สวาทรักคืนแรม บทที่2.จะสนใจสาวเสิร์ฟทำไมเมื่อเจ้าของร้านน่าหม่ำกว่าเยอะ

1537 Words
“ไงเบส ไม่เห็นหน้าหลายปีเลยนะ” เมื่อพ่อ ผม พี่ชายเดินเข้าไปในร้านเจ้หมวย เจ้ก็ยิ้มร่าทักทายด้วยความสนิท พ่อเลิกคิ้วขึ้นสูง...พ่อผมไม่รู้มาก่อนว่าผมกับเจ้หมวยสนิทกัน “หาที่นั่งดีกว่าพ่อ อยากรู้อะไรถามผม ไอ้เบสกับเจ้น่ะ เขารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว” พี่ชายผมรั้งพ่อไปอีกทาง เปิดโอกาสให้ผมกับเจ้หมวยได้ทักทายกัน ผมไม่อยากคิดอกุศลหรอกนะ แต่เจ้ของผมแต่งตัวน่าคิดเกินเลยจริงๆ คอเสื้อร่นลงต่อจนมองเห็นร่องอกอวบ กางเกงขาสั้นฟิตเปรี๊ยะจนมองเห็นรูปรอย... ผมถึงกับถอนใจ เพื่อลดความตื่นเต้น หากเจ้หมวยรู้ความคิดผม คงไม่แคล้วถูกตบกะบาล “ผมเรียนอยู่ เจ้ก็น่าจะรู้นี่ครับ” “ไม่คิดว่าเด็กเกร็นๆ อย่างเบส โตมาจะใหญ่ได้ขนาดนี้” สมัยเด็กๆ ผมตัวเล็กจริงๆ ไม่ติดว่าพอผ่านช่วงวัยรุ่นผมจะทะลึ่งโตได้เท่านี้เหมือนกัน “เจ้ก็ด้วย โตกว่าเก่าเยอะเลยครับ” ตาผมมองที่จุดกึ่งกลางร่างกาย ไอ้ที่เคยเห็นว่าอวบอัดจนน้ำลายหยด วันนี้ต้องยอมแพ้ ไม่รู้ว่าเจ้หมวยไปอัพไซส์มาหรือเปล่า “ยังลามกไม่เปลี่ยนนะ ที่เห็นนี่แม่ให้ไม่ ไม่มียัดไส้หรอก” เจ้หมวยตอบเหมือนอวด ผมกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ กะขนาดไม่ใคร่ถูก รู้แค่ว่าทั้งอวบทั้งใหญ่ หากเป็นของแท้แม่ให้ ก็น่าสนใจมากขึ้นนับเท่าตัว ผมเบื่อของปลอมแล้วล่ะ สาวๆ สมัยนี้ตีกินเพราะขายของปลอมนี่แหละ ตอนดูมันก็ชวนให้คึกคักหรอก แต่เมื่อได้จับ ได้ขย้ำจริงๆ ของจริงดีกว่าเยอะ “หยุดหรือไงถึงโผล่มาให้เห็นหน้าได้” “ครับ ปิดเทอม ท่าทางจะขายดีนะครับ ลูกค้าแน่นเลย” ผมตอบพร้อมกับชวนคุย “ลูกค้าขี้หม้อทั้งนั่นแหละ” เจ้หมวยตอบพร้อมกับยิ้มหยัน ลูกค้าส่วนใหญ่มาเพราะหวังอย่างอื่น ซึ่งก็น่าสมเพช แต่ช่วยไม่ได้เธอเองก็ต้องการแบบนั้น เลยปล่อยให้พนักงานของตัวเองหาลำไพ่พิเศษ เงินใครก็อยากได้ แต่บางครั้งก็รู้สึกละอาย “อย่าคิดมากกครับ...นั่นคือสิ่งที่เขาเลือกแล้ว” ผมปลอบใจแกนๆ แต่ก็ไม่วายแอบมองเจ้หมวยไปด้วย “จะมองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นนมหรือไง” เจ้ผมเป็นคนปากไวมาแต่ไหนแต่ไร ผมยิ้มแหยๆ “นมน่ะเห็นมาเยอะแยะ แต่ไม่เคยเห็นใหญ่เหมือนเจ้นี่ครับ” “เดี๋ยวนี้กล้าขึ้นนะ กล้าต่อปากฉันด้วย” “แหม ก็นิดหน่อยครับ” “ไปนั่งเถอะ พ่อ กับพี่ชายชะเง้อมองคอยาวแล้ว ไปไป๊” เจ้หมวยผลักอกผม พร้อมกับบุ้ยปากไปที่โต๊ะที่พ่อกับพี่ผมนั่งอยู่ “อ้อ...ตอนกลับแวะมาหาหน่อยนะ อยากคุยด้วย” ผมไม่ได้ดูสึกไปเอง เจ้หมวยไม่ได้อยาก ‘คุย’ กับผมหรอก สัญชาญาณผมเตือน ตาเจ้แกมองเป้ากางเกงผมตาเป็นมันแบบนั้น แกน่าจะอยาก...มากกว่า ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างพี่ชาย “รู้ไหมเบส พ่อเฝ้าเจ้แกมาหลายปีแล้วยังไม่ได้แอ้มเลย” เสียงพี่ผมกระซิบบอก ผมหัวเราะเงยหน้ามองพ่อ “อย่าปากมากน่า เข้าหูแม่มึง วันหลังพ่อไม่พามาแดกเหล้านะโว้ย” พ่อผมตวาด “ไม่ยักรู้ว่าเบสสนิทกับหมวย” “นานแล้วพ่อ ตั้งแต่สมัยเรียน” ความจริงมันก็แค่ไม่กี่ปี แต่มันนานสำหรับผม การที่ไม่ได้ใกล้ชิดขวัญใจตัวเอง แต่ผมก็ไม่ได้เหงานะ ช่วงที่ผมเรียม ผมก็ฝึกฝีมือไปพลางๆ ไม่แน่ว่า...คืนนี้ผมอาจจะได้งัดวิชาที่ผมฝึกมา กับใครบางคนที่นี่ เจ้หมวยไม่ได้แวะมาที่โต๊ะของผมเลย เธอเดินดูแลลูกค้า ผ่านไปผ่านมาจนพ่อผมเริ่มฮึกฮัด “กลับเถอะดึกแล้ว” เลยเที่ยงคืนไปกว่า20นาที ในที่สุดความอดทนของพ่อผมก็หมด จู่ๆ พ่อก็ชวนกลับ พี่ชายผมที่เมาได้ที่ก็ไม่คัดค้าน หลังเช็กบิล คิดค่าเสียหาย พ่อเดินหน้าตึงนำไปก่อน มีพี่ชายผมเดินโซเซตามไป “กลับกันก่อนเลยนะพ่อ บาส ผมมีธุระ” ผมรีบบอกและเดินเลี่ยงไปอีกทาง เสียงพ่อตะโกนถามตามหลัง “ไปไหนวะเบส?” ผมโบกมือไม่ได้อธิบายเพิ่มขึ้น ผมเดินหลบไปทางด้านหลัง รอจนพ่อกับพี่ออกเดินทางกลับบ้าน ถึงได้เดินย้อนกลับไปหาเจ้หมวย พนักงานในร้านเริ่มเก็บโต๊ะ ลูกค้าบางตาเหลือแค่โต๊ะหรือสองโต๊ะผมก็ไม่แน่ใจ เจ้หมวยกวักมือเรียกผม ผมเลยหมดความสนใจสิ่งรอบตัว ผมเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหา “รอเก็บของแป๊บนะเบส” เจ้หมวยบอกผมแค่นั้นแล้วก็ผลุบกลับเข้าไปในห้องทำงาน ผมเดินเตร่ไปเตร่มาแถวนั่น จนกระทั่งเจ้หมวยเดินออกมา เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวแล้ว ไม่ได้ใส่กางเกงรัดรูปให้ผมหัวใจสั่น เปลี่ยนเป็นกางเกงวอร์มหลวมๆ กับเสื้อยืดตัวใหญ่ ในมือเจ้มีขวดเหล้าที่พร่องไปกว่าครึ่งแกหนีบไว้ที่ซอกรักแร้ “ไปกินต่อที่บ้านเจ้ดีกว่า คิดถึง” คำพูดแฝงความนัยบางอย่าง ผมเดินตาเจ้หมวยไปต้อยๆ เหมือนสมันเด็กไม่มีผิด บ้านหลังเล็กชั้นเดียว หลังร้านอาหารที่ทำกินของเจ้หมวย เธอพาผมเดินเลยไปถึงห้องนอน พอเจ้แกทิ้งตัวลงนั่ง ผมก็ได้แต่ยืนขาแข็ง “ไม่นั่งหรือไงล่ะหะ” เสียงเธอตวาด พร้อมกับควานหากระติก มีชั้นวางแก้วอยู่ไม่ไกลมือ “ในนี้จะดีเหรอเจ้” “ดีสิ เมาแล้วก็นอนเลย” แกตอบผม ก่อนจะยื่นแก้วที่ผสมเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วให้ “เจ้อยู่คนเดียวเหรอครับ” แกมองหน้าผมแล้วตอบ “เห็นคนอื่นไหมล่ะ” ผมหัวเราะ ฉวยแก้วเหล้ามาดื่มแก้เก้อ “ผมเคยได้ยินคนอื่อนเล่าให้ฟังครับ ได้ข่าวเจ้มีแฟนแล้วนี่” “ข่าวเก่าแล้วล่ะ ตอนนี้เลิกกันแล้ว” ผมไม่เข้าใจนัก ผู้หญิงตรงหน้าทั้งขาว ทั้งอึ๋ม ไม่รู้เพราะอะไรแฟนแกถึงได้เลิก ถ้าเป็นผมน่ะเหรอ ไม่มีทางปล่อยเจ้หมวยหลุดมือแน่ๆ “อ้าว...” “ไม่ต้องอ้าวหรอก ไอ้หมอนั่นมันว่าเจ้ ห่วย” ผมไม่เข้าใจอีกแล้ว ‘ห่วย’ คำนิยามคำนี้หมายถึงอะไร “อย่าไปพูดถึงเลย ชั่งเถอะ แค่อดีต” เจ้โบกมือ ฉวยแก้วมาดื่มอัก ๆเหมือนต้องการกลบเกลือนบางอย่าง “เจ้ยังสาว ยังมีคนสนใจอีกเยอะ ขนาดพ่อผมยังอบเจ้เลย” ผมปลอบใจ เจ้หมวยมองหน้าผม พอแกถามผม ผมถึงกับอึ้งไปเลย “เบสล่ะ ชอบเจ้มั้งไหม?” ผมยกมือเกาท้ายทอย ไม่ได้หลบตาแกนะ ผมกำลังคิดว่าผมควรตอบแบบไหนดี “ถ้าผมเป็นอีกคน ที่อยู่ในกลุ่มคนที่ชอบเจ้ล่ะ” เจ้หมวยเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่วน “ไม่ต้องมาพูดปลอบ ให้เจ้รู้สึกดีหรอกเบส ไม่มีใครรักเจ้จริง ทุกคนแค่หวังฟัน” ผมไม่รู้ว่าช่วงเวลาสามสี่ปีมานี่เจ้หมวยผู้แสนดีของผมไปเจอกับอะไรมาบ้าง ผมไม่ได้ยินข่าวของแกเลย ผมอยากรู้แล้วสิ ผู้ชายคนนั้นฝากรอยแผลอะไรไว้ในใจเจ้ของผม “ผมไม่ได้โหกนะเจ้ ผมชอบเจ้ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะครับ” “ไม่จริงหรอก” “ผมจะโหกเจ้ทำไม ผมตามเจ้ เพราะผมชอบเจ้นะ” “หึ” เจ้หมวยกระแทกเสียงใส่ผม ฉวยขวดเหล้ามารินใส่แก้วโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ผมตรึกตรองในใจชั่วครู่ ผมกับเจ้อยู่ในที่ลับตา การคุยด้วยปาก บางทีก็สื่อไม่หมด ความจริงผมน่าจะคิดได้นานแล้วนะ ผมควรบอกเจ้ ด้วยภาษากาย... ผมรั้งข้อมือเจ้หมวย เธอเงยหน้ามองผม ดวงตากลมโตนั่นเป็นประกายล้อเล่นกับแสงไฟ “คิดจะทำอะไร” “ผมอยากช่วยเจ้ เจ้ควรปล่อยอดีต แล้วมีชีวิตกับปัจจุบันมากกว่า” ผู้ชายคนนั้นป้ายรอยราคีที่ลบไม่ออกไว้ในใจของเจ้หมวย ผมเลยอาสาจะช่วยลบออกให้ วันพรุ่งนี้เจ้ของผมจะได้กลับมาเป็นคนเดิม ยิ้มได้เหมือนเดิม “ไม่มีทาง...” เจ้หมวยขืนตัวไว้...” “เจ้ยังไม่ลองเลย ลองก่อนเถอะ” “เจ้กลัวเบสผิดหวัง” ความนัยในคำพูดของเจ้หมวย ทำให้ผมอยากรู้แล้วล่ะ ไอ้หมอนั่นของเจ้ สบประมาทอะไรเจ้ของผมไว้บ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD