ในระหว่างที่ร่างของเด็กสาวนอนหลับและกำลังฝันถึงเรื่องราวต่างๆ อยู่นั้น ร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น มีแสงสว่างมาห่อหุ้มร่างที่นอนอยู่เอาไว้จากร่างที่ดูผอมแห้งกลับค่อยๆ มีเนื้อหนังมากขึ้น รอบดวงตาที่เคยลึกและอ่อนล้าก็กลับมาเต็มอิ่มเปลือกตาสีชมพูอ่อน ขนตางอนยาว ขนคิ้วเข้มขึ้นได้รูปสวย แก้มที่เคยตอบกลับมาอิ่มเต็ม ริมฝีปากที่เคยแห้งแตกกลับมาชุ่มชื่นมีสีแดงสด จมูกและผิวหน้าบริเวณที่เคยลอกเป็นขุยก็กลับมาดูเรียบลื่น ผิวกายจากที่เคยขาวซีดก็ค่อยๆ กลับมาดูเนียนนุ่มอมชมพูอย่างคนที่มีสุขภาพดี การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่นาน และเหมือนกับว่าร่างนี้ก็เป็นเช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลย
นอกจากร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วอยู่ๆ ก็เกิดรัศมีของพลังปราณแผ่ออกมาจากร่างที่นอนอยู่ เริ่มแรกเกิดเป็นเส้นวงแหวนสีขาวหนึ่งวงหมุนเวียนรอบร่างเมื่อหมุนวนครบหนึ่งรอบ ก็เกิดวงแหวนวงที่สองและก็หมุนวนรอบร่างหนึ่งรอบพอครบ ก็เกิดวงที่สามและเกิดเหตุการณ์แบบนี้จนครบเก้าวง วงแหวนจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเงิน เมื่อวงแหวนสีเงินหมุนวนครบรอบก็เกิดประกายสีทองออกมาแต่วงแหวนกลับหยุดอยู่แค่นั้นและสลายหายไป
เปลือกตาของร่างเล็กที่นอนอยู่เริ่มขยับและลืมตาขึ้น เหมือนเหตุการณ์เดจาวูสิ่งที่มองเห็นคือม่านโปร่งสีชมพูอ่อนและเพดานไม้ เธอค่อยๆ หันหน้ามองไปด้านข้างก็พบโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ไม้ เหมือนที่เคยเห็นก่อนจะหลับไป สมองเริ่มประมวลผลเหตุการณ์ต่างๆ แต่ใจยังคิดว่าที่นี่อาจจะเป็นสถานพักฟื้นก็ได้
เตียงของโรงพยาบาลอาจจะเต็ม เธอค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่งมองรอบๆ ห้องอีกครั้งเผื่อจะมีนางพยาบาลหรือแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด แต่ทุกอย่างในห้องก็ยังคงเงียบและไร้ผู้คนเช่นเคย
คราวนี้เธอจึงตัดสินใจจะลุกออกไปด้านนอกห้อง เพื่อตามหาใครสักคนที่จะตอบข้อข้องใจนี่ให้ได้ เนื่องจากมีประสบการณ์เกือบจะล้มลงพื้นในคราวก่อน ครั้งนี้เธอจึงค่อยๆ เกาะเสาเตียงลุกขึ้นยืน แต่ไม่รู้เพราะระวังมากขึ้นหรืออย่างไร ถึงรู้สึกว่าร่างกายสามารถลุกขึ้นได้มั่นคงกว่าครั้งก่อน เมื่อก้มลงมองดูร่างกายตนเองก็ต้องแปลกใจ เพราะชุดที่ใส่คราวนี้ไม่ใช่สีขาวเหมือนเดิม แต่เป็นสีฟ้าอ่อนๆ ส่วนเนื้อผ้าก็ยังเป็นเนื้อผ้าแบบเดิม
