น่ากิน [ต้น]

1585 Words
หก น่ากิน “นะ...น่ากิน?” เสียงเล็กแหลมทวนถามอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน นี่นางฟังผิดไปหรือไม่? เหตุใดนางจึงกลายเป็นคนที่น่ากินสำหรับปีศาจไปได้เล่า! หยวนจื่ออี๋คิดพลางเหลือบมองกลุ่มควันสีดำที่ล้อมกรอบตนอยู่ อย่าบอกนะว่าไอปีศาจเหล่านี้กำลังจ้องที่จะเขมือบนางลงท้อง? เด็กน้อยใบหน้าซีดเผือด สั่นตัวสู้ก่อนจะพยายามขบคิดหาทางรอด ไม่แน่ว่าที่เขาพานางมาที่นี่ก็เพื่อจะเก็บนางเอาไว้กินเสียเอง ‘บะ...แบบนี้ไม่เอานะ!’ ในขณะที่กำลังครุ่นคิดเป็นตุเป็นตะอยู่นั่นเอง ผู้ที่กำลังสนใจปลาก็ขยับตัวเล็กน้อย จู่ๆ หูทรงสามเหลี่ยมสีขาวสะอาดก็โผล่แทรกเรือนผมยาวสลวยออกมาอย่างไม่มีการบอกกล่าวก่อนล่วงหน้า เช่นเดียวกับพวงหางซึ่งคาดว่าน่าจะนิ่มเหมือนปุยนุ่นที่กระดิกไปมาบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี “ไม่ต้องห่วง” บุรุษรูปงามเบือนสายตามามองเด็กน้อยพร้อมกับคลี่ยิ้มซุกซน แสงของดวงตะวันสาดส่องลงบนร่างสูงโปร่งจนสว่างไสว นัยน์ตาสีเงินประหลาดเปล่งประกายอย่างรู้ทัน “เจ้ายังเด็กเกินกว่าที่ข้าจะกินได้” หยวนจื่ออี๋ได้ฟังก็ปั้นหน้าไม่ถูก ถึงตัวนางจะเป็นเด็ก แต่ความคิดอ่านแน่นอนว่าก้าวหน้ากว่านั้นมากนัก กลิ่นกายหอมประหลาดของเจ้าปีศาจโชยเข้ามาแตะจมูก เสียงหัวเราะของเขาไพเราะดุจเพลงขับกล่อมเสนาะหู เจ้าหรงเสี่ยผู้นี้รูปลักษณ์ยิ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจสาวน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอพูดถึงเรื่องกินนี่ยิ่งทำให้เด็กหญิงขนลุกเข้าไปใหญ่ ดังนั้นจึงรีบถลึงตามองกลบเกลื่อนความอับอาย “ขะ...ข้าไม่ให้เจ้ากินข้าหรอก!” หรงเสี่ยหรี่ตามองเด็กน้อยหน้าดำสลับแดงก็ยิ่งชอบใจ หากมิทันได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติมก็ต้องเบนสายตาไปยังเงาร่างหนึ่งที่พุ่งทะยานเข้ามาหา เหวยเซียวทิ้งกายลงบนพื้นอย่างสง่างามพร้อมกับเรียกเก็บกระบี่กลับเข้าสู่ความว่างเปล่า หยวนจื่ออี๋เผลอมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ใจ อย่าบอกนะว่าผู้ที่หรงเสี่ยบอกว่าจะมาอธิบายเรื่องราวให้นางฟังคือเทพเซียนจำแลงกายลงมา? ฝ่ายหนึ่งก็มองอย่างอึ้งทึ่ง ขณะที่ผู้มาใหม่ไม่แม้แต่จะปรายตามองมาที่นาง ไม่สิ... หากจะพูดให้ถูกคือเขามิได้กะพริบตาสักคราเลยต่างหาก นอกจากหรงเสี่ยแล้ว หยวนจื่ออี๋ก็เพิ่งมีโอกาสได้พบบุรุษแปลกประหลาดเช่นนี้เป็นครั้งแรก ด้วยเหตุนี้จึงขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับพินิจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง พินิจคราแรก เขามีอายุประมาณสิบหกปี แต่งกายด้วยชุดที่คล้ายคลึงกับนักพรตลัทธิเต๋า เรือนผมเก็บรวบปักปิ่นอย่างสุภาพเรียบร้อย พินิจคราที่สอง สีหน้าอ่อนโยนเปี่ยมด้วยเมตตา เพียงได้มองเขาก็ทำให้ความว้าวุ่นในใจพลันสงบลงอย่างเหลือเชื่อ พินิจคราที่สาม นัยน์ตาสีเทาไร้แววที่ปราศจากชีวิตชีวา หยวนจื่ออี๋อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอย่างแสนเสียดาย อีกฝ่ายอายุยังน้อยแต่กลับต้องมาพิการตาบอด “หยวนจื่ออี๋?” หางเสียงทุ้มของผู้มาใหม่สูงขึ้นเล็กน้อย “จะ...