พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 4
หลายวันต่อมา..
@โรงพยาบาลเอกชน
ฉันเดินเข้ามาในโรงพยาบาลในช่วงเช้าของใหม่ วันนี้ฉันเข้าเวรช่วงเช้าทำให้เมื่อคืนได้หลับเต็มที่และตื่นมาสดใสในเช้าวันนี้ ร่างกายของฉันตอบสนองกับการทำงานเช้ามากกว่าทำงานตอนกลางคืนเสียอีกทั้งที่ฉันทำงานในโรงพยาบาลมาสองปีแล้วก็ยังไม่ชินสักที ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อระบายยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนอย่างเป็นมิตร
"สวัสดีค่ะหมอนับดาว"
"สวัสดีค่ะ"
"วันนี้หมอหน้าตาสดใสเป็นเพราะเข้าเวรเช้าใช่ไหมคะ"
"รู้ทันกันตลอดเลยนะคะ" ฉันยิ้มให้กับพยาบาลรุ่นน้อง
"พวกเราว่าจะชวนคุณหมอไปทานโจ๊กหน้าโรงพยาบาล แต่คงมีคนของใจทำข้าวเช้ามาให้แล้ว อิจฉาคนมีแฟนจังเลยนะคะ ดูพวกเราสิต้องออกไปหากินกันเอง"
"หมออานนท์เข้าแล้วเหรอคะ"
"แหมๆ พอบอกว่าแฟนก็นึกถึงหมออานนท์เลยนะคะ แสดงว่าหมอนับดาวกับหมออานนท์นี่ตกลงเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมคะ" กลุ่มพยาบาลสาวต่างลุ้นกับคำตอบของหมอนับดาว ทุกคนรู้ดีว่าหมออานนท์ตามจีบหมอนับดาวมานานแล้ว และคอยเป็นห่วงกันเสมอ เวลาพักถ้าตรงกันมักเห็นภาพที่หมออานนท์ไปกินข้าวกับหมอนับดาวอยู่บ่อยๆ
"ก็ทุกคนหมายถึงหมออานนท์กันอยู่แล้วนิ ไม่ต้องมาจับผิดนับเลยนะ เอาไว้ถ้าเลื่อนสถานะอย่างที่ทุกคนอยากให้เป็นนับจะบอกทุกคนนะ ไม่ต้องลุ้นกันเลย" ฉันพูดออกไปตรงๆ
"เหมือนโดนหักอกแต่เช้าเลยนะครับ" ชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ในชุดกาวน์ของโรงพยาบาลพูดด้วยท่าทางน้อยใจ แต่ก็ระบายยิ้มกว้างให้หญิงสาวที่ตัวเองหมายปองและตามจีบมาเกือบปีแล้ว มือหนาถือของกินสำหรับสองคนพร้อมกับชูให้เธอเห็น
"เห็นไหมล่ะว่าแล้ว หมออานนท์ต้องเตรียมมาให้หมอนับดาว"
"ถ้ายังแซวไม่เลิกขอให้วันนี้มีเคสหนักๆจนไม่ได้พัก" ฉันพูดขึ้นลอยๆพลางยิ้มกรุ้มกริ่มทำเอาเหล่าพยาบาลสาวหน้าเสียกันเป็นแถวๆ ไม่รู้ว่าเป็นลางสังหรณ์หรืออะไรที่ทำให้ฉันพูดออกไปแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ฉันพูดประโยคนี้ทีไรมีเคสหนักๆมาทุกครั้ง จนพวกเราไม่มีเวลาพักกันเลยทีเดียว
"โห...หมอนับดาวอะ กะฆ่าพวกเราด้วยวิธีนี้อีกแล้ว" กลุ่มพยาบาลสาวต่างพากันเดินออกไปอย่างร้อนรนกลัวว่าคำพูดของหมอนับดาวจะเป็นจริง
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อแก๊งพยาบาลสาวเดินออกไปแล้ว แต่ก็หันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ไทยที่ยิ้มส่งมาให้พลางส่ายหัวเบาๆ
"แสบจริงๆนะ" อานนท์เดินเข้ามาหาหญิงสาวพลางใช้มือขยี้หัวเธอเบาๆเป็นการหยอกล้อ
"ไม่แสบก็ไม่ใช่นับดาวสิคะ" ฉันยิ้มตาหยีให้กับพี่นนท์ไม่ได้รู้สึกเคอะเขินกับการกระทำของเขาแม้แต่นิดเดียว เขามักทำแบบนี้กับฉันทุกครั้งเวลาที่เจอกัน พี่นนท์คือรุ่นพี่ในโรงพยาบาลนี้ ครั้งแรกที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ก็มีพี่นนท์เป็นเหมือนครูอีกคนที่สอนฉันทุกอย่าง ฉันรู้มาตลอดว่าพี่นนท์รู้สึกยังไงกับฉันเพราะเขาไม่เคยปิดบังความรู้สึกตัวเอง มีแต่ตัวฉันเองที่ยังไม่กล้าเข้าไปในชีวิตของเขา ยอมรับว่าฉันก็มีความรู้สึกดีๆกับพี่นนท์อยู่บ้าง เขาเป็นคนที่ฉันสนิทที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ พี่นนท์รู้เกือบทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉันแม้แต่เรื่องลูกยกเว้นแค่พ่อของลูกคือใครก็เท่านั้น ต่อให้ฉันผ่านการมีลูกมาแล้วเขาก็รับได้ทุกอย่าง พี่นนท์เข้ากับที่บ้านฉันได้หมดยกเว้นแค่ลูกสาวตัวแสบที่ยังวางมาดหวงแม่ พี่นนท์เป็นเหมือนพี่ที่สนิท เพื่อนที่แสนดี และผู้มีพระคุณ แต่เหตุการณ์ในอดีตเรื่องความรักมันฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจจนฉันกลัวที่จะเจ็บเหมือนเดิม
"ยิ้มแบบนี้ใส่พี่อีกแล้วนะ รู้ไหมมันทำให้พี่หลงเราจนหาทางออกไม่เจออยู่แล้ว เมื่อไหร่คนแถวนี้จะยอมใจอ่อนให้พี่สักทีนะ"
"คงอีกไม่นานมั้งคะ ก็อยู่ที่ว่าคนแถวนี้จะหมดความอดทนแล้วไปหาคนอื่นก่อนหรือเปล่า.....นับหิวจังเลยค่ะ" ฉันพูดพลางลูบท้องตัวเองและรีบหมุนตัวเดินเข้าห้องทำงาน ฉันรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปเพราะสิ่งที่พูดมันทำให้ฉันเขินจนต้องเดินหนี ทำให้พี่นนท์เดินตามหลังฉันเข้ามาไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาเป็นแบบไหนในตอนที่ฉันพูดจบ
อานนท์ยิ้มให้กับคำพูดของหญิงสาวที่เขาเฝ้าตามจีบเธอมาแสนนาน คำพูดของเธอทำให้หัวใจพองโตต่างจากที่ได้ยินก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เขาและเธอมักจะกินข้าวเช้าในห้องทำงานและเป็นอาหารง่ายๆ ขอแค่เขาได้กินข้าวพร้อมกับเธอไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็มีความสุข
"วันนี้มีข้าวต้มกุ้งของโปรดกับน้ำเต้าหู้หวานน้อยอุ่นๆครับผม" อานนท์วางอาหารลงตรงหน้าหญิงสาวพร้อมกับเททุกอย่างใส่ภาชนะให้เสร็จสรรพ เขามักทำให้เธอแบบนี้เป็นประจำถ้ามีโอกาสได้นั่งกินข้าวพร้อมกัน
"ขอบคุณนะคะ นับจะกินให้เกลี้ยงเลยค่ะ" ฉันมองอาหารตรงหน้าก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ทุกอย่างคือของโปรดฉัน เราทั้งคู่นั่งกินข้าวเช้าพร้อมกันบนโต๊ะเล็กๆภายในห้องทำงานของฉัน ฉันกับพี่นนท์เราเจอกันอาทิตย์ละสามวันเท่านั้นเพราะต่างคนต่างเข้าเวรไม่ตรงกัน แต่ทุกครั้งถ้าเราเข้าเวรพร้อมกันก็จะเป็นแบบนี้เสมอ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