เมื่อพิจารณาชุดที่สวมเรียบร้อยจึงมองเห็นมือของตัวเอง คราวก่อนมือดูผอมแห้งมีแต่กระดูกและผิวก็ขาวซีดมาก แต่ครั้งนี้กลับดูมีเนื้อหนังสมบูรณ์และสีผิวถึงแม้จะยังขาวเหมือนเดิมแต่ดูอมชมพูเหมือนคนสุขภาพดี เมื่อสงสัยจึงลองเดินไปที่กระจกบานเดิม
ภาพที่สะท้อนออกมายังคงเป็นเด็กผู้หญิงคนเดิมแต่สิ่งที่แปลกไปคือหน้าตาที่เคยเห็นว่าผอมแห้งดูไม่แข็งแรงเมื่อครั้งก่อน แต่ในครั้งนี้กลับดูแข็งแรงสมบูรณ์และดูงดงามขึ้นมาก ดวงตาดูกลมโตสดใส ริมฝีปากกระจับนั้นก็ดูแดงและชุ่มชื่น เธอได้แต่ตกใจกับสิ่งที่เห็นจึงลองยกมือขึ้นจับที่ใบหน้า ภาพในกระจกก็สะท้อนให้เห็นว่าเด็กผู้หญิงในกระจกก็จับใบหน้าตัวเองเช่นเดียวกัน
"นี่..คือความจริงใช่ไหมไม่ใช่ฝันไปใช่ไหม นี่ฉันตายแล้วและมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นอย่างงั้นรึ" เมื่อจบประโยคเธอก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนไขกุญแจมาจากทางด้านนอก สักพักก็ได้ยินเสียงเดินของคนหลายคนเสียงวางของและเสียงเหมือนมีคนเดินใกล้เข้ามาผ้าม่านด้านข้างก็ถูกแหวกออก
เธอมองไปเห็นหญิงสาวหลายคนเดินอยู่ในห้องโถงด้านข้าง มีหญิงสาวสองคนเดินมาที่ผ้าม่านและเอาไปผูกไว้ทั้งสองฝั่งแหวกตรงกลางให้เป็นทางเดิน เธอนับดูมีหญิงสาวอยู่สี่คนและผู้หญิงที่ดูมีอายุอีกหนึ่งคน ซึ่งกำลังให้หญิงสาวเหล่านั้นทำความสะอาดในห้องนั้น เมื่อเห็นทุกคนทำงานตามที่สั่งแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินมาทางที่เธอยืนอยู่ ผู้หญิงคนนั้นกวาดตามมองไปทั่วและมองเลยผ่านหน้าของเธอไป จนเดินไปถึงเตียงและก็แสดงอาการตกใจออกมา
"เอ๊ะ..คุณหนูหายไปไหน พวกเจ้าเข้ามาดูสิคุณหนูหายไปไหนเร็ว ๆ เข้า" เมื่อเดินไปถึงเตียงแต่ไม่พบคนที่นอนอยู่ หญิงคนนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจแถมเรียกให้หญิงสาวที่ทำงานอยู่วิ่งเข้ามาช่วยกันหา
"แย่แล้ว แย่แล้วคุณหนูหายไปไหนนี่ ทำยังไงดี นี่พวกเจ้าใครก็ได้วิ่งไปแจ้งนายหญิงประเดี๋ยวนี้" หญิงคนนั้นยังคงร้องอย่างตกอกตกใจพร้อมกับพลิกหาอะไรสักอย่างอยู่บนเตียง ข้างเตียง ใต้เตียง และเดินก้มมองหาอะไรสักอย่างมาทางที่เธอยืนอยู่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเห็นเธอก็ทำท่าทางตกใจและยืนอ้าปากค้างจนผ่านไปสักสิบวินาทีจึงร้องตะโกนเสียงดังออกมา