เจ้าค่ะ!” น่าแปลกที่พอนางได้ยินเขาขานเรียกชื่อตนเองแล้วถึงกับรีบยืนตรงโดยไม่รู้ตัว “หน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่หรือ” น้ำเสียงของชายหนุ่มนิ่มนวล มิได้ดูประชดประชันแต่อย่างใด ทว่าเป็นเด็กน้อยเสียเองที่เผยสีหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง “ขออภัยด้วยที่ข้าเสียมารยาท” นางกล่าวเสียงอ่อย ไม่ว่าเขาจะตาบอดหรือไม่ การจ้องมองนานๆ ก็ถือเป็นการกระทำที่เสียมารยาทอยู่ดี เหวยเซียวพยักหน้าเล็กน้อยคล้ายพอใจ ขยับปากพึมพำพร้อมกับตวัดมือทีหนึ่ง เด็กหญิงหลับตาปี๋เรื่องรู้สึกถึงกระแสลมอุ่นสบายขุมหนึ่งพัดพาเอากลุ่มควันสีดำที่ห่อหุ้มกายนางออกไป เสร็จแล้วจึงพุ่งความสนใจที่เหลือไปยังปีศาจผมสีเงิน “เจ้าคือหรงเสี่ย?” กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของนักพรตหนุ่มแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าปีศาจที่ท่านผู้อาวุโสจิ้งอวิ๋นให้มาดูแลจะเป็นถึงปีศาจจิ้งจอกเก้าหางอายุหลายพันปี แต่ต่อให้เก่งกาจและดูเป็นมิตรมากเพียงใด อีกฝ่ายก็ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจอยู่ดี! “ถูกต้องแล้ว นักพรตน้อย” หรงเสี่ยส่งเสียงหัวเราะในลำคอ เก็บหูและหางของตนเองพลางคลี่ยิ้มจนตาหยี “เจ้ามาแล้วก็ดี นางมีคำถามมากมายอยากถามเจ้าอยู่พอดี” น้ำเสียงสนุกสนานของเขาดุจดังแสงเทียนที่เปล่งประกายท่ามกลางเมฆหมอกดำมืด หยวนจื่ออี๋มิรู้จะเรียกว่าเขาร่าเริงจนเกินพอดีหรือไม่รู้จักการวางตัวไปตามสถานการณ์กันแน่ แต่ก็เอาเถิด วันนี้นางพบเจอเรื่องเหลือเชื่อมามากแล้ว คาดว่าพอเจออีกเรื่อยๆ ก็คงจะชินชาไปเอง หยวนจื่ออี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ เจ้าปีศาจจิ้งจอกกล่าวเช่นนี้ ย่อมหมายความว่านักพรตผู้มาใหม่รู้ว่านางผิดปกติจากผู้อื่นอย่างไร ที่นางตัดสินใจมากับหรงเสี่ยก็เพราะเรื่องนี้ตั้งแต่แรก “ไม่ทราบว่าท่านคือ...” “หยวนจื่ออี๋ ข้ามีนามว่าเหวยเซียวจากสำนักเมฆาเรือง ได้รับมอบหมายจากอาจารย์มาคอยอารักขาเจ้า” “อารักขา?” เด็กน้อยทวนเสียงสูง เผลอเบือนหน้าไปยังบุรุษผมเงิน เมื่อดวงตาสีเงินเบนกลับมาสบคล้ายรู้ตัว ก็ทำเอานางรีบตวัดสายตากลับมายังเหวยเซียวอย่างร้อนตัว “อารักขาทำไมหรือเจ้าคะ” ผู้ถูกถามทอดถอนหายใจแผ่วเบา หยวนจื่ออี๋ยังเด็กนัก เดิมทีเขาได้รับมอบหมายให้คอยติดตามดูแลอยู่ห่างๆ ทว่าก่อนหน้านี้นางได้หลั่งโลหิตออกมา จึงกระตุ้นให้เหล่าปีศาจบริเวณใกล้เคียงเริ่มตื่นตัว ...บางทีหากรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปอาจจะไม่ปลอดภัยแล้ว “เจ้ายังมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่รู้ได้” นักพรตหนุ่มถาม ร่างเล็กรับรู้ถึงความปรารถนาดีในน้ำเสียงของเขา แต่นางตั้งใจไว้แล้วย่อมไม่แปรเปลี่ยน “ท่านนักพรตเหวย ข้าอยากรู้เจ้าค่ะ” ชายหนุ่มในชุดสีกรมท่าพยักหน้าทีหนึ่งก่อนจะเริ่มอธิบายทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา “ตัวเจ้านั้นแม้กำเนิดเป็นสตรี ทว่าธาตุหยางรุนแรงนัก รุนแรงยิ่งกว่าบุรุษ ไม่สิ...รุนแรงและมากกว่าที่มนุษย์ผู้หนึ่งพึงจะมี นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าเติบโตโดยมีสรีระร่างกายที่คล้ายคลึงกับเด็กผู้ชาย” หยวนจื่ออี๋นิ่งงันไปเล็กน้อย นางพอรู้มาจากบิดาว่าโลกแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังหยินและหยางที่ถ่วงสมดุลของกันและกัน ว่ากันว่าสตรีคือธาตุหยินซึ่งเป็นธาตุมืด ส่วนบุรุษคือธาตุหยางซึ่งเป็นแสงสว่าง ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสจิ้งกล่าวว่าตัวนางกำเนิดในฤกษ์อสูรภัยและห้ามหลั่งเลือด เวลานี้มาทราบว่ามีธาตุหยางอยู่ในร่างอย่างรุนแรง หรือว่าทั้งหมดนี้จะมีความสอดคล้องบางอย่าง? “เชิญท่านนักพรตเหวยพูดต่อ” ชายหนุ่มรู้สึกพอใจกับการแสดงออกของนางมากขึ้น เด็กคนนี้นับว่ามีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ไม่โวยวายหรือแสดงท่าทางตกใจ หากกลับรอให้เขาอธิบายจนจบด้วยความใจเย็น “เจ้าอาจจะพอรู้มาบ้างว่าปีศาจนั้นครอบครองพลังหยินที่เข้มข้น ตั้งแต่อดีตพวกมันมักจะเสพและกัดกินพลังธาตุหยางจากบุรุษเพื่อต่ออายุขัยและเพิ่มพูนพลัง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกมันอยากเข้าใกล้เจ้า ซึ่งก่อนหน้านี้พลังหยางของเจ้ามิได้แสดงออกมาอย่างรุนแรงกว่าคนทั่วไปจนกระทั่งมีการหลั่งเลือด” หยวนจื่ออี๋เลิกคิ้วสูงขึ้นก่อนจะกะพริบตาปริบๆ นี่... “ท่านหมายความว่าข้าเปรียบเสมือนอาหารอันโอชะของพวกมัน?” “ไม่ผิดนัก” เหวยเซียวเว้นจังหวะ พยายามหาคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจของร่างเล็กที่เริ่มสั่นเทาให้น้อยที่สุด “แต่เจ้าเป็นอาหารในรูปแบบที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกมันไม่จำเป็นต้องสังหารเจ้าก็สามารถซึมซับพลังหยางได้เรื่อยๆ” ใบหน้าของเด็กน้อยซีดเผือดไร้สีเลือด ไม่ว่าจะพูดอย่างไรนางก็ไม่ต่างจากแหล่งอาหารของปีศาจอยู่ดี! ไวเท่าความคิด นิ้วเล็กป้อมของเด็กวัยห้าขวบชี้ไปยังเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวซึ่งยืนหน้าระรื่นอยู่ไม่ไกล “แล้วเขา...!” “ข้าบอกแล้วว่าเจ้ายังเด็กเกินไป” หรงเสี่ยยืนกรานคำเดิมด้วยใบหน้าซื่อ แน่นอนว่าครานี้ทั้งหยวนจื่ออี๋และเหวยเซียวสีหน้าเปลี่ยนทันทีราวกับนัดกันมา “เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย” เหวยเซียวสาวเท้าเข้าไปใกล้เด็กหญิงคล้ายต้องการปลอบขวัญ “ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตนนี้บำเพ็ญตบะมาหลายพันปี ความยับยั้งชั่งใจย่อมมีมากกว่าปีศาจทั่วไป ด้วยเหตุนี้ท่านผู้อาวุโสจิ้งอวิ๋นจึงมอบหมายให้เขามาดูแลเจ้า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD