ตอนที่ 4 เรียกแด๊ดได้ไหมครับ
หลังจากเมื่อคืนที่ได้อ่อยคุณพนาจนนอนฝันหวาน ผมก็รีบตื่นขึ้นมาแต่เช้า หลังจากตื่นสิ่งแรกที่ผมทำคือหันไปมองวาโยว่าน้องตื่นรึยัง พอเห็นว่าน้องยังไม่ตื่นก็ทางสะดวก รีบออกจากห้องทันที
ทันทีที่ผมออกจากห้อง ผมก็ได้กลิ่นกาแฟลอยมาเตะจมูก จากตอนแรกที่คิดว่าจะไปหาคุณพนาที่ห้อง ผมก็เปลี่ยนเป้าหมาย เดินลงไปหาคุณพนาด้านล่างแทน
ตอนนี้คุณพนากำลังนั่งจิบกาแฟและน่าจะทำงานไปด้วย เห็นแบบนั้นผมก็จัดการปลดกระดุมตัวเองเม็ดสองเม็ดแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ โซฟาที่ยวบลงทำให้คุณพนาหันมามองผมด้วยหน้าตาสงสัย
“เธอตื่นเช้านะ”
“ครับ ผมทำงานเช้า เลยตื่นเช้าจนชิน” ผมยิ้มทักทาย ผมเพิ่งสังเกตว่าเวลาผมยั่วเยอะๆ คุณพนาจะชอบทำเป็นเมิน แต่เวลาผมพูดคุยด้วยท่าทีปกติคุณพนาจะยอมคุยกับผมมากกว่า
สงสัยคนแก่จะไม่ชอบให้รุกแรงแฮะ
“คำพนาทำอะไรอยู่เหรอครับ” ผมชะโงกดูไอแพดของคุณพนา แล้วพบว่าในหน้าจอของคุณพนาเป็นโปรแกรมออกแบบโครงสร้างหาปริมาณวัสดุ
“หืม คุณพนาเป็นวิศวะดีไซน์เหรอครับ” ผมถามด้วยความตื่นเต้นเพราะนี่เป็นงานที่ผมคิดว่าเรียนจบแล้วจะไปทำ ไม่คิดเลยว่าคุณว่าที่สามีจะทำงานสายเดียวกัน
“เปล่าหรอก ฉันเปิดบริษัทรับเหมา”
“ว้าว แบบนั้นยิ่งดีเลย อย่างนี้ผมก็ไปสมัครงานบริษัทคุณได้สิ” ผมขยับตัวเข้ามาชิดแล้วชะโงกมองจอด้วยความสนใจจนตัวแทบจะเกยอยู่บนตักของคุณพนา ความใกล้ชิดและการที่ตัวผมได้สัมผัสกับแขนคุณพนามันจึงทำให้ผมรู้ว่าแขนคุณพนาล่ำแค่ไหน
แบบนี้อุ้มผมได้สบายๆ แน่เลย
“เธอเรียนวิศวะเหรอ”
“ครับ ผมเป็นรุ่นพี่ที่คณะของวาโย แต่ตอนนี้ฝึกงานอยู่”
“แล้วฝึกอะไรอยู่” คุณพนาปิดจอโน้ตบุ๊กลงแล้วหันมาสนใจเรื่องงานของผม แววตาของคุณพนาที่มองมาที่ผมตอนนี้มันเหมือนว่าเขาสนใจผม และผมก็ชอบเวลาคนที่ผมสนใจเขาสนใจในตัวผมเหมือนกัน
“ตอนนี้ฝึกงานเครือโมเดิร์นเฮ้าส์ครับ ลงไซต์เป็นส่วนใหญ่”
“หืม? โมเดิร์นเฮ้าส์หรอ?”
