามากั้นกลางขวางทาง ก็หาได้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงแต่อย่างใดไม่
เพราะด้วยเสน่ห์มากล้นที่เขามี เขาย่อมจัดการกับภรรยาพระราชทานได้ไม่ยากเย็น
เขาแค่เพียงหว่านเสน่ห์ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งริษยาใส่สตรีให้ทั่ว เพื่อให้พวกนางจัดการกันเอง โดยที่มือของเขาไม่แปดเปื้อน
หมายรอรับองค์หญิงเหม่ยหลินมาเป็นภรรยาใหม่อย่างถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว
ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผัน เมื่อองค์หญิงเหม่ยหลินได้เจอคนรักที่เป็นถึงเจ้าแห่งยุทธภพ นามว่า หงซือกวน
ซึ่งพิศมองอย่างไร ตัวเขานี้ก็มิใช่คู่ต่อกรกับท่านผู้นั้น
และเขาเองก็ได้รู้จักกับสตรีประหลาดนางหนึ่ง ซึ่งพิศมองอย่างไรนางก็ร้ายกาจไม่เบา
ทว่าในความร้ายกาจของนาง กลับเผยสิ่งที่ตรึงใจเขาโดยไม่รู้ตัว
นางช่วยชีวิตเขาที่ลอยน้ำมา จุมพิตครั้งแรกของเราเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งแห่งอารมณ์คึกคะนอง ปลายนิ้วนุ่มของนางที่ทายาให้เขาตามมารยาทเจ้าของบ้าน นางช่วยเขาตามหากระบี่ประจำกาย ยามประมือกันแต่ละครั้ง เขาไม่เคยชนะนางได้