"เป็นเช้าที่กินข้าวเยอะมาก ถ้านับเจอพี่นนท์ทุกวันมีหวังอ้วนเป็นหมูแน่เลยค่ะ"
"ต่อให้นับอ้วนพี่ก็ยังรักเหมือนเดิม"
ฉันได้แต่ยิ้มให้กับคำพูดของเขา
"ว่าแต่นับรู้เรื่องที่โรงพยาบาลเราจะมีแพทย์สนามหรือยัง ต้องลงพื้นที่ไปปฐมพยาบาลพวกนักกีฬาหรือไม่ก็ไปตามที่ต่างๆ"
"นับก็พอรู้มาบ้างนะคะ แต่เห็นว่าจะแจ้งรายชื่อเร็วๆนี้ ว่าแต่รายชื่อออกแล้วเหรอคะ" ฉันก็พอรู้เรื่องนี้มาบ้างที่ทางโรงพยาบาลจะส่งเจ้าหน้าที่พยาบาลไปตั้งหน่วยฉุกเฉินตามสนามในการแข่งขันรูปแบบต่างๆ ซึ่งโรงพยาบาลที่ฉันทำงานอยู่ก็พึ่งจะมีการจัดแพทย์สนามปีแรก
"ทางไลน์โรงพยาบาลพึ่งส่งมา นับลองเข้าไปเช็คดูไม่แน่เราอาจไปทำด้วยกัน" อานนท์ยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาก็กลับไปจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงชื่อเธอและชื่อเขาอยู่ติดกัน
"เดี๋ยวนับเช็คแป๊บ" ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที
"นี่ไง นับกับพี่นนท์ได้ไปที่เดียวกันเลย สนามแข่งรถแถวชานเมือง ค่อยโล่งหน่อยอย่างน้อยนับก็มีคนเก่งอย่างพี่นนท์ลงพื้นที่ด้วย ไม่งั้นกลัวรนจนทำอะไรไม่ถูก ถึงจะทำอยู่แผนกฉุกเฉินแต่พอออกนอกสถานที่ก็คงเกร็งไม่ใช่น้อย"
อานนท์ฟังหญิงสาวพูดเจื้อยแจ้วไม่ได้ขัดอะไร เขารู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขากับเธอจะได้ทำด้วยกัน เพราะเขาเป็นคนไปขอกับทางผู้บริหารโรงพยาบาลด้วยตัวเอง และทุกอย่างก็ออกมาอย่างที่เขาต้องการ
"ตอนเย็นไปหาอะไรกินกันไหม"
"หวังให้เลิกพร้อมกันนะคะ กลัวจะมีเคสฉุกเฉินเข้ามานะสิ" เรื่องอุบัติเหตุคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้เลย ต่อให้ฉันเข้าเวรเช้าแต่ถ้าใกล้เลิกงานมีเคสคนไข้ฉุกเฉินฉันก็ต้องลากยาวไปจนกว่าจะเสร็จ ในระดับของพี่นนท์ค่อนข้างตรงเวลาเพราะเป็นหมอที่ตรวจคนไข้และวินิจฉัยอาการซะมากกว่าหรือเรียกง่ายๆก็ระดับสูงกว่าฉัน ทำให้เขาคาดการณ์เวลาได้ง่ายกว่า
"เดี๋ยวพี่รอ" อานนท์พูดพร้อมกับยิ้มด้วยความอบอุ่น เขารอเธอมาเป็นปีแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ได้ยากสำหรับเขาเลยด้วยซ้ำ
ฉันส่งยิ้มให้กับพี่นนท์และเราก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งห้องของพี่นนท์จะอยู่ชั้นบนแต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ทำงานชั้นเดียวกับฉันมักเจอพี่นนท์บ่อยกว่าชั้นตัวเองซะอีก ไม่แปลกที่กลุ่มพยาบาลจะรู้เรื่องราวของฉันกับพี่นนท์