“อะไรกันล่ะจ๊ะแม่กำไล เอะอะโวยวายเสียงดัง” มณีรัตน์เอ่ยทักอดีตเพื่อนรัก กชกรนิสัยแบบนี้ไง อธิวัฒน์จึงไม่เอามาเป็นเมีย รูปร่างหน้าตาสวยสดงดงามก็จริง แต่ถ้าใจร้ายก็ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้ นภดลถือว่าซวย ที่ได้เมียประเภทนี้ไป
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่สั่งสอนเด็กในบ้าน” กชกรเชิดคอตั้งเมื่อเห็นอดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ถ้าไม่มีมณีรัตน์สักคน อธิวัฒน์กับตนนั้นต้องได้แต่งงานกันแน่นอน
“จ้ะ...” มณีรัตน์ตอบรับเสียงหนัก ก็เห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายกำลังโมโหใส่เด็กสาววัยสิบแปด ถ้าทำได้คงจิกหนังหัวหลุดติดมือออกมาแล้ว นึกสงสารมิ่งขวัญไม่น้อย เด็กสาวก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเสียด้วยซ้ำ
“มาซื้อของเหรอแม่รัตน์”
“จ้ะ จะมาซื้อกับข้าวเสียหน่อย” สาวใช้ที่เดินตามมณีรัตน์หิ้วตะกร้าตามมายืนอยู่ใกล้ๆ
“เจอตัวเธอก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้คุยกันให้เรียบร้อย” กชกรเข้าเรื่องในทันที
“เรื่องอะไรเหรอแม่กำไล” มณีรัตน์เอ่ยถาม แต่ลางสังหรณ์บอกว่าคงเป็นเรื่องของลูกเต้าแน่ๆ คนหน้าเลือดอย่างกชกร เธอรู้ดีว่ามีนิสัยเช่นไร
“เรื่องลูกๆ ของเรานี่แหละ พ่อแซนน่ะเทียวไล้เทียวขื่อยายฟ้ามานานเป็นปีแล้ว แต่ทางฝั่งเธอยังไม่มีทีท่าว่าจะมาสู่ขอ ฉันละอับอายขายหน้ามากๆ เลยนะตอนนี้ ญาติๆ ก็ถาม ชาวบ้านก็ถาม ควงกันไปควงกันมา ฝั่งฉันน่ะ เป็นผู้หญิงมันเสียหาย”
“อ้อ... ก็ไม่เห็นพ่อแซนเขาพูดอะไรนี่นา”
“ยิ่งไม่พูดฉันเลยต้องพูด ยายฟ้าน่ะมีผู้ชายฐานะดีๆ ชาติตระกูลสูงศักดิ์มาจีบเยอะแยะ แต่เห็นว่าเป็นแฟนกับพ่อแซนอยู่ ฉันก็ยังไม่ได้ตอบตกลงกับใคร เธอคงไม่ให้ลูกชายกั๊กลูกสาวฉันจนขึ้นคานหรอกนะ”
“แหม... ใครจะไปทำอย่างนั้น”
“จะไปรู้เหรอ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อาจจะอยากกลั่นแกล้งกันก็ได้”
“ถ้าลูกชายฉันอยากจะตบแต่งฉันก็ไม่ว่าอะไร เด็กๆ เขาตกลงกันว่ายังไงก็ค่อยว่ากันอีกที”
“ได้ยินแบบนี้ ค่อยสบายใจหน่อย กลัวพ่อแซนจะ... ฉันไม่พูดดีกว่า” กชกรทำท่าเหมือนไม่อยากพูด
“จะอะไร” มณีรัตน์เอ่ยถาม เกลียดสีหน้าชอบกลของกชกรนัก
“ลูกสาวของฉันก็มีคนเดียว สินสอดทองหมั้นก็ต้องให้สมน้ำสมเนื้อ พ่อแซนน่ะทำงานมาจนอายุสามสิบห้าแล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ไม่รู้จะมีเงินมาสู่ขอยายฟ้าหรือเปล่า”
“ทำไมจะไม่มีล่ะ ลูกชายฉันรักใครชอบใคร ฉันก็มีปัญญาไปสู่ขอให้ทั้งนั้นแหละ” มณีรัตน์ละเกลียดนักเมื่อโดนดูถูก เธอจะเสียเงินทั้งทีก็ต้องเลือกคนดีๆ มาเป็นสะใภ้สิ นั่นมันเงินของเธอนะ
“ดีแล้วละจ้ะ ลูกชายคนโตแต่งงานทั้งทีก็อย่าให้เสียหน้าล่ะ ฉันต้องไปซื้อของก่อนนะ ขอตัวก่อนนะจ๊ะ หวังว่าเราจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันนะแม่รัตน์” กชกรยิ้มร่าก่อนจะเอ่ยขอตัว โดยมีร่างเล็กของมิ่งขวัญเดินตามไปต้อยๆ
“นังลำเจียกแกดูสิ ฉันล่ะ ฮึ่ย!” มณีรัตน์ตบอกตัวเองไปมา เกลียดนักที่โดนดูถูก แล้วก็หงุดหงิดนักที่ลูกชายคนโตไปรักใคร่ชอบพอกับเขียนฟ้าลูกสาวของกชกร
“เจ้าแซนก็เหมือนกัน ผู้หญิงมีเยอะแยะเหมือนฝูงลิง จะจีบทิ้งก็ยังไม่หมดโลก ดันไปชอบนังลูกของอีกำไล ฉันล่ะ เฮ้ย! อยากจะอกแตกตาย”
คนพูดกระแทกเท้าเดินเข้าตลาด พอไปซื้อของก็ให้ยิ่งหงุดหงิด เมื่อของที่อยากได้ กชกรแย่งซื้อไปเสียหมด เหมือนอีกฝ่ายอยากเอาชนะ อยากแกล้ง เลยซื้อของตัดหน้าเธอไปเสียทุกอย่าง
เมื่อก่อนแกได้อธิวัฒน์ไป ฉันก็ยอมให้ แต่ตอนนี้ฉันไม่ให้อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นของที่แกอยากได้หรือของที่ฉันอยากได้ ฉันไม่ให้แกหรอกนังมณีรัตน์ กชกรคิดในใจ แย่งซื้อของที่มณีรัตน์อยากได้อย่างบรรเทิงใจ แม้กระทั่งผ้าทอเนื้อดีลวดลายงดงามที่อีกฝ่ายหยิบขึ้นมาพิศมองอย่างพึงใจ
มณีรัตน์กลับมาถึงบ้านก็กระแทกตัวนั่งลงในห้องนั่งเล่นตรงข้ามกับสามีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
“เป็นอะไรอีกล่ะคุณ”
“นังกำไลน่ะสิคะ ดูถูกลูกเราว่าไม่มีเงิน มันจะคิดสินสอดร้อยล้านหรือไง ลูกสาวมันน่ะ”
“คุณก็อย่าเครียดไปเลย ใจเย็นๆ เถอะ”
“คุณแม่ครับ” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ลูกชายคนโตก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายคนเล็ก เห็นหน้าอธิราชแล้วมณีรัตน์สะบัดหน้าหนีทันที
“โธ่... คุณแม่เป็นอะไรอีกครับ ไปโมโหอะไรมา”
“จะอะไรเสียอีกล่ะ อย่าให้พูดเลย ผู้หญิงมีเยอะแยะ ทำไมแกต้องไปชอบยายเขียนฟ้า ลูกนังกำไลด้วยนะ”
“ผมรักฟ้าคนเดียวครับ คุณแม่เคยบอกว่าผมรักใครก็จะรักด้วยยังไงล่ะ”
“สวยๆ กว่ายายฟ้าฉันก็หามาให้ แกก็ไม่ชอบ พิลึกคน ไปชอบลูกสาวบ้านนั้น”
“ผมรักเดียวใจเดียวครับ”
“หึ้ย! ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง” มณีรัตน์ผลักลูกชายออกไปห่างๆ อีกฝ่ายก็เข้ามากอดรัดแนบแน่น
“แม่ไปขอฟ้าให้หน่อยสิครับ”
“โอ๊ย! อยากจะตาย อกอีแป้นจะแตก นังหน้าเลือดมาพูดกับแม่ที่ตลาดไม่ถึงสองชั่วโมง แกก็มาขอให้ฉันไปขอลูกสาวนังนั่นให้นี่นะ” คนเป็นแม่ถลึงตาเข้าใส่ อธิราชเลยอ้อนมารดายกใหญ่
“นะครับคุณแม่”
“เฮ้อ... ก็ได้ ฉันเคยลั่นวาจาไปแล้ว พูดแล้วจะคืนคำได้อย่างไรกัน”
จริงๆ ก็เห็นใจลูกชายอยู่เหมือนกัน เพราะอธิราชรักเขียนฟ้าจริงๆ ถ้าเธอไปขัดขวางความรักของลูก ก็คงทำให้อธิราชผิดหวังเสียใจอย่างรุนแรง ถึงเธอจะปากร้ายเพียงใด แต่ก็ใจร้ายกับลูกเต้าไม่ลงจริงๆ
“ผมรักคุณแม่ที่สุดเลยครับ”
“อย่ามาปากดี ว่าที่เมียแกน่ะทำอะไรเป็นบ้าง วันๆ เอาแต่นั่งแต่งตัวสวยๆ แต่งหน้าทาปาก” เขียนฟ้าไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือน อาหารการกินก็ทำไม่เป็น วันๆ เอาแต่แต่งตัวสวย แค่คิดว่าจะได้มาเป็นสะใภ้ก็หนักใจเหลือกำลัง
“เขาต้องขายของ ไม่ให้แต่งตัวสวยๆ จะให้นั่งหน้ามันเยิ้ม แต่งตัวซ่อมซ่อหรือไงครับ”
“เออ... ดูเลยเจ้าโซ่ แกอย่าเป็นอย่างพี่แกนะ ยังไม่ทันได้แต่งก็เข้าข้างเมีย ต่อไปคงไม่เห็นหัวแม่”
“คุณแม่รับปากแล้วนะครับ”
“จ้า... พ่อเจ้าพระคุณทูนหัว ถ้าฉันไม่ไปขอเมียให้ แกก็คงไม่ยอมไปทำงานทำการใช่ไหมล่ะ” มณีรัตน์แม้จะขี้บ่นไปนิดแต่ก็รักลูกชายนัก ยังไงก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นางเข้าใจเรื่องความรักดี อีกอย่างถ้าอธิราชไม่แต่งตอนนี้ แก่ตัวไปคงไม่มีทายาทสืบสกุล เนื่องจากลูกชายคนโตของนางอายุก็ปาเข้าไปสามสิบห้าปีแล้ว
หลังจากรับปากลูกชายว่าจะไปขอเมียให้ มณีรัตน์ก็จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เรียกว่าไปรอบนี้จะไม่ให้อับอายขายขี้หน้าอย่างเด็ดขาด
“นั่นใครกันล่ะ มาเต็มบ้านไปหมด” มณีรัตน์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าวันนี้ บ้านของกชกรมีแขกมากันเยอะแยะพอสมควร
“เชิญค่ะ คุณมณีรัตน์ คุณอธิวัฒน์” สาวใช้ออกมาต้อนรับแทนที่จะเป็นเจ้าของบ้าน มณีรัตน์หันไปมองหน้าสามีก่อนจะค้อนควัก อธิวัฒน์ได้แต่ยิ้มให้ภรรยาตามประสาคนพูดน้อย
พอขึ้นบ้านไปเท่านั้นแหละ มณีรัตน์ก็หน้าตึงในทันที จะอะไรเสียอีกล่ะ เพราะทั้งเสี่ยอรัญและนายอาทิตย์ บุตรชายเจ้าของร้านทองในเมืองก็นั่งอยู่ด้วย นางรู้ดีว่าเขียนฟ้านั้นมีผู้ชายหมายปองเยอะแยะ แต่วันนี้นางจะมาสู่ขออีกฝ่ายให้ลูกชาย ทำไมต้องไปตามกิ๊กที่แอบคบกันมาด้วยเล่า
“เชิญนั่งก่อนนะจ๊ะรัตน์ คุณวัฒน์ คุณฤดี” กชกรผายมือเชิญแขกนั่ง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฤดีคือญาติผู้ใหญ่อีกคนที่สองสามีภรรยาพามาด้วยเพื่อจะได้เจรจาสู่ขอ
“ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอมีแขกเยอะขนาดนี้ จริงๆ จะได้มาวันหลัง” มณีรัตน์ นั่งลงพร้อมด้วยสามี ส่วนลูกชายนั้นติดธุระไม่สามารถมาได้ เพราะต้องไปติดต่องานกับลูกค้าคนสำคัญ