รอยยิ้ม

2008 Words
​ตึก ตึก ผมเดินเข้าไปในบ้าน บ้านที่มีแต่ความสุข บ้านที่มีพวกเราสี่คน แต่นั่นมันก็แค่เรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เมื่อผมเดินมาถึงห้องรับแขกก็พบกับลุงรามนั่งอยู่พร้อมกับมินนี่ "มินนี่คิดถึงต้าจังเลย" มินนี่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับกอดผม ผมได้แต่ยืนนิ่งๆมองผู้ชายคนนั้นคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าที่สุด "มินนี่กลับมาจากอเมริกา ทำไมไม่บอกผมล่ะ ผมจะได้ไปรับ" มินนี่คือลูกสาวของลุงรามซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของผม "มินนี่ไม่อยากรบกวนต้าน่ะค่ะ" ผมที่เดินไปนั่งที่โซฟาโดยมีมินนี่นั่งอยู่ข้างๆ "เรียกผมมามีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ" ผมพูดน้ำเสียงประชดใส่ผู้ชายคนนั้นซึ่งคือพ่อผมเอง "ฉันจะให้แกหมั้นกับหนูมินนี่" เห๊อะ ประโยคที่ผู้ชายคนนั้นพูดทำให้ผมถึงกับเค้นหัวเราะออกมา "เหตุผลล่ะ อย่าบอกนะว่าสัญญาระหว่างพ่อกับลุงราม" "ใช่ ฉันสัญญากับรามว่าจะให้แกกับหนูมินนี่แต่งงานกัน" "แล้วสัญญาที่เคยให้ไว้กับลุงทศล่ะ หึ ผมไม่คิดเลยนะว่าพ่อจะเป็นนกสองหัวแบบนี้" ตุ๊บ!! ผู้ชายตรงหน้าทุบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ "สันติค่อยๆคุยกันนะ ถ้าต้าไม่เต็มใจฉันก็ไม่อยากบังคับหลานนะ" ลุงรามพูดพร้อมกับมองผู้ชายคนนั้น "แต่มินนี่อยากหมั้นกับต้านะคะ" มินนี่จับแขนของผม พอผมไม่สนใจเธอ ดวงตาคู่นั้นก็จ้องผู้ชายคนนั้นทันที "แกก็รู้ว่าลูกสาวของทศพลหายไป ตั้งแต่ 21 ปีที่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนั้นมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แกอย่าเอาแต่ใจตัวเองได้ไหม" หึ เอาแต่ใจงั้นเหรอ "ผมจะแต่งงานกับลูกสาวของลุงทศคนเดียว และผมก็จะไม่หมั้นกับมินนี่ ถ้าพ่ออยากให้หมั้นนัก พ่อก็หมั้นเองสิ" "ไม่นะคะต้า " ผมเดินไปที่รถแล้วขับออกไปจากบ้านนี้ทันที ผมไม่อยากจะมานักหรอกบ้านหลังนี้น่ะ ณ ตลาดแสนสุข "ป้าฉันเอาผักบุ้ง แล้วก็ไข่ไก่จ้ะ" เมื่อฉันมาถึงตลาดก็จัดการซื้อของที่ม๊าสั่งทันที วันเสาร์ที่แสนจะสุขสบายของใครหลายคนแต่ฉันต้องมาซื้อของสดเข้าร้านเนี่ยนะ ชีวิตน๋อชีวิต ฉันเม้มปากพลางคิดเรื่องหางานแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาไอ้มอค (มีอะไรหรือเปล่า) "คือฉันกำลังหางานอยู่อ่ะ แกพอจะมีงานแนะนำไหม" จู่ๆไอ้มอคก็เงียบไป (ที่สำนักงานป๊ากำลังขาดคนทำข่าวอยู่พอดี แต่มันไม่เหมาะกับมะนาวหรอก) ฉันขมวดคิ้วทันที "ทำไมละ" (ก็ข่าวมันเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรม ซึ่งคนที่ทำข่าวนี้ตอนนี้กำลังนอนอยู่ที่ห้องไอซียู) "แล้วเงินที่ได้จากข่าวนี้ล่ะ" (ห้าหมื่น แต่มันอันตรายเกินไป เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราจะช่วยหางานอื่นให้นะ) "ฉันอยากทำงานนี้" ข่าวหนึ่งได้ตั้งห้าหมื่น ถึงมันเสี่ยงชีวิตแค่ไหนก็เถอะ มันก็พอที่จะใช้จ่ายค่าเทอมฉันละกัน ( มะนาวเป็นผู้หญิงนะอีกอย่างมะนาวก็เรียนวิศวะ ไม่ได้เป็นนักข่าว มันอันตรายนะ) "ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานนี้ ช่วยเค้าหน่อยนะมอคค่า" ฉันพูดน้ำเสียงอ้อนๆ เพื่อให้คนในสายใจอ่อน (อืม เดี๋ยวจะคุยกับพ่อให้) เมื่อฉันวางสายจากมอคค่าก็รีบเดินเพื่อจะไปเอาจักรยานคู่ใจทันที อี๊ด อี๊ด เสียงปั่นจักรยานที่แล่นไปตามท้องถนนบวกกับเสียงเพลงที่ดังมาจากสายหูฟังของฉัน ฉันปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ จนเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่จอดรถหรูอยู่ข้างทาง "เอ้ะ นั่นมันไอ้หมอนิสัยไม่ดีนี่" ฉันจอดรถจักรยานข้างรถหรูของเขา แล้วเดินไปห้ามร่างสูงที่กำลังยืนต่อยเสาไฟฟ้าอยู่ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ "นี่หยุดนะ ทำอะไรน่ะ เป็นบ้าไปแล้วเหรอ" ฉันจับแขนเขาไว้ ทว่า ใบหน้าคมคายของเขากลับมองมาที่ฉันแล้วสะบัดมือออกทันที "อย่ามายุ่ง" เห๊อะ ฉันเค้นหัวเราะแล้วมองเขาที่ตอนนี้ท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ ไปโมโหอะไรมาเนี่ย "ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งนักหรอก แต่ฉันกลัวว่านายจะได้นอนคุกเพราะไปทำลายของสาธารณะนะสิ" ชิ๊ ถ้าไม่ติดว่าเคยช่วยชีวิตฉันไว้นะ ฉันจะไม่เข้ามายุ่งด้วยเด็ดขาด เขาไม่พูดอะไร แล้วหันหน้ามองไปทางอื่น ฉันมองไปที่มือของเขาที่ตอนนี้มีเลือดไหลไม่หยุด เหนื่อยจริงๆ "ฉันว่านายควรไปทำแผลนะ" นี่กะจะไม่พูดกับฉันเลยใช่ไหม "งั้นนายก็รออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปซื้อยามาให้" ถุงยาที่ถูกยื่นมาให้ผมพร้อมกับน้ำเปล่า ผมไม่รับถุงยามาจากเธอแล้วหันหน้าไปทางอื่น "นี่ เป็นหมอยังไงถึงไม่ดูแลตัวเองบ้างเลย แล้วก็รีบทำแผลซ่ะ" "แล้วเธอมายุ่งอะไรด้วย" ผมมองเธอที่กำลังหน้าเหว๋อเพราะคำพูดของผม แล้วจู่ๆเธอก็ยื่นมือมาจับมือผมไปทำแผลให้ ผมมองหน้าเธอที่กำลังนั่งขมวดคิ้วให้กับยาทำแผลคล้ายว่านี่คือครั้งแรกที่นั่งทำแผลให้คนอื่น อย่าบอกนะว่าทำแผลไม่เป็น "เธอจะทำอะไร" จู่ๆเธอก็เอาแอลกอฮอล์จะราดใส่แผลผม ทำให้ผมชักมือกลับทันที "ก็จะทำแผลให้ไง" รอยยิ้มที่ปรากฎบนหน้าทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังแกล้งผม "ไม่ต้อง ฉันทำเอง" ผมจัดการทำแผลตัวเองจนเสร็จ เพราะเบื่อคนที่กำลังตอแย "อ้ะ กินซะ" เธอยิ้มแล้วยื่นยาแก้ปวดกับน้ำเปล่ามาให้ผม ก่อนที่ผมจะรับยานั้นมากิน "ว่าแต่นายเถอะไปโมโหอะไรมา ถึงต้องทำให้ตัวเองเจ็บตัวแบบนี้" จบคำพูดของเธอทำให้บรรยากาศเงียบทันที ทว่า กรี๊ง กร๊ง เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นซึ่งมันไม่ใช่โทรศัพท์ของผม มะนาวกดรับสายจากใครสักคน ก่อนที่น้ำเสียงหยอกล้อจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง ยามผมมองกลับได้เห็นอีกมุมของเธอที่ยังไม่เคยได้เห็น "ได้เรื่องไหม" "จริงดิ ฉันได้งานแล้วเหรอเนี่ย รู้อย่างนี้น่าจะให้แกช่วยหาตั้งนานแล้วล่ะ" รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของเธอทำให้ผมมองแล้วเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว เด็กนี่เป็นคนแบบไหนกันแน่ เวลาอยู่ด้วยชวนให้เกิดหลากหลายอารมณ์มากเกินไปแล้ว "พรุ่งนี้เหรอ โอเค" เธอกดวางสายแล้วมองมาที่ผม "แล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้" ผมถามเธอ ก่อนที่จะมองไปที่จักรยานคันสีดำของเธอที่มีของสดแขวนอยู่ "บ้านฉันอยู่แถวนี้ แล้วนายล่ะมาทำอะไรแถวนี้" จู่ๆ เธอก็ยกมือลูบแขนตัวเอง มองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง "นายไม่รู้หรือไงว่าแถวนี้มันเฮี้ยนแค่ไหน" ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ "ฉันแค่มาขับรถเล่น" เธอเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของผมสักเท่าไหร่ "อืม งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ ต้องไปช่วยแม่ส่งอาหารอีก ชีวิตไม่ได้ว่างเหมือนคนบางคน" สุดท้ายแล้วเธอก็เดินไปที่จักรยานคันสีดำของเธอก่อนที่จะปั่นออกไป ปล่อยให้ผมยืนอยู่คนเดียว นี่เธอด่าผมเหรอ ไลน์ โซล: ไอ้ต้ามึงอยู่ไหนวะ ไปหาที่คอนโดก็ไม่เจอ กาย: ใช่ มึงไปติดสาวอยู่แถวไหนวะ โซล: ไอ้เพทายเหมือนกันไปไหนก็ไม่รู้ ต้า: ยุ่ง ผมกดปิดโทรศัพท์ก่อนที่จะเดินขึ้นรถ พอขับรถไปเรื่อยๆก็พบกับเธอคนที่ด่าผมเมื่อกี้ แถมยังยืนคุยคนเดียวอีก ผมจอดรถข้างเธอแล้วลดกระจกลง ท่าทางเธอเหมือนจะตกใจไม่น้อย ฉันที่ปั่นจักรยานมาตามทางเรื่อยๆ จู่ๆฉันก็ชะงักหยุดรถเมื่อมีเด็กคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถ ฉันมองนาฬิกาก็พบว่ามันเป็นเวลาเที่ยงตรง "พี่สาวเห็นผมใช่ไหม" เด็กผู้ชายที่เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน ฉันนั่งลงแล้วยิ้มให้พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ "พี่สาวช่วยแม่ผมด้วย ฮือๆ" ฉันขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินวิญญาณตนนั้นพูด "แม่หนูเป็นอะไร" "แม่ผมป่วย แล้วตอนนี้กำลังจะแย่แล้ว" จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างๆฉัน พอหันไปทำให้ฉันตกใจไม่น้อย "ยัยบื้อ คุยคนเดียวก็เป็นเหรอ" ฉันหันไปมองวิญญาณเด็กคนหนึ่งที่กำลังเดินนำหน้าฉันไป "หมออยู่ในช่วงฝึกงานใช่ไหม" ฉันเปลี่ยนสรรพนามใหม่ คำถามของฉันทำให้เขาขมวดคิ้วทันที "ใช่ ฉันฝึกงานอยู่" ฉันยิ้มทันที อย่างน้อยถึงจะยังไม่ได้เป็นหมอเต็มร้อยก็น่าจะมีพื้นฐานในการช่วยชีวิตคน "ตอนนี้มีคนป่วยอยู่อาการไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หมอช่วยเขาได้ไหม" เขาเดินลงมาจากรถทันทีพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลโดยไม่ได้ถามอะไรมาก ฉันเดินตามเด็กคนนั้นจนถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีสภาพทรุดโทรมอย่างมาก ฉันกับหมอต้ารีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ก็พบกับผู้หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งที่นอนอยู่คนเดียวลมหายใจโรยริน "ไข้ขึ้นสูงมากเลย ฉันจะปฐมพยาบาลให้ชั่วคราว" จู่ๆเขาก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันได้แต่ยืนขมวดคิ้ว "ฉันโทรเรียกรถพยาบาลของโรงพยาบาลของครอบครัวแล้ว ถ้าเขารับก็บอกที่อยู่เขาด้วย" ฉันพยักหน้าเข้าใจ แล้วหยิบโทรศัพท์บอกที่อยู่ทันที หมอต้าที่กำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่ได้สติ จู่ๆก็มีเสียงรถมาจอดอยู่หน้าบ้านพร้อมกับพยาบาลเดินเข้ามาในบ้านแล้วพาหญิงวัยกลางคนขึ้นรถทันที ฉันยกมือทาบอกแล้วพ้นลมหายใจออกอย่างโล่งอก "เธอรู้ได้ไงว่ามีคนป่วยอยู่ที่นี่" ฉันอ้าปากค้าง ตายแล้วเขาสงสัยฉันอีกแล้ว "เอ่อ...อ๋อ ฉันได้ยินคนคุยกันนะ " ฉันพูดแล้วหลบตาทันที เชื่อฉันเถอะฉันไม่มีอะไรจะแถแล้วนะ ส่วนเขามองหน้าฉันแล้วเดินออกไปทันที รอดแล้วเรา และขณะที่ฉันจะเดินออกจากบ้านอยู่ๆฉันก็ต้องชะงักเมื่อแขนเสื้อฉันถูกดึง พอหันไปดูก็พบกับวิญญาณเด็กคนนั้น "วิญญาณบริสุทธิ์" วิญญาณที่สามารถแตะตัวฉันได้ก็มีแค่วิญาณที่บริสุทธิ์เท่านั้น "ขอบคุณนะครับที่ช่วยแม่ของผม" ฉันยิ้มก่อนจะยื่นมือไปจับไหล่เด็ก "หมดห่วงแล้วนะ พี่ขอให้หนูไปเกิดในภพภูมิที่ดีนะ" กึก!! ทว่า เสียงใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านทำให้ฉันหันไปมองทันที ก็พบกับเจ้าของร่างสูงที่กำลังหยุดมองฉัน "เธอจะนั่งในนี้อีกนานไหม" ฉันเบะปากแล้วเดินผ่านเขาทันที ทำไมฉันต้องมาเจอกับผู้ชายที่มีดีแค่ภายนอกนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD