บทนำ
เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทจากอสนีบาตแผดเสียงลั่นในคืนพายุโหมกระหน่ำ ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากสวรรค์กระหน่ำซ้ำเติมความสูญเสียอันรวดร้าวที่ชายหนุ่มต้องเผชิญหน้าอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
หยวนเสียนจ้องมองร่างอันไร้ลมหายใจของฮูหยินด้วยสายตาว่างเปล่า แม้ครอบครัวของเขาจะอยู่ในฐานะพอมีพอใช้ ทว่ารอยยิ้มของคนรักก็ถือเป็นแสงสว่างเดียวในชีวิตที่ทำให้เขามีกำลังใจในการสู้ต่อ
หัวใจแหลกสลาย...ชีวิตพินาศย่อยยับ
“ท่านหยวน ข้าเสียใจด้วยจริงๆ” หญิงชราผู้เป็นหมอตำแยอาวุโสของหมู่บ้านสีหน้าหม่นหมองยิ่งนัก ประสบการณ์การทำคลอดที่ผ่านมามีทั้งสตรีคลอดง่ายและคลอดยาก ความยินดีที่ได้เห็นทารกลืมตาดูโลกนั้น... นางเห็นมามาก พอๆ กับความโศกศัลย์จากการสูญเสีย
“ฮูหยินของเจ้าร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิม นางกับบุตรสาวของเจ้า...จึงไม่รอด”
น้ำเสียงโศกเศร้าของนางเรียกให้ชายหนุ่มเบือนสายตาไปยังร่างเล็กที่ไร้วิญญาณในอ้อมแขนของหมอตำแย ร่างอันซีดขาวของเลือดเนื้อเชื้อไขซึ่งเปรอะเปื้อนโลหิตเสมือนการลงมีดกรีดซ้ำลงไปบนแผลสดใหม่ หยวนเสียนร่างซวนเซคุกเข่าลงบนพื้น หยาดน้ำตาของลูกผู้ชายหลั่งรินไหลอาบแก้ม
“สวรรค์! ข้าหยวนเสียนทำเวรทำกรรมอันใดไว้หรือ! เหตุใดท่านจึงต้องพรากลูกพรากเมียของข้าไปด้วย ชีวิตของข้ามีเพียงพวกนาง...” เสียงตะโกนดังลั่นแข่งกับพายุฝนที่สาดประดังใส่กระท่อมหลังน้อย ความโหยหวนส่งผลให้สตรีวัยชราส่ายหน้าอย่างสงสาร
ชายหนุ่มดวงตาแดงก่ำ สะอื้นไห้อย่างลืมอาย วันนี้วาดฝันว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกกลับแหลกสลายไปในชั่วพริบตา ความโศกาบีบรัดอกจนรวดร้าว ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเคียดแค้นชิงชังราวกับคนละคน “ข้าเกลียดท่าน! ได้ยินไหมว่าข้าเกลียดท่าน!”
ตัวเขาทำดีมาตลอดชีวิต แต่กลับถูกพรากสิ่งที่รัก เขาเกลียด...เกลียดสวรรค์ที่ทำกับเขาเช่นนี้!
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าที่ดังมากกว่าคราไหนๆ ส่งผลให้หญิงชราตกใจร่างสะดุ้งโหยง ทันใดนั้นเองร่างในอ้อมแขนกลับมีความเคลื่อนไหวราวกับปาฏิหาริย์!
“ทะ...ท่านหยวน!” เสียงร้องเรียกของหมอตำแยมิอาจเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้แม้แต่น้อย หยวนเสียนยังคงมีสีหน้าเหม่อลอยราวกับคนเสียสติ
“สวรรค์ ท่านคือฆาตกร! คืนลูกเมียของข้ามา คืนพวกเขามา!”
ผู้อาวุโสเห็นท่าไม่ดี รีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นก่อนจะส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ท่านหยวน บุตรสาวของท่าน...”
“อุแว้!”
กึก!
เพียงเสียงเดียวกลับทำให้ชายหนุ่มร่างแข็งค้างราวกับต้องสาป หยวนเสียนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง หลงคิดว่าเขาคงหูฝาดหรือฟุ้งซ่านไปเอง ดวงตาแดงก่ำที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาเคลื่อนไปยังร่างเล็กที่อยู่ในผืนผ้าแดงสด น้ำตาของลูกผู้ชายทะลักออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าร่างอันไร้ลมหายใจเมื่อไม่กี่อึดใจก่อน...บัดนี้กำลังส่งเสียงร้องไห้ สองมือเล็กโบกไปมาราวกับพยายามไขว่คว้าหาบางสิ่ง โลหิตที่เปรอะเปื้อนตามตัวหยดลงสู่พื้นเบื้องล่าง หัวใจของผู้มองกวัดแกว่งก่อนจะสั่นไหวอย่างรุนแรง
...มันคือสัญญาณแห่งการมีชีวิต
ชายหนุ่มจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างนิ่งงันคล้ายตกอยู่ในห้วงภวังค์ ภาพของทารกน้อยที่หลับตาปี๋ส่งเสียงร่ำไห้ดั่งน้ำทิพย์ชโลมบนต้นไม้ที่เหี่ยวแห้ง แววตาพลันเปล่งประกายแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านหยวน เด็กคนนี้นับว่ามีบุญนัก ท่านรีบตั้งชื่อให้นางเร็วเข้าสิ”
“จื่ออี๋[1]...ชื่อของนางคือ หยวนจื่ออี๋”
เปรี้ยง!
สิ้นเสียงอสนีบาตที่ดังลั่นราวกับเป็นสักขีพยานรับรู้ของฟ้าดิน ทารกน้อยจื่ออี๋ก็ถูกส่งเข้าสู่อ้อมอกของบิดาบังเกิดเกล้า น้ำตาที่หลั่งรินจากดวงตาหยวนเสียนหยดลงบนร่างของบุตรสาว น่าแปลกที่อีกฝ่ายหยุดร้องไห้ทันที ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างสงบเสงี่ยม
[1] จื่ออี๋ (**) มาจากคำว่า จื่อ (*) ที่แปลว่า พิเศษเฉพาะตัว กับคำว่า อี๋ (*) ที่แปลว่า ความสุข ความสดใสงดงาม