“ครับ ทำไมเหรอ”
“เปล่า” คุณพนาทำหน้าแปลกๆ ตอนรู้ว่าผมฝึกงานที่ไหน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะเซ้าซี้เท่าไร
“แล้วชอบงานที่ทำรึเปล่า” คุณพนาถามต่อ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณพนาเป็นฝ่ายชวนผมคุยและตั้งคำถามกับผมก่อน
“ก็ชอบนะครับ แต่ไม่ได้มาก อันที่จริงผมไม่ได้กะอยากจะทำไซต์ แต่ไหนๆ ก็เรียนวิศวะโยธามาแล้ว คิดว่าอยากจะลองทำงานที่ไซต์แบบจริงจังสักครั้งเลยเลือกฝึกงานที่นี่ พอทำแล้วก็สนุกดี แต่บางทีก็ร้อน ผมไม่ชอบร้อนเท่าไร แถมยังทำงานหกวันด้วย เอ้อ แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากเลยครับ”
“อะไร”
“หนุ่มๆ เยอะ หล่อๆ ทั้งนั้นเลย” ผมว่าขำๆ คุณพนาส่ายหน้าไปมากับการล้อเล่นของผม ผมสังเกตว่าถึงแม้จะส่ายหน้าแต่คุณพนาไม่ได้กำลังทำหน้าเอือมผม ออกจะเหมือนเอ็นดูมากกว่า อ่า เดี๋ยวนะ เอ็นดูงั้นเหรอ
“แล้วถ้าไม่ชอบสายนี้ คิดว่าจบไปจะทำอะไรล่ะ”
“อยากทำวิศวะดีไซน์ครับ ผมชอบ”
“งั้นก็ตั้งใจฝึกงาน แล้วรีบๆ เรียนให้จบนะ” คุณพนาบอก ผมเองก็พยักหน้ารับด้วยหน้าตามุ่งมั่น แวบหนึ่งตอนผมทำหน้าตามุ่งมั่น ผมเห็นคุณพนาเหมือนจะอมยิ้มนิดๆ ด้วย และทันทีที่เห็นรอยยิ้มของคุณพ่อหน้านิ่ง จิตใจผมมันก็เหมือนกำลังหลุดลอยอย่างไรอย่างนั้น
ผมชอบคุณพนาจัง
พอคุยกับผมเสร็จ คุณพนาก็นั่งกินกาแฟต่อ คราวนี้ผมขยับตัวถอยออกให้คุณพนานั่งได้ถนัด แต่ก็ยังนั่งมองคุณพนาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ปกติผมจะมีความสุขตอนกำลังมีเซ็กซ์ หรือตอนที่ถูกแฟนเอาใจมากๆ แต่กับคุณพนา แค่ได้นั่งมองผมก็ยิ้มออกแล้ว
“เธอจะนั่งยิ้มแบบนั้นอีกนานรึเปล่า” คุณพนาถาม พอได้ยินคำถามผมก็ขยับตัวไปชิดคุณพนาอีกครั้ง
“ผมกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนตอนที่คุณขยับแตงกวาให้ มันฟินจนผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย” ผมแกล้งหยอกแต่คุณพนาไม่ได้ว่าอะไร ดูเหมือนกิจกรรมขยับแตงกวาและการพูดคุยกับงานของผมทำให้เราดูสนิทใจกันมากขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอนะ
“ทำไมเธอไม่เรียกฉันว่าอา พ่อ หรือลุงเหมือนเพื่อนคนอื่นของวาโย” คุณพนาเปลี่ยนเรื่อง ไม่ยอมพูดถึงแตงกวาของผมแล้วพูดเรื่องอื่นแทน ท่าทางที่คุณพนาถามไม่ใช่น้ำเสียงที่ดูถือตัวและไม่พอใจที่ผมไม่ใช่คำพวกนั้น แต่เป็นการถามด้วยความสงสัยมากกว่า
“ผมไม่อยากรู้สึกเหมือนคุณเป็นญาติผู้ใหญ่ ผมถนัดคำว่าคุณมากกว่า หรือถ้าจะให้เรียกอย่างอื่น อีกคำหนึ่งที่ผมพอจะถนัดก็คือคำว่าแด๊ดดี้ คุณอยากจะให้ผมเรียกไหมล่ะครับ”
ผมถามพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พอผมเอาหน้าเข้าใกล้คุณพนาก็หันมองไปทางอื่น เป็นแบบนี้อีกแล้ว เวลาผมอ้อนแล้วชอบมองไปทางอื่น นี่คุณพ่อสุดฮอตคงไม่ได้กำลังเขินผมใช่ไหมนะ
“เรียกคุณเหมือนเดิมเถอะ”
“ครับ ส่วนแด๊ดค่อยเอาไว้เรียกตอน...” ผมไม่ได้พูดต่อว่าจะเรียกตอนไหน คุณพนาเองก็ไม่ถามแต่หูของคุณพ่อสุดฮอตกลับดูแดงขึ้นแปลกๆ
จะน่ารักเกินไปแล้วนะคุณพนา
ผมนั่งดูคุณพนาทำงานอีกสักพักก็ขึ้นห้องไปหาวาโย จังหวะที่ผมเปิดประตูเข้าไปวาโยก็ตื่นพอดี
“ตื่นเร็วจัง มาให้ผมชื่นใจตอนเช้าหน่อยดิ” วาโยอ้าแขนให้ผมเดินเข้าไปหา ผมเองก็ยอมเดิมไปตามที่น้องมันต้องการ อ้อมแขนแกร่งกอดรัดผมแล้วจับผมนอนลงบนเตียงแล้วเริ่มซุกหน้าลงบนคอผมทันที
“อื้อ โย ไม่เอาแล้ว เมื่อคืนก็ทั้งคืนแล้วนะ” ผมพยายามดันหน้าวาโยไว้ ตอนนี้ผมยอมรับอย่างเต็มหัวใจว่าผมรู้สึกอินกับคุณพนามากๆ มันมากจนผมรู้สึกไม่อยากจะทำกับลูกอย่างวาโยแล้ว ถึงจะยังไม่เป็นอะไรกัน แต่ผมก็รู้สึกมโนไปเองแล้วว่าถ้าทำแบบนี้คือผมนอกใจคุณพนาอยู่ ซึ่งไม่ดีแน่ๆ ผมเกลียดการนอกใจ และผมจะไม่ทำด้วย
“ผมไม่นอนกับใครเกินหนึ่งคืน” วาโยบอกขณะที่ซุกหน้าลงกับคอผม คำพูดของวาโยทำผมสงสัยจนต้องจับใบหน้าของน้องไว้ แล้วเริ่มคุยกันดีๆ
“หมายความว่ายังไง”
“ผมไม่คิดอยากมีแฟนหรือชอบใครตอนนี้ ผมนอนแค่เอาสนุก แต่พี่เด็ดจนผมต้องยอมละเมิดกฎของตัวเอง แล้วเอาพี่มานอนกกเป็นคืนที่สองจนได้” วาโยอธิบาย พูดไปน้องก็ทำหน้าตาเหมือนขัดใจที่ตัวเองเผลอมาเอาผมรอบสอง
น้องอะแค่ขัดใจ แต่ผมเนี่ยสิ ฟังไปคิ้วก็เริ่มขมวด รู้สึกเครียดขึ้นมา หวังว่าวาโยจะแค่ติดใจเซ็กซ์จากผม อย่าคิดพิศวาสอะไรผมเลยเถอะ ไม่งั้นปัญหาตามมาแน่ๆ
“แล้ว?”
“แต่ถึงพี่จะเด็ดแค่ไหน แต่กฎของผมก็ยังสำคัญ เพราะฉะนั้นเราจะเอากันเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเราจะไม่ทำกันอีก” วาโยสรุป ข้อสรุปของวาโยทำผมโล่งใจมากๆ ที่วาโยไม่ได้ติดใจอะไรผมไปมากกว่านั้น
พอได้ยินแบบนี้จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้วาโยทำแล้วผมก็ยอมใจอ่อนจนได้ นับว่านี่เป็นเซ็กซ์ครั้งสุดท้ายระหว่างผมกับรุ่นน้องสุดหล่อ หลังจากนี้ถ้าผมได้เข้ามาในบ้านนี้อีกจะต้องเป็นฐานะใหม่ที่ไม่ใช่คู่นอนวาโย แต่เป็นเมียของคุณพนา
หลังจากทำกันเสร็จเราสองคนก็ลงมาด้านล่าง คุณพนาจึงบอกให้เราทั้งสองคนนั่งรอเพราะเขาจะทำอาหารเช้าให้ ผมก็เพิ่งรู้ว่าบ้านนี้คุณพ่อเขาทำอาหารให้คุณลูกกินด้วย เห็นแล้วก็แอบอิจฉาวาโยที่ได้กินอาหารฝีมือคุณพนา แต่นึกไปนึกมาก็ไม่อิจฉาดีกว่า เพราะผมไม่ได้อยากเป็นลูกแบบที่วาโยเป็นนี่
“ปกติพ่อเธอทำอาหารให้กินตลอดเลยเหรอ” พอคุณพนาเดินไปผมก็หันมาถามวาโย ตอนนี้น้องมันกำลังดูแข่งรถอยู่
“อื้ม พ่อเขาชอบทำอาหาร”
“ดีจัง งั้นพี่ไปช่วยพ่อเธอนะ”
“ตามใจ” วาโยตอบปัดๆ เพราะตอนนี้น้องมันกำลังสนใจแต่ทีวีอยู่
พอได้ยินวาโยอนุญาตผมก็รีบเดินตามคุณพนาเข้าไปในครัว ตอนนี้คุณพ่อสุดฮอตของผมกำลังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงชิโน ดูพร้อมจะออกจากบ้านมาก แต่ประเด็นคือท่ามกลางชุดที่ดูสุภาพนั้น ตอนนี้คุณพนากำลังใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายพิกเลต อ่า มันดูจะขัดแย้งกันไปไหมเนี่ย
“ผ้ากันเปื้อนคุณน่ารักดีนะครับ” ผมเดินไปยืนข้างๆ คุณพนาแล้วหันไปแซว พอผมพูดแบบนั้นคุณพนาก็ก้มมองผ้ากันเปื้อนของตนเอง ก่อนจะทำหน้าตาเหลอหลาเหมือนเขินกับลายผ้ากันเปื้อน
“ฉันจับสลากได้จากวันปีใหม่ที่บริษัทแล้วเสียดายเลยต้องใช้”
“ดีแล้วครับ คนเอาของชิ้นนี้มาต้องดีใจมากแน่ๆ ที่คุณใส่ออกมาแล้วน่ารักขนาดนี้” ผมชมแล้วยิ้มจนตาปิด คุณพนามองหน้าผมก่อนจะหันไปสนใจกับการหั่นผักต่อ
“ให้ผมช่วยนะครับ”
“เธอทำเป็นเหรอ”
“ผมเป็นลูกมือคุณก็ได้” ผมขยับไปใกล้แล้วทำท่าจะยื่นมือไปช่วยแต่คุณพนาจับมือผมไว้ก่อน
“ผมทำได้นะ แค่หั่นผักเอง” ผมหน้างอ อยากจะช่วยจริงๆ นะ แต่คุณพนาก็ยังไม่ยอมพูดอะไร ร่างสูงเดินไปทางโซนซักล้างด้านหลังก่อนจะกลับมาพร้อมผ้ากันเปื้อน
“ใส่ก่อน” คุณพนายื่นผ้ากันเปื้อนให้ผมแต่ผมไม่ยอมรับ แขนทั้งสองข้างอ้าออกแล้วรอให้คุณพนาเป็นคนใส่ให้ ในตอนแรกคุณพนาก็ยังนิ่ง แต่เห็นว่าผมยังยืนท่านั้นไม่ยอมเลิกเลยยอมใส่ให้ผม
คุณพนาใส่ผ้ากันเปื้อนให้ผมจากด้านหน้า จังหวะที่ต้องผูกเชือกด้านหลังผมก็ไม่ยอมหันหลังให้ เขาจึงต้องสอดมือเข้าข้างตัวผมแล้วผูกเชือกให้ ในท่านี้ทำให้ร่างกายเราสองคนใกล้ชิดกันจนผมได้กลิ่นหอมๆ ของคุณพนา
“จุ๊บ”
“นี่!” ผมเห็นคุณพนาอยู่ใกล้ๆ แล้วก็อดใจไม่ไหว โน้มหน้าเข้าไปจูบลงบนคอของคุณพนา ร่างสูงตกใจจนเผลอเอ็ดผมแต่ก็ไม่ได้ดูจริงจังนัก
“ขอบคุณไงครับ”
พูดจบผมก็เดินมาที่เคาน์เตอร์ ผมกำลังจะจับมีดคุณพนาก็เดินมาซ้อนตัวผมจากด้านหลัง แล้วจับมือผมย้ายมาที่ซิงก์ แล้วเปิดน้ำล้าง มือใหญ่ๆ ของคุณพนาค่อยๆ ลูบทำความสะอาดไปทั่วมือผม ผมไม่รู้ว่าตอนนี้คุณพนาคิดอะไรอยู่ เขาทำด้วยความบริสุทธิ์ใจรึเปล่า แต่ผมตอนนี้ไม่บริสุทธิ์ใจเลย จังหวะที่คุณพนาลูบมือไปตามมือผมมันทำให้ผมรู้สึกสยิวแปลกๆ
“หยุดคิดเรื่องทะลึ่งได้แล้ว” และเหมือนคุณพนาจะรู้ทันผม มือหนาจัดการปล่อยมือผมแล้วขยับตัวไปทำอย่างอื่นปล่อยให้ผมหั่นผักแทน
พอหั่นผักเสร็จผมก็ช่วยคุณพนาหยิบจับนั่นนี่นิดหน่อยไม่ได้มากเพราะผมเองก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็น นี่เป็นการทำอาหารครั้งแรกของผมก็ว่าได้ ถ้าไม่นับพวกมาม่า โจ๊ก หรือต้มไข่น่ะนะ
“ใกล้เสร็จแล้ว เธอไปรอที่โต๊ะก็ได้ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรทำผมยืนเป็นกำลังใจให้เฉยๆ ก็ได้” ผมถอยออกมาไม่ให้เกะกะ แล้วส่งยิ้มหวานให้คุณพนา ร่างสูงมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผมแล้วรีบหันไปทำอาหารต่อ เอาเถอะ คุณพนาจะไม่มองก็ไม่ต้องมอง แต่ผมจะยิ้มให้แบบนี้แหละ
“โย อาหารเสร็จแล้ว มากินข้าวเร็ว” หลังจากเรายกอาหารไปที่โต๊ะอาหาร ผมก็เรียกโยมากินข้าว
“อะไรเนี่ย น่ากินจัง” พอเรียกได้ไม่นานวาโยก็เดินเข้ามา
“มาดูสิ” น้องเดินมาด้านหลังผม แต่ไม่ได้ใส่ใจจะดูเท่าไรว่าอาหารคืออะไร แถมยังย่อตัวลงมาจูบที่คอผมอีก
“ผมหมายถึงอันนี้ที่น่ากิน” โยวางมือลงบนก้นผมแล้วยังเอาหน้าซุกอยู่ตรงคอผมจนผมต้องรีบกันไว้
ถึงแม้เราจะเคลียร์กันแล้วว่าต่างฝ่ายต่างไม่คิดอะไร และเราจะจบกันแค่นี้ แต่วาโยก็ยังคงทำตัวธรรมชาติ ยังหยอกล้อ ยังพูดจาทะลึ่งๆ กับผมเป็นปกติ มันก็ดีที่ไม่ทำให้ระหว่างเรามันเกิดความอึดอัด แต่ข้อเสียก็คือผมกลัวคุณพนาจะเข้าใจผิดว่าผมกับวาโยกิ๊กกันจริงจังเนี่ยสิ
“แล้วนี่พ่อจะไปไหนเนี่ย แต่งตัวเต็มยศเชียว”
วาโยถามก่อนจะนั่งลงข้างๆ คุณพนา ผมเลยนั่งลงตรงข้ามวาโย ผมเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อพ่อลูกสองคนนั่งข้างกันแล้วได้เทียบหน้ากันชัดๆ คุณพนาดูมีความไทยกว่าวาโย แต่วาโยเป็นลูกครึ่งที่หน้าดูออกไปทางฝรั่งมากกว่า ถ้าให้ผมเดาคุณแม่ของวาโยน่าจะเป็นชาวต่างชาติ
เอ แล้วแบบนี้หนุ่มไทยแบบผมจะถูกใจคุณพนาไหมเนี่ย
“พ่อจะออกไปทำธุระที่ธนาคาร”
“เอ้า พอดีเลย ถ้าแบบนั้นผมให้พี่บิ๊กติดรถออกไปกับพ่อได้ปะ รถมีคันเดียว ถ้ารอพ่อกลับมาแล้วค่อยไปส่งพี่บิ๊ก ผมกลัวพี่บิ๊กรอนาน” วาโยเสนอ ถ้าเป็นพ่อของคนอื่นผมคงเกรงใจรีบปฏิเสธ แต่พอเป็นคุณพนาแล้วละก็ ผมนี่ได้แต่ภาวนาในใจให้คุณพนาตกลงเลย
“แล้วบิ๊กไปแถวไหนล่ะ”
“หอพี่บิ๊กอยู่ทางผ่านธนาคารเลย ไม่ไกล”
“งั้นก็ได้” พอพ่อลูกตกลงกันเสร็จ ผมก็ได้แต่ยิ้มมีความสุขในใจแล้วรีบกินข้าวแบบดี๊ด๊าสุดๆ ข้าวมื้อนี้อร่อยเพราะว่าที่สามีทำ แถมได้เห็นหน้าว่าที่สามีไปด้วยตอนกิน พอกินเสร็จว่าที่สามีก็จะไปส่งอีก
ได้ดั่งใจจริงๆ เลย
หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็ได้บอกลาวาโยแล้วขึ้นรถมากับคุณพนา ทันทีที่ได้ขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วทั้งรถมีแต่เราผมก็รู้สึกตื่นเต้นอีกขึ้นมาทันที
“รบกวนหน่อยนะครับ” ผมหันไปยิ้มให้คุณพนา ร่างสูงทำแค่พยักหน้ารับแล้วทำท่าเหมือนจะออกรถ ก็หันมาเห็นก่อนว่าผมไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
“คาดเบลต์สิ”
“ช่วยหน่อยได้ไหมครับ” ผมนั่งเฉยไม่ยอมทำเอง พอคุณพนาเห็นว่าถ้าไม่ช่วยก็คงไม่ได้ไปไหนกันสักที คุณพ่อสุดฮอตของผมเลยโน้มตัวมาคาดเข็มขัดให้
ระหว่างที่คุณพนากำลังโน้มตัวมา ผมก็ใช้ความไวโอบรอบคอคุณพนาแล้วดึงตัวคุณพนาลงมา ริมฝีปากของผมทำงานอย่างว่องไวจูบตรงคอคุณพนาอย่างรวดเร็วจนคุณพนาไม่ทันได้ตั้งตัว
“ทำอะไรของเธอ!”
“เห็นคุณโน้มตัวมา นึกว่าคุณอยากจูบ” ผมตีหน้าใสซื่อแล้วปล่อยแขนออกจากคอคุณพนา แต่ระหว่างปล่อยก็ค่อยๆ เลื่อนมือลงอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน พอผมปล่อย คุณพนาก็กลับไปนั่งดีๆ แล้วเริ่มออกรถ
ตลอดทางที่ขับมา คุณพนาก็ไม่ได้พูดอะไรกับผม มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายถามก่อน แต่พอผมถามคุณพนาก็ตอบแล้วก็เงียบไป ต่างกับเมื่อเช้าที่ยังชวนผมคุย ยังถามเรื่องเรียน เรื่องงานของผม ทำไมจู่ๆ ก็ตึงไปนะ
“ตรงนี้จอดได้ใช่ไหม” ตอนนี้คุณพนาขับรถมาถึงหน้าหอผม ผมเองก็พยักหน้ารับ
“ได้ครับ แต่คุณจะไปจอดในลานจอดรถก็ได้นะ เผื่อคุณอยากขึ้นไปนั่งพักบนห้องผมก่อน” ผมโน้มหน้าไปใกล้ มือบางวางทับลงบนมือของคุณพนาที่กุมเกียร์อยู่แล้วลูบไล้เบาๆ
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เหนื่อย”
“แต่ผมอยากตอบแทนที่คุณอุตส่าห์มาส่ง” มือผมขยำมือคุณพนาที่กุมเกียร์รถอยู่ แล้วเลื่อนไปหมายจับเกียร์ของคุณพนาบ้างแต่คุณพนาก็มือไวกว่า คว้ามือผมไว้ได้ทัน อีกนิดเดียวจะได้จับแล้วเชียว
“บิ๊ก” น้ำเสียงดุๆ ถูกใช้เพื่อตำหนิผม มันน่าแปลกที่ผมเอากับลูกชายเขาโชว์ หรือแม้กระทั่งตอนที่ผมใช้แตงกวายั่ว คุณพนาไม่เห็นจะดุผมจริงจังแบบนี้ แต่ครั้งนี้กลับทำหน้าเครียดแล้วดุผมแบบจริงจังเลย
“ผมแค่อยากเล่นกับคุณเอง”
“บิ๊ก ฉันรุ่นพ่อเธอเลยนะ” คุณพนาไม่ได้ปฏิเสธตรงๆ แต่คำพูดกับน้ำเสียงของคุณพนามันทำเอาผมหน้าชายิ่งกว่าตำหนิผมออกมาตรงๆ ซะอีก
“คุณพนา”
“ลงได้แล้ว ฉันต้องรีบไปทำธุระต่อ” คุณพนาพูดนิ่งๆ เห็นแบบนั้นผมก็ไม่รอช้าเดินลงจากรถแล้วปิดประตูดังปึ้ง มันทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือทันทีที่ผมลงรถ คุณพนาก็ขับรถออกไปทันที ไม่คิดจะง้อผมสักนิด
เหมือนจะดีแล้วเชียว แล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย
---------------------------------------------------------------------
รู้นะ เรารู้นะว่าหลายๆ คนเข้ามาเพราะชอบเรื่องและคาดหวังฉากเข้าพระเข้านางของน้องบิ๊กกับคุณพนา จะบอกว่ามีแน่นอน แต่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเน้อ อยากดำเนินเรื่องแบบใจเย็นๆ และให้เห็นมุมอื่นๆ ของทั้งสองคนเยอะๆ อย่าเพิ่งงอแงเราน๊า
น้องบิ๊กกับคุณพนาแอบมาบ่อย ก็คือแต่งแล้วเพลินเลยมาบ่อย
เมา้มอยกันได้ที่ #แด๊ดดี้บิ๊กไซส์ นะคะ