ตอนที่ 8 เบื้องหลังของนายเอก
“วันนี้เฮียว่างช่วงบ่ายเราไปเดินงานดอกไม้กันดีไหม” ข้าวตังสายตาเป็นประกายเมื่อได้ยินแบบนั้นก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็วแม้ว่าเมื่อวานจะไปเดินมาแล้วแต่มันก็คนละอารมณ์กัน
“เมื่อวานหนูเดินเที่ยวเป็นยังไงบ้าง” ภามถามอ้อม ๆ ความจริงเรื่องข่าวเขากำจัดทิ้งไปหมดแล้วแต่เขาไม่แน่ใจว่าข้าวตังรู้ตัวหรือเปล่าว่าเป็นข่าวกับนายกวินคนนั้น แม้ว่าข้าวตังจะไม่ได้คิดอะไรมากและคิดว่านายคนนั้นเป็นแค่ลูกค้าแต่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น
“ครับ ช่วงเช้าผมช่วยลูกค้าเลือกซื้อดอกไม้” ข้าวตังตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรมากมันไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรยังไงเขาก็คิดกับกวินแค่ลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น ภามพยักหน้าเมื่อได้ยินแบบนั้นไม่ได้ถามอะไรมากระหว่างนั้นก็มองร่างบางมัดผมไปด้วย
“เฮียว่าผมจะย้อมผมสีอะไรดี” ข้าวตังมองผมตัวเองตอนนี้โคนผมสีดำเริ่มยาวแล้วเพราะช่วงนี้เขาวุ่นวายหลายเรื่องเลยไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองเท่าไหร่
“หนูย้อมสีไหนก็สวยหมดแหละ” ข้าวตังถอนหายใจเขาไม่น่าถามคำถามเลย หลังจากแต่งตัวเสร็จทั้งคู่ก็เดินลงมาที่ด้านล่างภายในคอนโดหรูมีรถยี่ห้อหรูมากมายจอดเรียงรายแต่ละคันราคาหลักล้าน หลังจากทั้งคู่นั่งเรียบร้อยภามก็ค่อย ๆ เคลื่อนรถออกไปช่วงกลางวันและยิ่งมีงานนิทรรศการดอกไม้รถเลยยิ่งติดมากกว่าเดิมกว่าจะมาถึงงานก็ใช้เวลาไปถึงสองชั่วโมงและตอนนี้ท้องเขาก็ร้องหนักมากหากพยาธิสามารถพูดได้มันคงพูดว่า
ถึงเวลาอาหารแล้ว รีบส่งข้าวมา!
ภามมองคนด้านข้างเดี๋ยวท้องร้องเดี๋ยวหัวเราะพอเห็นสีหน้ามีความสุขเขาก็เบาใจก่อนหน้านี้ข้าวตังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามปิดบังมันก็ตามแต่ข้าวตังคงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ดูออกง่ายมาก
แน่นอนว่าข้าวตังกำลังมีความสุขอย่างที่ภามคิดด้วยภาระหน้าที่ของเขาและเฮียการออกมาเที่ยวเล่นกันหาได้ยากยิ่งแม้จะเจอหน้ากันทุกวันแต่ก็ไม่เคยออกไปเที่ยวไหนกันเลยถ้านับจริง ๆ เดือนหนึ่งเราออกไปเที่ยวกันหนึ่งถึงสองครั้ง
“ถึงแล้วครับ” เสียงพูดทำให้ข้าวตังหลุดจากภวังค์ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยเดินลงจากรถ งานนิทรรศการวันที่สามคนยังเยอะเหมือนเดิมกว่าจะหาที่จอดรถได้ก็ใช้เวลาพักใหญ่
“เฮียหิวไหม ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ” ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้วถ้าบอกว่าไม่หิวคงจะโกหกภามพยักหน้าก่อนจะเดินเข้ามาโอบเอวข้าวตังไว้
“เฮียไม่อายคนเหรอครับ ปล่อยเลย” แม้ข้าวตังจะพูดอย่างนั้นแต่มันก็ไม่เป็นผลหน้าของภามหนามากเขาเลยไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อโอบเอวข้าวตังเข้างาน เมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ได้สุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เมื่อเข้ามาในงานก็เจอดอกไม้มากมายส่งกลิ่นหอมแต่เป้าหมายของทั้งคู่ไม่ใช่โซนดอกไม้แต่เป็นร้านอาหารที่อยู่ชั้น 4
เมื่อเดินเข้ามาในร้านอาหารพนักงานก็เดินนำไปโต๊ะที่ว่างร้านนี้เป็นร้านอาหารไทยชื่อดังรับประกันทั้งรสชาติและความสะอาดแน่นอนว่าราคามันไม่ใช่ถูก ๆ การทานอาหารเป็นไปอย่างเรียบง่ายไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินเข้ามาในงานนิทรรศการอีกครั้ง
ตอนแรกก็แค่เดินด้วยกันธรรมดาแต่พออยู่ในดงดอกไม้ข้าวตังก็ทนไม่ไหวสุดท้ายก็เป็นภามที่ถูกลากเข้า ๆ ออก ๆ ร้านนั้น ร้านนี้ แน่นอนว่าคนที่จ่ายตังค์ไม่ใช่ใครที่ไหนในมือของข้าวตังมีบัตรเครดิตสีทองที่รูดได้ไม่จำกัดวงเงิน ได้ทั้งดอกไม้ได้ทั้งใช้เงินใบหน้าของข้าวตังเลยเบิกบาน สองมือของภามเต็มไปด้วยดอกไม้นอกจากนี้ยังมีชาที่ทำมาจากดอกไม้
“จริงสิ ภรรยาพี่ชาท้องซื้อชาไปเป็นของขวัญน่าจะดีนะครับ” ภามพยักหน้าไม่ได้คัดค้านอะไรมองข้าวตังเลือกซื้อของใบหน้าสวยฉายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งคู่เดินเลือกซื้อของจนถึงช่วงเย็นร้านต่าง ๆ เริ่มทยอยเก็บของแม้จะรู้สึกเสียดายแต่สุดท้ายก็ต้องกลับแล้วหลังจากเปิดร้านเขาคงไม่ได้มาเดินงานอีกแล้ว
“วันนี้สนุกไหม” หลังจากที่กลับมาถึงห้องภามก็ถามขึ้นดอกไม้และของฝากถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ ข้าวตังกำลังจัดพวกมันใส่ในแจกันดอกไม้เพราะเป็นคนชอบดอกไม้ในห้องเลยมีแจกันเยอะแต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ไม่ได้ส่งกลิ่นออกมามากเกินไปจนรบกวนการนอน ดอกไม้ที่ข้าวตังเลือกมาส่วนมากมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
“สนุกมากครับ”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว” ภามลูบผมสีเทาข้าวตังยิ้มเผลอขยับถูไถหัวกับมือใหญ่เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำตัวเหมือนแมวเลยขยับออกด้วยสีหน้าแดงระเรื่อหันไปหยิบแจกันดอกไม้เดินเอาไปตกแต่งตามจุดต่าง ๆ ภามหัวเราะเบา ๆ ช่วยหยิบแจกันที่เหลือ
ตกดึกสองร่างนั่งแนบชิดกันอยู่ที่โซฟาโทรทัศน์ฉายหนังแฟนตาซีโลกอนาคตแม้ว่าหนังจะสนุกมากแต่มันก็ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่คุยกับหมอวันนี้
“เฮีย เฮียเชื่อเรื่อง ย้อนอดีตหรือทำนายอนาคตไหมครับ” ภามหันไปมองคนด้านข้างอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าข้าวตังยังคงมองโทรทัศน์อยู่เหมือนคำถามที่ถามขึ้นเป็นคำถามลอย ๆ ในช่วงเวลาที่สติไม่เต็มที่
“ถ้าหนูบอกเฮียก็เชื่อทุกคำพูดนั่นแหละ” ข้าวตังหันมามองทั้งคู่สบตากัน ข้าวตังพยายามมองคลื่นอารมณ์ของภามแต่ก็เห็นเพียงแค่ความมั่นคงและนิ่งสงบ สำหรับภามต่อให้ข้าวตังบอกว่าอีกหนึ่งปีข้างหน้าโลกจะพังพินาศมีซอมบี้บุกเหมือนหนังที่เจ้าตัวชอบดูเขาก็พร้อมจะเชื่ออย่างสุดหัวใจ
“ผมแค่ถามไปเฉย ๆ” ข้าวตังหันกลับไปดูหนังต่อแม้ว่าเขาจะเคยเล่าความฝันให้เฮียภามฟังแล้วแต่ตอนนั้นเป็นแค่ฝันที่จับจุดอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ความฝันเริ่มชัดเจนมากขึ้นแต่เขาก็ยังไม่กล้าบอกเขาอยากมั่นใจมากกว่านี้ให้ความฝันมันชัดเจนกว่านี้ถ้าถึงวันนั้นเขาจะเล่าทุกอย่างให้คนรักฟัง
แม้ว่าข้าวตังจะคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้นมันจะทันไหมแต่ไม่ว่าอะไรมันก็เป็นเรื่องของอนาคต
น้ำเพชรกำลังหาข้อมูลของตระกูลวิภาพรรณตามพล็อตนิยายน้ำเพชรบังเอิญไปช่วยคุณหญิงอังสุมาไว้เธอกำลังจะเป็นลมหมดสติ ถ้าไม่มีน้ำเพชรเธอคงจะล้มจนตกลงไปในข้างทางหากโชคร้ายอาจจะตกลงไปในคลองใกล้ ๆ เพราะแบบนี้คุณหญิงอังสุมาเลยต้องการตอบแทนบุญคุณ ด้วยนิสัยของนายเอกแน่นอนว่าต้องปฏิเสธแต่คุณหญิงเองก็ไม่ยอมสุดท้ายทั้งคู่ก็กลับไปที่คฤหาสน์หรูพร้อมกัน สมาชิกของตระกูลวิภาพรรณประกอบไปด้วยคุณวิเชียร์ คุณหญิงอังสุมา ลูกชายคนโตอายุ 30 ชื่อ วาโย ตอนนี้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารต่อจากผู้เป็นพ่อ พี่รองชื่อ อาทิตย์ อายุ 28 ทำธุรกิจนำเข้ารถหรูนอกจากนี้ยังมีธุรกิจสีเทาอีกหลายอย่าง สาเหตุที่คุณหญิงรู้ว่าน้ำเพชรคือลูกที่หายตัวไปเพราะบังเอิญเห็นปานรูปพระจันทร์เสี้ยวที่หลังของน้ำเพชรสร้างความดีใจให้แก่ทุกคน ตัวนายเอกเองก็ดีใจเพราะจะได้มีครอบครัวกับคนอื่น
อาทิตย์เป็นคนที่ทำลายธุรกิจของภามแน่นอนว่าเรื่องนี้ตัวนายเอกไม่รู้ พอธุรกิจของภามแย่ลงตัวน้ำเพชรก็เข้าไปขอร้องทั้งน้ำตาให้พี่ใหญ่และพี่รองช่วยแน่นอนว่าทั้งสองตกลงอย่างง่ายดายแต่แลกด้วยการแต่งงานของทั้งสองคน ในตอนนั้นแม้ว่าภามจะตัดกับข้าวตังไม่ขาดแต่ก็จำต้องยอมตกลง
“ตระกูลวิภาพรรณเป็นขาทองคำของนายเอกเลย” น้ำเพชรกระตุกยิ้มอย่างพอใจแต่กว่าที่เขาจะบังเอิญช่วยคุณหญิงมันยังเหลือเวลาอีกเป็นปี
“ช่างเถอะ” ระหว่างที่รอตัวร้ายกวินแย่งข้าวตังมาระหว่างนี้เขาจะเริ่มหาช่องทางเพื่อเปิดเผยว่าตัวเองคือลูกที่หายไปถ้าทุกอย่างยังดำเนินไปแบบนี้เขาคิดว่าไม่เกินสองปีเขาอาจจะได้ลงเอยกับพระเอกพอถึงเวลานั้นเขาก็กลับโลกของตัวเองอย่างสบายใจ
เขาไม่รู้ว่าถ้าเกิดทุกอย่างจบแล้วหลังจากที่เขาออกจากโลกนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นร่างของนายเอกจะหายไปไหมหรือนายเอกจะตายแต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับตัวเขาอยู่แล้วขอแค่ความต้องการของเขาสมบูรณ์ก็พอ
เช้าวันต่อมาข้าวตังกลับมาเปิดร้านหลังจากที่ช่วยกันจัดของจนเสร็จก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาลูกค้าคนแรกคือหญิงสาววัยรุ่นใบหน้าน่ารักผมยาวถักเปียทำให้เธอดูเป็นสาวหวานเรียบร้อย
“สวัสดีค่ะ พอดีหนูอยากได้ดอกกุหลาบสักช่อ” ใบหน้าที่เขินอายทำให้ข้าวตังพอจะเดาได้ว่าเธอต้องการเอาไปให้ใคร
“ได้เลยครับ ตามพี่มาเลย” ข้าวตังยิ้มอย่างเป็นกันเองก่อนจะเดินไปที่โซนดอกไม้
“ต้องการกี่ดอกดีครับ”
“สามดอกค่ะ” ข้าวตังยิ้มก่อนจะเริ่มตัดแต่งดอกกุหลาบดอกไม้ที่นี่จะไม่ได้ถูกจัดเป็นช่อไว้ถ้าไม่ได้สั่งล่วงหน้าถึงแม้จะไม่ได้สั่งล่วงหน้าแต่ถ้ารอก็ใช้เวลาไม่นานนัก ข้าวตังหยิบพลาสติกใสพันของตกแต่งใส่ทำให้ดอกกุหลาบธรรมดาดูสวยมากขึ้นไปอีก
“เรียบร้อยครับ” ข้าวตังยื่นช่อดอกไม้ให้
“ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากชำระเงินเรียบร้อยสาวน้อยก็เดินออกไปด้วยรอยยิ้มเขาแอบเห็นเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับหนุ่มร่างใหญ่แม้ภายนอกจะดูน่ากลัวแต่เขาแอบเห็นผู้ชายเอาผ้ามารองเบาะให้ด้วย ความรักทำให้คนดูอ่อนโยนขึ้นสินะ
“หัวเราะอะไรคนเดียวครับพี่ข้าวตัง” กีอดแซวขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นเจ้าของร้านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“เปล่าสักหน่อยพี่แค่รู้สึกว่าแฟนของน้องเมื่อกี้น่ารักดี” เมื่อได้ยินแบบนั้นกีก็รีบหันไปมองที่หน้าร้านแต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่ขี่รถไปไกลแล้ว กีมองด้วยความเสียดาย
“โห่ แฟนพี่น่าอิจฉากว่าเห็น ๆ ทั้งหล่อทั้งรวย โอ๊ะ พูดถึงก็เห็นแฟนพี่พอดีเลย” เมื่อได้ยินแบบนั้นข้าวตังก็หันไปมองเพราะกระจกร้านเขาเป็นกระจกใสเลยมองเห็นข้างนอกได้ชัดเจน ภามเหมือนเพิ่งลงจากรถหลังจากนั้นน้ำเพชรก็ลงมาตามระหว่างที่ลงเหมือนอีกคนจะสะดุดอะไรสักอย่างจนล้มใส่ภาม
“ขอโทษคุณณภัทรด้วยนะครับผมซุ่มซ่ามเอง” น้ำเพชรเดินกะเผลกกัดฟันตอนแรกเขาคิดจะแกล้งไม่คิดว่าจะกะจังหวะผิดกลายเป็นเจ็บจริงนึกด่าพระเอกอย่างภามถ้าเป็นปกติควรจะเข้ามาพยุงสิไม่ใช่มองอย่างเรียบนิ่งแบบนี้!
“เดี๋ยวผมช่วยพยุงคุณน้ำเพชรไปเองครับ” ชาที่เพิ่งกลับมาทำงานตอนแรกที่เจอกับน้ำเพชรเขาไม่ได้คิดอะไรมากแค่รู้สึกว่าน้ำเพชรอายุน้อยน่ารักเรียบร้อยและยังเก่งแต่พอเขาถูกวานให้จับตาดูน้ำเพชรเขาจึงเริ่มสังเกตเลขาใหม่อย่างจริงจังและสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
------------------------------------------------
ขาทองคำของน้ำเพชรเปิดตัวแบบลับ ๆ แล้วววว น้องข้าวตังสู้ ๆ
พี่ชาดำรงตำแหน่งเป็นนักสืบ