นางฟ้าสถาปัตย์

1266 Words
เชอร์รีนเดินลงมาทานข้าวเช้าพร้อมกับแต่งชุดนักศึกษาเพื่อไปมหาวิทยาลัย เธอคิดว่าอย่างน้อยก็ขอเรียนให้จบเพื่อจะได้มีวุฒิ หากเจ้าพ่อเบื่อเธอแล้วเขี่ยเธอทิ้งเธอก็จะได้ไม่ลำบากมาก เชอร์รีนเริ่มปลงตกกับชีวิตมากขึ้นและเริ่มยอมรับการใช้ชีวิตที่นี่ได้มากขึ้น “เชอร์รีน อรุณสวัสดิ์ครับ” น้ำเสียงแสนสุภาพอ่อนโยนเรียกเธออย่างดีใจเมื่อเห็นใบหน้าที่เริ่มสดใสของเธอ “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณวาคิน” เธอยิ้มให้เขาแล้วปรายตามองวายุเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยทักทายเขาเช่นกัน “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณวายุ” เธอทักทายตามมารยาทแต่เขากลับหลบตาเธออย่างเห็นได้ชัด ช่างเถอะ เธอก็ไม่ได้หวังให้เขามาญาติดีด้วยอยู่แล้ว คุณวาคินขอตัวไปเรียนก่อน เพราะมหาลัยที่เขาเรียนอยู่ค่อนข้างไกล และเชอร์รีนก็กำลังจะลุกตามไป เธอกะจะเดินทางไปมหาลัยโดยให้คนขับรถของที่บ้านให้ไปส่ง ขณะที่เธอยืนรอคนขับรถของที่บ้าน รถปอร์เช่สีดำคันหรูก็ถูกขับมาจอดต่อหน้าเธอ คนขับลดกระจกลงแล้วมองหน้าเชอร์รีน คุณวายุ เขาเรียกเธอขึ้นรถเบาๆ “ขึ้นมา” เขาพูดแค่นั้น เชอร์รีนที่กำลังเลิ่กลั่กหันซ้ายหันขวาไปมา ไม่คิดว่าเขาจะคุยกับเธอด้วยซ้ำ เชอร์รีนชี้ไปที่ตัวเอง แล้วเขาก็มองมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เธอนั่นแหละจะมีใครอีกว่ะ บอกให้ขึ้นมาไง ไปเรียนด้วยกัน” เขาเริ่มทำคิ้วขมวดอารมณ์เสียใส่ร่างเล็กที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วเธอก็เริ่มกลัวเขาจนต้องขึ้นรถมากับเขาแบบเสียไม่ได้ ระหว่างทางเขาก็ไม่ได้พูดอะไร และเธอก็คิดในใจว่าเขารังเกียจเธอแล้วทำไมถึงยังให้เธอติดรถมานะ “ฉันแค่ประหยัดน้ำมันต่างหาก แค่ให้เธอติดรถมา อย่าหลงดีใจจนเหลิงล่ะ” เขาพูดดักทางสิ่งที่เชอร์รีนกำลังคิดอยู่ในใจจนหมด “ค่า ค่า ฉันรู้ตัวดี” เธอตอบเขาแบบยานคางใจหนึ่งก็อยากกวนโมโหเขา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากถูกเกลียด “เธอเรียนสถาปัตย์สินะ” อยู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมา “ใช่ค่ะ คุณรู้ได้ยังไงคะ” เธอถามแบบสงสัย “ป๊าก็สืบมาหมดแหละ คนอย่างเขาถ้าจะพาใครสักคนเข้าบ้านเขาก็ต้องรู้ทุกอย่าง” เขาพูดอย่างมีเหตุผลและฟังดูชื่นชมผู้เป็นพ่ออย่างเห็นได้ชัด “แล้วคุณวายุเรียนคณะอะไรคะ” เชอร์รีนถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง เธอไม่ค่อยอยากพูดถึงเจ้าพ่อเท่าไหร่ เพราะเขาค่อนข้างเป็นแผลในใจสำหรับเธอ “เศรษฐศาสตร์” เขาตอบมาแค่นั้น อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกเรียน แต่ช่างเถอะถามเยอะเดี๋ยวโดนรำคาญอีก “อยู่มหาลัยก็ทำตัวให้มันดีๆ ล่ะ อย่าหลุดพูดเรื่องของที่บ้านเด็ดขาดถ้าอยากเรียนดีๆ” เขาพูดย้ำเรื่องที่เธอพอจะรู้อยู่แล้ว “เข้าใจแล้วค่ะ” เชอร์รีนตอบเขาอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่อยากขัดใจเจ้าเจน2 นี่เท่าไหร่นัก เมื่อลงจากรถ สายตาก็จ้องมองมาที่พวกเขาอย่างเห็นได้ชัด เพราะคนหน้าตาดีอย่างวายุ ไม่เคยพาสาวที่ไหนขับรถเข้ามาในมหาลัย ส่วนใหญ่เขาก็ใช้แล้วทิ้งและไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อ คนนี้ดูพิเศษจนเพื่อนเขาเอ่ยแซว “เชี่ย ไอ้วายุ นั่นเชอร์รีนนางฟ้าสถาปัตย์มึงไปสอยมาแดกเรียบร้อยว่างั้น” ดอมเพื่อนคนหนึ่งของเขาแซวขึ้นมาตั้งแต่เขายังไม่ถึงตัวกลุ่มพวกเพื่อนๆ ดีด้วยซ้ำ “นั่นดิ พานั่งรถมาด้วยขนาดนี้ต้องพิเศษแล้วมั้ย” ซีเพื่อนอีกคนร่วมวงแซว “พวกมึงไม่ต้องพูดมาก” เขาหลบตาเพื่อนๆ แล้วหันมาสั่งเชอร์รีน “เรียนเสร็จแล้วมาเจอฉันที่นี่ ฉันจะพากลับ กลับพร้อมกัน” เขาสั่งเสียงดุและทำหน้าถมึงทึงใส่พวกเพื่อนๆ ที่แซวไม่หยุด “อะ เอ่อ คือว่า คุณวายุไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้ เอ่อ…” เธอพูดยังไม่ทันจบเขาก็เค้นเสียงลอดไรฟันสั่งเธออีกรอบอย่างไม่พอใจนัก “บอกให้ทำอะไรก็ทำ อย่าขัดคำสั่งฉัน เข้าใจมั้ย” พระเจ้าไอ้หมอนี่ เจน2 ของเจ้าพ่อดีๆ นี่เอง ถอดแบบมายั่งกะแกะ เชอร์รีนแอบกลัวและสั่นนิดหน่อย “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” เธอรีบลนลานตอบเขา “ดีมากแล้วเจอกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นและพอใจถึงขีดสุดที่เธอว่านอนสอนง่าย รับมือยากจังหมอนี่ เชอร์รีนได้แต่คิดในใจ . . ตกเย็น เขานั่งรอเธออย่างใจเย็น เพราะเธอเรียนถึงเย็นจริงๆ ไหนจะงานที่อาจารย์สั่งอีก เธอรีบรีบทำส่งเพราะหยุดไปนานเธอมัวแต่วุ่นวายตอนย้ายเข้าบ้านเจ้าพ่อจนไม่ได้มีเวลาสนใจเรื่องเรียน รู้ตัวอีกทีก็แทบส่งานไม่ทันจึงช่วยกันกับเพื่อนปั่นงานจนเสร็จทันอย่างโล่งใจ ฟ้าเริ่มมืดสลัว เขานั่งสูบบุหรี่รอเธออย่างใจเย็น ไม่น่าเชื่อเชอร์รีนคิดในใจและไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะใจเย็นอยู่รอเธอจนค่ำป่านนี้ “คุณวายุ ไม่เห็นต้องรอเชอร์เลยค่ะ” เธอประหลาดใจกับการกระทำของเขาและเผลอใจเต้น สรรพนามที่เรียกตัวเองก็เปลี่ยนไปโดยลืมตัว แต่นั่นมันก็ทำให้หัวใจคนร่างใหญ่เต้นแรงไม่น้อย “ก็บอกว่าจะรอไง ฉันไม่เคยผิดคำพูด” เขาหลบตา จากดวงตาสีน้ำตาลกลมโต ที่โตเกินความจำเป็นไปมาก ของเธอ “ขึ้นรถได้แล้วอยากกลับบ้านจะแย่” เขาพูดแล้วเดินเข้าประตูฝั่งคนขับ เชอร์รีนระบายยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งกับเขาอย่างเต็มใจ “นี่เธอยิ้มอะไรนักหนาเขอร์รีน” เขาถามเธออย่างหงุดหงิดที่เห็นเชอร์รีนนั่งยิ้มมาตลอดทาง “เปล่าค่ะ แค่คิดว่าคุณวายุก็มีด้านน่ารักๆ เหมือนกัน” เธอพูดแล้วคลี่ยิ้มใส่คนร่างใหญ่ ดาเมจมันรุนแรงจนเขาเกิดอาการหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด “นี่อย่ายิ้มแบบนั้นนะ” เขาพูดเสียงดุ แต่หน้าตาเขากำลังแดงและเขินหนักมากจนเชอร์รีนอยากแกล้ง “ยิ้มแบบไหนคะ” เธอยังยิ้มให้เขาไม่หยุดทำเอาคนที่มองเขินไม่ไหว ถึงกับต้องจอดรถแล้วทำหน้าดุใส่เธอ “ยิ้มแบบนี้ไง” เขาพูดแล้วใช้มือทั้งสองข้างหยิกไปที่แก้มเธอแล้วส่ายไปมาเบาๆ ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอไม่วางตา เชอร์รีนร้อนรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาสีนิลที่มองเธอมามันชวนรู้สึกวาบหวามยิ่งนัก ร่างใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วกดจูบดูดดื่มลงไปยังริมฝีปากบางเล็กที่เขาโหยหา ไออุ่นจากปากของเขากำลังทำให้กายสาวเคลิบเคลิ้มอย่างหนัก แล้วครั้งนี้เขาก็ไม่ได้เมา แต่เขากลับจูบเธอแบบดูดดื่ม ริมฝีปากหนาดูดกลืนริมฝีปากเล็กอย่างดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวลิ้นใหญ่กำลังเล่นงานคนตัวเล็กให้เธออ่อนระทวยและลุ่มหลง คนตัวใหญ่เองก็ไม่ต่าง เขาหักห้ามใจไม่ได้อีกต่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD