"ใครว่าล่ะเจ้าคะ ข้าน้อยผู้เป็นภรรยามิเคยรังเกียจท่านแม่ทัพจางเลยสักนิด"
"แต่ก็ไม่เคยรักหรือชื่นชอบ!" เขาเอ่ยต่อจากนาง ทำให้นางหุบยิ้มได้โดยทันที
"หากข้าน้อยไม่เคยรักท่านแม่ทัพ จะริอาจทำเรื่องไร้ยางอายได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ บุรุษที่รูปงาม เก่งกาจ อนาคตไกล สตรีนางใดเห็นท่านย่อมต้องหลงรักเป็นธรรมดา" นางเอ่ยพร้อมหันหน้าไปทางอื่น ไม่มองเขาเลยสักนิด เขามองตามร่างของนางที่ไปยืนดูดอกบัวนอกศาลา และจับน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ได้บ่งบอกว่านางนึกชื่นชอบเขาตามปากว่าเลยสักนิด เขาหยุดนิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะเอ่ยคำถามที่ทำให้นาง
"เจ้าคิดที่จะหาจวนใหม่ทำไม? แล้วเจ้าไปทำอะไรที่วัดหลู่หย่วนที่นอกเมืองบ่อยๆ" นางรู้สึกราวหัวใจกระตุก และเต้นรัวเร็ว เขารู้แล้ว นางจะโป้ปดเขาดีหรือไม่ หรือจะยอมเอ่ยความจริงทุกอย่าง ไม่! นางจะบอกทุกเรื่องไม่ได้ อย่างน้อยต้องไม่ใช่เรื่องของมารดานางและชายพิการผู้นั้น นางหลับตาสงบอารมณ์ชั่วอึดใจและหันมาแสร้งยิ้ม
"ใช่! ข้าหาจวนใหม่ ท่านเคยยื่นหนังสือหย่าให้ข้าครั้งหนึ่งโดยที่ข้าน้อยยังไม่พร้อม เพราะฉะนั้นเรื่องที่ข้าน้อยกระทำย่อมมีความสำคัญ ด้วยเมื่อท่านอยากที่จะหย่าขาดจากข้าผู้เป็นภรรยา ไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ข้าน้อยผู้เป็นภรรยามิต้องการให้เกิดทั้งที่ยังไม่มีการตั้งรับ ทว่าเวลานี้ข้าอยากหย่าขาดกับท่านแม่ทัพเพราะข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยผู้เป็นภรรยาจึงคิดเตรียมการล่วงหน้าเพื่อตนเอง เรื่องนี้สมควรยิ่งเพราะอย่างไรปุถุชนต้องมีอาหารกิน มีหลังคาปกคลุม ส่วนเรื่องไปวัด ข้าก็แค่ไปไหว้พระขอพรกับพระโพธิสัตว์ให้รอดพ้นจากหมู่มารเท่านั้นเจ้าค่ะ"
"แล้วถ้าข้าไม่หย่าขาดเจ้า?"
"แต่ท่านเคยส่งหนังสือหย่าให้ข้า ข้าแค่ขอสิ่งนั้นจากท่านแม่ทัพอีกครั้ง" นางหันมาพร้อมแสดงสีหน้าเรียบเฉย แต่มิอาจปกปิดแววตาที่สาดใส่เขาให้รู้ว่านางไม่พอใจ
"ข้าจะไม่หย่าให้เจ้า ซิ่นหนิงเยว่" น้ำเสียงราบเรียบแต่เชือดเฉือน ทำลายความหวังของนางให้มอดดับ
"ไม่หย่า?" ซิ่นหนิงเยว่ทวนคำพูดเขาอีกครั้ง ฝ่ามือบีบเข้าหากัน กำหมัดจนนิ้วขึ้นข้อขาว นางหายใจลึกๆ
"ท่านแม่ทัพพอจะบอกเหตุผลให้ข้าน้อยทราบได้หรือไม่เจ้าคะ "
"เจ้าแต่งเข้าจวนข้า อยู่ก็ต้องเป็นคนในตระกูลข้า ตายไปก็ต้องเป็นผีตระกูลข้า"
"หึ! ก่อนหน้าที่ท่านยื่นหนังสือหย่าให้ข้าไม่เห็นท่านคิดเช่นนี้ แต่มาครั้งนี้...ข้าน้อยไม่เข้าใจ แต่ก็ดีเจ้าค่ะ ในเมื่อท่านแม่ทัพไม่หย่าข้า เช่นนั้นตำแหน่งจางฮูหยินนี้ ข้าน้อยผู้เป็นภรรยาคงให้สตรีนางใดของท่านแม่ทัพแตะต้องไม่ได้ สตรีของท่านแม่ทัพแต่ละนางอยู่สบายมานานพอดูแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยคงต้องขอใช้ตำแหน่งฮูหยินอย่างเต็มที่แล้วกันนะเจ้าคะ และท่านก็ไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้ามาห้ามข้า หากข้าเกิดอยากเข้มงวดกับพวกนาง ข้าน้อยผู้เป็นภรรยาขอตัวเจ้าค่ะ" นางลืมแม้แต่จะย่อกายคารวะ แล้วเดินผ่านจางหยูเยี่ยนออกไปด้วยโทสะที่คุกรุ่น แต่ทว่าต้องหยุดฝีเท้า
"เจ้าจะไปไหน?"
"ท่านเป็นถึงท่านแม่ทัพ อีกอย่างที่นี่ก็เป็นจวนของท่าน สืบได้ไม่ยากหรอกเจ้าค่ะว่าข้าจะไปที่ใด"
"เจ้า!"
"ข้าน้อยต้องขอโทษด้วยนะเจ้าคะ ข้าน้อยคิดว่าเราทั้งคู่คงสนทนากันมากเกินไปแล้ว และอีกอย่างท่านควรปฏิบัติกับข้าเหมือนเดิมดีกว่านะเจ้าคะ ข้าน้อยจะได้รู้สึกสบายใจมากกว่านี้ " นางรีบรุดเดินออกไปไม่หยุดรอให้เขาเอ่ยคำใดขึ้นอีก
ซิ่นหนิงเยว่เดินรอจนพ้นศาลา เมื่อรู้ว่าพ้นสายตาผู้คนแล้วนางก็เดินทอดน่องอย่างไม่ใส่ใจว่าจะมีใครแอบลอบมองอยู่ จวบจนนางเดินพ้นเขตสวนหลังจวนท่านแม่ทัพก็จึงเอ่ยขึ้น
"เขามอบหนังสือหย่าให้ข้าไม่ได้ ข้าก็คงต้องรั้งตำแหน่งจางฮูหยินไปตลอด เสียดายแทนจริงๆ ทั้งที่มีใจ แต่เชิดหน้าชูตาไม่ได้ ต้องเก็บไว้แต่ในห้องหอรอเวลามาปลอบรักกันแค่บนเตียง เฮ้อ! ช่างหน้าน้อยใจนัก" นางเอ่ยขึ้นเสียงดังเพื่อให้คนที่แอบซุ่มตัวอยู่ได้ยินคำของนาง
"ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าอย่างไร"
"ออกมาแล้วหรือ ข้านึกว่าคืนนี้เจ้าจะนอนอยู่ตรงพงหญ้านั้นเสียเลย"
"พูดมา ที่เจ้าเอ่ยออกมาหมายความว่าอะไร!"
"อย่างที่ข้าพูด ในเมื่อเขามิยินยอมมอบหนังสือหย่าให้ข้า ทั้งที่ก่อนหน้าเขามอบให้ข้าเพราะเจ้าช่วยเขาจนสำเร็จ ครั้งนี้คงยากเจ้าหน่อยนะ เพราะข้ายินยอม แต่เขาไม่ต้องการ การเป็นรองมันแสนเจ็บปวด เจ้าลิ้มลองมาแล้วนี่"
"ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีวันนั้น"
"ข้าก็อยากจะรอดูความสามารถของเจ้าเช่นกัน คนในโลกนี้ไม่ได้เขลานะ อาจู" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยจบก็ส่งรอยยิ้มหยันให้ ก่อนเดินจากไป และไม่สนใจว่าหรงเซียะเหม่ยที่มองตามหลังนางด้วยความกังวล