สีหน้าหม่นหมองบวกกับแววตาเศร้าสร้อยของลออสิริเมื่อตอนกลางวัน กำลังสร้างความวุ่นวายใจแก่วิคเตอร์อย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่กลับมาจากกินข้าวเที่ยงเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน มัวแต่มองโทรศัพท์เหมือนรอสายจากใครบางคน
เมื่อเขารอจนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจต่อสายโทรหาเธอเอง แต่ลออสิริไม่รับสายเพราะปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ ตอนนี้เธอต้องการสมาธิในการออกแบบเสื้อผ้าจึงไม่อยากให้มีเสียงใดมารบกวน
คนหล่อถอนหายใจเล็กน้อย พอดีกับที่เลขาเคาะประตูห้องทำงาน เขาจึงวางโทรศัพท์ลง แล้วหันไปให้ความสนใจกับแฟ้มเอกสารในมือของดนุเดชที่กองสูงจนแทบจะไม่เห็นใบหน้าแทน
“คุณวิคครับ ท่านประธานสั่งให้ผมส่งการ์ดเชิญไปงานเลี้ยงให้คุณสิด้วย จะเอายังไงดีครับ” คุณเลขาเอ่ยถามหลังจากคุยเรื่องงานอื่นเสร็จ น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะลำบากใจเพราะรู้สึกสงสารเจ้านาย แต่ถ้าขัดคำสั่งวันรักก็จะมีปัญหาอีก
“เรื่องนี้ผมจัดการเอง คุณแดนไปทำงานเถอะ”
“ครับ เอ่อ จริงๆ ถ้าคุณวิคไม่อยากเชิญคุณสิมางานก็บอกท่านประธานไปตรงๆ ก็ได้ ผมว่าท่านน่าจะเข้าใจ”
“ต่อให้พี่รักจะตามใจผม คุณตาคุณยายก็ไม่ตามใจ ให้เธอมาดีแล้ว พวกท่านจะได้มีความสุข”
“ครับ งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อน”
ดนุเดชเดินออกจากห้องทำงานของเจ้านายด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าวิคเตอร์เหมือนอยากให้ลออสิริมางานเลี้ยงด้วย ทว่าคุณเลขายังไม่ทันจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ ก็ต้องเดินไปต้อนรับผู้มาใหม่ที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่
“ไอ้วิคอยู่ไหมคุณแดน” ภูเขาคือเพื่อนในกลุ่มของวิคเตอร์ รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย รูปร่างหน้าตาถือว่าอยู่ในขั้นหล่อ แต่ไม่ได้หล่อเท่าวิคเตอร์ ส่วนฐานะก็ร่ำรวยน้อยกว่าเพื่อน
“อยู่ครับ เชิญในห้องได้เลย”
“เอ้าของฝาก ผมซื้อมาให้ทุกคน”
“ขอบคุณมากครับ”
ดนุเดชรีบเดินไปบอกเจ้านายว่าเพื่อนมาหา ครู่เดียวภูเขาก็เข้ามานั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของวิคเตอร์ เขามาเพราะเรื่องเปิดบริษัทเกมออนไลน์ที่ตั้งใจจะให้วิคเตอร์มาร่วมลงทุน
“ฮะ! มึงว่าไงนะ คุณตาไม่ยอมเซ็น”
ชายหนุ่มอุทานด้วยความตกใจหลังจากได้ยินเพื่อนบอก ใบหน้าเริ่มมีรอยยับย่น คิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ คิดว่าหลังกลับมาจากต่างประเทศแล้วจะได้รับข่าวดี ที่ไหนได้วิคเตอร์ยังจัดการหาเงินมาลงทุนไม่สำเร็จ
“อืม กูเข้าใจคุณตา เงินตั้งร้อยล้าน”
ถ้าการลงทุนน้อยกว่าห้าสิบล้านเขาก็ออกเองได้ แต่มันจ่ายแพงกว่านั้นทำให้ต้องไปขอจากคุณวินธัย คนที่มีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่าพันล้าน
“แต่เรารอไม่ได้แล้วนะโว้ย ทางหุ้นส่วนเขาเร่งมา”
“กูรู้ เดี๋ยวกูรอให้พ้นงานเลี้ยงบริษัทก่อน ค่อยเข้าไปคุยอีกที”
“อย่าช้าไปกว่านี้นะมึง ไม่งั้นหุ้นส่วนเปลี่ยนใจ”
“เออๆ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
วิคเตอร์ตอบเสียงเครียด จากนั้นบทสนทนาก็มีแต่เรื่องการลงทุนเปิดบริษัทเกม ภูเขาเกลี้ยกล่อมเพื่อนเสร็จก็ขอตัวกลับ
หลังจากเดินเข้ามาในลิฟต์เขาก็รีบต่อสายหาใครบางคน มุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้าย แววตาดูนิ่งลึกยากจะหยั่ง
“ไม่ต้องห่วงครับคุณเฉิน เรามีที่ฟอกเงินใหม่แน่นอน”
“ผมให้เวลาคุณอีกแค่เดือนเดียว ถ้าทำไม่ได้หนี้ที่คุณก่อต้องชดใช้ด้วยชีวิต” เจ้าหนี้เตือนเสียงเข้มทำให้ภูเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขารู้ดีถ้าเบี้ยวหนี้กับผู้ชายที่ชื่อเฉินชีวิตจะเป็นอย่างไร
“รับรองผมไม่ทำให้คุณเฉินผิดหวัง”
“ผมจะรอ เวลาของคุณเหลือไม่มาก”
“ครับ อ้อ ถ้าสำเร็จอย่าลืมส่วนแบ่งของผมด้วย”
“คนอย่างผมคำไหนคำนั้น”
ภูเขารีบวางโทรศัพท์เมื่อมีคนอื่นเข้ามาใช้ลิฟต์ แต่ในสมองยังคิดถึงเรื่องเงินก้อนโต
เขาเกลียดวิคเตอร์เข้ากระดูกแต่ต้องทำเป็นดีด้วยเพราะผลประโยชน์หลายอย่าง ไม่เคยมีคำว่าจริงใจอยู่ในหัว มีแต่วิคเตอร์เท่านั้นที่จริงใจ การได้เห็นชีวิตของวิคเตอร์ล้มเหลวคือความฝันอย่างหนึ่ง อีกไม่นานมันจะเป็นจริง
“มึงโง่เองไอ้วิค”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองหลังจากกลับขึ้นมานั่งบนรถสปอร์ตคันสีแดงเตะตา ราคาไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน
แววตาของเขาตอนที่นั่งอยู่ต่อหน้าเพื่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย จากนั้นก็สตาร์ตรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อตรงไปหาใครบางคนที่นัดเจอกันช่วงค่ำของวันนี้