“มาแล้วจ้า กับข้าวฝีมือบาดี้กับมินแกะกับมือเลยนะพี่ๆ” สรุศักดิ์รีบยกกับข้าวมาวาง เมื่อเห็นเจ้านายเดินเข้ามา
“จ้า นั่งๆ เลย เงินเอื้อยซื้อเองมื้อนิ เชิญแซบ” คำแพงเหน็บลูกน้องใจหญิงตน ก่อนจะบุ้ยปากไปทางหรรษา
“กินๆ กัน เดี๋ยวดึกจะกลับบ้านลำบากนะมิน พี่เป็นห่วง ส่วนอิตุ๊ดบาดี้คงเป็นโชคดีของมันถ้าโดนรุมโทรมว่าไหมจ๊ะ” หรรษาพูดขึ้น ขณะตักข้าวเข้าปาก
“อุ้ย! ตายๆ ถึงจะหน้าตาบ่ให้ แต่บ้อยกะมีผัวก่อนเอื้อยทั้งสองเด้อค่ะเด้อ อย่าดูถูกกระเทยควายเด้อค่ะ” สุรศักด์ได้ที่ตอบกลับ
“อย่ามาเว้าเด้ออิบาดี้ ระดับเอื้อยแพงคนงามแล้ว บอกเลยคนจะได้แหวกป่าต้องหล่อระดับพระเอกหนังจ้ะ ระดับไก่กาข้างทางฝันไปเถาะ ชาตินี้กะบ่ได้แหวกป่าเอื้อยดอก” คำแพงโต้กลับด้วยความหมั่นไส้ ‘หน่อย! ยัยกะเทยหัวโปก ได้ผัวก่อนแค่นี้ทำเป็นคุย คอยดูเถอะ จะเอาผัวมาตีหน้าให้เงิบเลย’ คำแพงพูดกับตัวเองในใจ
“พอๆ กินกันได้แล้ว บ่แม่นมาเถียงเรื่องผู้ชายกัน โอ้ย! งึดพวกเอื้อยเด้อ” มนิตาเอ่ยบ้าง
“นั้นสิ เถียงเรื่องผู้ชายกันทีไรภาษาบ้านเกิดมาทุกที รู้ว่าคิดถึงบ้านแดนอีสานเรา แต่ตอนนี้เราอยู่ กทม. มากี่ปีแล้ว ต้องพูดไทยให้ชิน เวลาไปข้างนอกติดต่องานมีหลงทีไรลูกค้างง ฝึกไทยให้ชินปากบ้าง” หรรษาดุว่าน้องๆ
“โอ้ย! เอื้อยษาอย่าเคร่ง อย่าซีเรียสได้บ่ แพงปวดหัวค่ะ” คำแพงผู้ไม่ชินกับคำดุว่า ใช่เธอถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ และต้นแบบการดำเนินชีวิตของสาวเจ้านั้นคือเจ๊คำผ่องแม่ของเธอ เวลาคุยเรื่องซีเรียสทีไรจะปวดหัว และคำแพงก็เช่นกัน เพราะแบบนี้แหละชีวิตในแต่ละวันถึงดูไร้สาระ หาความเป็นผู้ใหญ่ไม่เจอ แต่เวลาทำงานเธอก็จริงจังนะ แต่ได้ไม่นานหรอก น้อยคนนักจะได้เจอโมเม้นซีเรียสของเธอ
“เดี๋ยวจะทะเลาะกันไปใหญ่ บาดี้ว่ารีบกินกันเถอะค่ะ” ชายใจหญิงเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว จึงเริ่มห้ามทับสองเจ้านาย ก่อนที่จะทะเลาะกัน เพราะคุยทีไรชอบทะเลาะกันทุกทีสองคนพี่น้อง แต่เพราะทะเลาะกันบ่อยนี้แหละถึงทำให้ดูรักกันมากขึ้น
“รีบกิน รีบวางแผนเรื่องให้พี่สมหวังมีผัวฝรั่งดีกว่า พ่อพี่ก็เร่งทุกเช้าว่าเมื่อไหร่จะมี ไม่ใช่ไม่อยากมี อยากมี แต่มันหาไม่ได้ ปัญหาไม่ใช่พี่ไม่สวยนะ แต่ปัญหาคือพี่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พี่ตกวิชานี้มากตอนเด็ก”
“พี่แพงเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงค่ะ เราต้องขยันไปอ่อย ไปยั่ว แถวไหนฝรั่งเยอะไปเลย อย่ามาหลบๆ อยู่แต่ในร้าน อีกอย่างการแต่งตัวแบบนี้เปลี่ยนบ้างก็ดีนะคะ ฝรั่งเห็นพี่อาจคิดว่าเป็นเด็กมัธยม ดูเด็กน้อยไป ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่เป็นช่างตัดเสื้อ แต่งตัวดูเด็กน้อยกะโปโลมาก เห้อ! ” สรุศักดิ์ร่ายยาว
“เหรอบาดี้ มิน พี่ษา แพงแต่งตัวเด็กน้อยขนาดนั้นเชียวเหรอ ถึงว่ารอดถึงอายุ 28 ปี ถ้าช้ากว่านี้แพงได้นั่งคาดแน่ๆ ไม่เอา อย่างน้อยในชีวิตขอใช้งานสักครั้งเถอะ อย่างน้อยมดลูกจะได้รู้ว่ามีหน้าที่อะไร และจิมิน้อยเกิดมาเพื่อสิ่งใด อาจจะเกิดมาเพื่อสากกระเบือ หรืองูหลามจากป่าอเมซอนก็ได้นะ อุ้ย! แพงพูดอะไรเนี่ย เขินจัง! ” เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเริ่มพูดเยอะไปแล้ว จะรู้ตัวอีกทีก็ตอนหันไปสบตาพี่สาวและลูกน้องของตน
“เหรอ! ” สามเสียงประสานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ไม่เยอะเลยน้องพี่ มีจุดยืนมาก พี่รู้ว่าอยากมีผัว แต่มันเกินไปแล้วนะคุณน้อง พอก่อนเถอะ ถ้าเยอะพี่กินข้าวไม่ลงแน่” หรรษาหยิบแก้วน้ำยื่นให้น้องสาวดื่มแก้คอแห้ง ก็ดูเอาเถอะน้องเธอพูดถึงผู้ชายทีไร้ชี๊ดปากไปด้วย น่าอายจริงๆ เลย
“รู้หรอกว่าพี่ก็อยากมีเหมือนกันแหละ อย่ามาทำเป็นว่าคนอื่นเยอะเลย เชอะ! ” คำแพงบุ้ยปากใส่พี่สาว ก่อนจะหันไปสนใจกับข้าวตรงหน้าตน
ใครจะไปรู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ในเมื่อวันนี้มีโอกาสได้เกิดมาเป็นคน ได้ใช้ชีวิต ก็ใช้ซะให้คุ้ม จะมัวหวงชีวิตไปทำไม เพราะตายไปก็ไม่รู้จะเป็นยังไง เกิดมาชีวิตเดียวก็ต้องใช้ให้คุ้ม ให้มันสุดๆ ไปเลยกับชีวิตที่ได้เกิดมา