"ว้าย!!..คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว พวกเจ้ารีบไปแจ้งนายท่านกับนายหญิงว่าคุณหนูฟื้นแล้วเร็ว ๆ เข้า" ในตอนแรกเธอก็ยืนอยู่นิ่งๆ แต่พอได้ยินเสียงตะโกนก็ตกใจจนสะดุ้ง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็รีบเข้ามาประคองพาไปนั่งที่เตียงพร้อมกับจับแขนจับไหล่ ลูบหน้าลูบตัวของเธอเสียยกใหญ่พร้อมร้องไห้น้ำตาไหล แถมรำพึงรำพันอะไรที่เธอฟังไม่รู้เรื่องอีกมากมาย
จนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเดินมาฟังดูน่าจะหลายคนและเหมือนจะรีบร้อนมาก จนเสียงมาถึงห้องโถงด้านข้าง เธอหันไปมองเห็นคนหลายคน ทุกคนมองมาที่เธอด้วยสีหน้าตกใจแต่แล้วทุกคนก็ยิ้มกว้างเหมือนจะดีใจกันมาก
"มี่เอ๋อร์ ลูกฟื้นแล้วดีเหลือเกิน" คนที่พูดเป็นผู้หญิงอายุน่าจะสักสามสิบกว่าหน้าตางดงาม แม้จะมีร่องรอยเหนื่อยล้าแต่ก็ยังดูงดงามมากทีเดียว พอพูดจบประโยคก็เข้ามากอดเธอเอาไว้แนบอกลูบหลังลูบไหล่พร้อมกับสะอื้น
"ในที่สุดลูกก็ฟื้น..แม่สวดมนต์ภาวนาทุกวันขอให้ลูกฟื้นขึ้นมา คราวนี้ก็หมดเคราะห์กันสักทีนะลูกรัก" พูดไปก็กอดเธอร้องไห้สะอื้นไปด้วย จากที่ฟังมาดูท่าเธอคงได้มาเกิดใหม่ในร่างนี้จริง ๆ อย่างที่คิดไว้ ถามว่าตกใจไหมก็ต้องตกใจแหละแต่ว่าร่างเก่าก็ไม่ได้มีอะไรให้เป็นห่วงแล้ว ส่วนร่างนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างหายไปไหน
เธอจึงคิดในใจว่า 'อย่าได้กังวลอะไรเลยฉันจะดูแลร่างและครอบครัวให้เอง' เมื่อคิดจบทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่มีลมพัด ไม่มีเสียงตอบขอบใจ เธอได้แต่โล่งใจที่ไม่ต้องมีเหตุการณ์หลอนอะไรให้กลัว
เมื่อผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าแม่ได้กอดและร้องไห้จนพอใจแล้วก็ปล่อยตัวเธอออกจากอ้อมกอด เธอจึงมีโอกาสได้มองสำรวจคนอื่นๆ มีผู้ชายหน้าตาดีมากอายุน่าจะสักสามสิบกว่ามองมาด้วยสายตารักใคร่พร้อมกับเดินเข้ามาหาและวางมือไว้บนหัวและพูดว่า
"มี่เอ๋อร์ของพ่อฟื้นแล้ว พ่อรอลูกฟื้นมาตลอด มันช่างนานเหลือเกินลูกรัก" ผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าพ่อ พูดพร้อมกับลูบหัวของเธอไปด้วย เธอจึงเริ่มทำความเข้าใจว่านี่คือพ่อกับแม่ของร่างนี้สินะ
'หน้าตาดีทั้งคู่มิน่าร่างนี้ก็หน้าตาดีไม่ผิดกัน ดีใจจริงๆ ได้เกิดใหม่ในร่างที่หน้าตาดี แถมดูท่าว่าครอบครัวจะฐานะดีอีกด้วย นังมีมี่ไม่ต้องทนลำบากแล้ว แถมหน้าตาแบบนี้คงไม่ต้องขึ้นคานแล้วชาตินี้ ฮูเร่!'
เธอได้แต่ยิ้มในใจอย่างยินดีที่ได้มาเกิดใหม่ชาตินี้จะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเลยคอยดู และนี่น่าจะเป็นยุคจีนโบราณดูจากการแต่งกายและคำพูดที่พอจับใจความได้ อืม ดีนะเธออ่านนิยายมาเยอะแบบนี้ก็เนียนๆ สบายๆ ไปเลยสิ
"นายท่าน ท่านหมอฟางมาแล้วขอรับ" เธอได้ยินเสียงคนพูด จึงมองไปทางหลังม่านพบผู้ชายสองคน คนหนึ่งเป็นบุรุษวัยกลางคน อีกคนดูจะมีอายุมากกว่าซึ่งคนมีอายุสะพายย่ามอยู่ที่บ่าดูท่านี่คงจะเป็นท่านหมอฟาง
"ท่านหมอฟางเชิญด้านใน ช่วยตรวจอาการบุตรสาวให้ข้าที ว่าร่างกายนางเป็นอย่างไรบ้าง" ท่านพ่อกล่าวเชิญท่านหมอฟาง
ท่านหมอฟางพยักหน้ารับพร้อมเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างเตียง พร้อมนำผ้าสีขาวผืนบางออกมาวางบนข้อมือของเธอเพื่อจับชีพจร ท่านหมอจับชีพจรอยู่สักครู่จึงละมือออกพร้อมกับหันไปแจ้งท่านพ่อว่า
"เรียนนายท่านซานคุณหนูร่างกายแข็งแรงและปกติดีทุกอย่าง แถมข้ายังสัมผัสได้ถึงพลังปราณและพลังธาตุอีกด้วย" ท่านหมอกล่าวพลางประสานมือคารวะมาทางท่านพ่อ ท่านพ่อเมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบคารวะตอบด้วยรอยยิ้มดีใจ
"สัมผัสได้ถึงพลังปราณและมีพลังธาตุด้วย ส่วนร่างกายก็ปกติดี ช่างน่ายินดี ช่างน่ายินดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ท่านพ่อกล่าวและหัวเราะอย่างดีใจ
เธอเลยมองไปทางท่านแม่ ซึ่งท่านแม่ก็ยิ้มแย้มดีใจจนน้ำตาคลอเช่นกัน เมื่อมองไปทางคนอื่นๆ ก็เห็นผู้หญิงที่เป็นคนเจอเธอก็ดีใจจนร้องไห้พร้อมพึมพำขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ นานา ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีรอยยิ้มกันทุกคน
เมื่อเห็นแบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นดูท่าร่างนี้คงเป็นที่รักมากทีเดียว เมื่อสบายใจแล้วเธอก็รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ท่านหมอคงสังเกตเห็นจึงบอกว่าให้เธอพักผ่อนมากๆ ช่วงนี้ เพราะร่างกายเคยนอนอยู่นานจึงต้องปรับตัวอีกหน่อย ทุกคนได้แต่ขอบคุณท่านหมอ และท่านแม่ก็ประคองให้เธอนอนลงพอหัวถึงหมอนเธอก็หลับสนิททันที
รุ่งเช้าร่างที่นอนหลับอยู่ก็ค่อยๆ ขยับตัว เธอลืมตาขึ้นมองเห็นผ้าโปร่งและเพดานไม้ก็ให้ใจชื้นว่ายังอยู่ที่เดิมไม่ได้ฝันไป จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมองไปรอบๆ ห้องและก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินเข้ามา เป็นหญิงสาวสองคนในมือถือของคล้ายๆ อ่างน้ำและผ้าเดินเข้ามาหาที่เตียง
"คารวะคุณหนูให้บ่าวช่วยล้างหน้าแต่งตัวนะเจ้าคะ" หญิงสาวหนึ่งในสองคนพูดขึ้น ถึงแม้จะยังงงๆอยู่แต่ก็พยักหน้าให้พวกนางช่วยจัดการ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่นานพวกนางก็ช่วยเช็ดหน้าเอาน้ำชาหอมๆ มาให้บ้วนปาก
แล้วก็พาเธอเดินไปทางโต๊ะกระจกที่อยู่ปลายเตียงเพื่อไปยังอีกห้อง ห้องนี้มีฉากกั้นและอ่างไม้ที่มีน้ำอุ่นลอยดอกไม้จนเต็มวางเอาไว้ พวกนางทั้งสองก็มาช่วยกันถอดเสื้อและกางเกงออกซึ่งทีแรกเธอก็ตกใจแต่พอมาคิดว่าร่างนี้ยังเด็กและอีกอย่างเธอก็ไม่รู้วิธีพวกนี้ให้พวกนางช่วยไปก่อนพอทำเองได้ค่อยทำเอง
นอกจากเสื้อและกางเกงแล้วด้านในยังมีเอี๊ยมตัวเล็กปิดช่วงหน้าอกและกางเกงตัวสั้นอยู่ข้างในอีกด้วย แต่พวกนางไม่ได้ถอดมันออก กลับพาเดินลงไปในอ่างน้ำแล้วค่อยถอดออก เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยอยู่ในน้ำดอกไม้ก็ช่วยบังไม่ให้อับอายมาก จากนั้นพวกนางก็เอาผ้ามาขัดตัวให้ อยากจะบอกว่าอายไหมก็อายแต่มันสบายมากจริงๆ ถึงกับเคลิ้มจะหลับเลยทีเดียว
เมื่อพวกนางขัดจนพอใจแล้วก็เอาน้ำมาล้างตัว อีกคนหนึ่งก็คลี่ผ้าผืนใหญ่รอนอกถังน้ำตรงบันไดที่ใช้ขึ้นลง อีกคนก็ช่วยพยุงขึ้นเมื่อพ้นจากน้ำแล้วคนที่ถือผ้าก็รีบเอาผ้ามาคลุมร่างของเธอทันทีและก็พาไปด้านข้างซึ่งมีโต๊ะที่มีเสื้อผ้าใหม่วางอยู่ทั้งสองคนช่วยกันซับน้ำจากตัวจากนั้นก็ส่งกางเกงตัวในส่งมาให้ เธอจึงหยิบมาสวมโดยที่ผ้านั้นก็ยังคลุมตัวอยู่เมื่อสวมกางเกงตัวในเรียบร้อย ก็คล้ายผ้าออกคล้ายกระโจมพอให้ขยับแขนได้ง่ายขึ้นก็ส่งเอี๊ยมตัวเล็กมาให้ เธอจึงเอาเอี๊ยมคล้องไปที่คอและเอื้อมมือจะไปผูกเชือก แต่หนึ่งในสองคนนั้นก็มารับเชือกไปผูกให้จนเรียบร้อย
หลังจากนั้นจึงเก็บผ้าผืนนั้นไปและพวกเธอก็หันไปเอาขวดกระเบื้องใบหนึ่งมา เปิดจุกเทน้ำในขวดออกมาแล้วเอามาทาตามตัว ซึ่งเธอก็ได้กลิ่นตั้งแต่เปิดขวดแล้วว่าน่าจะเป็นน้ำมันหอมทาตัวเพราะทาแล้วมันเงาๆ และมีกลิ่นหอม ระหว่างที่คนหนึ่งทาอีกคนหนึ่งก็จะใช้พัดๆ เบาๆ เพื่อให้แห้งจะได้ไม่เหนอะหนะตัว เธอรู้สึกดีมากๆ จากตอนแรกที่รู้สึกว่ามันน่าอายที่ต้องแก้ผ้าให้ใครก็ไม่รู้ดู แต่นี่มันดีมากเพียงแต่จุดลับอะไรก็ต้องจัดการเองนะ
หลังจากน้ำมันหอมแห้งดีแล้วพวกนางก็เอาเสื้อผ้ามาใส่ให้ มีชุดแบบที่ใส่นอนหนึ่งชั้น วันนี้เป็นสีชมพู และก็มีเสื้อตัวนอกเป็นสีชมพูเข้มสวมทับมาเป็นตัวสุดท้ายและก็นำสายคาดเอวมาผูกเมื่อเสร็จแล้วก็พามาที่โต๊ะกระจกบานที่ตั้งอยู่ปลายเตียง
คนหนึ่งก็ค่อยๆ หวีผมให้ซึ่งผมของร่างนี้ยาวถึงกลางหลังเลยอีกคนก็ไปยกกล่องไม้ใบหนึ่งมาวางบนโต๊ะและก็เปิดออก จากนั้นก็ไปยกกล่องไม้มาอีกทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยกล่องไม้วางจนเต็ม
เธอจึงมองดูว่ามันคืออะไรแล้วก็ต้องตาโตเพราะทุกกล่องคือเครื่องประดับทั้งหมด มีตั้งแต่ผ้าผูกผม กิ๊บติดผม หวีเสียบ กำไล ต่างหู สร้อยคอ แหวน ป้ายหยกที่มีพู่ห้อย ซึ่งแต่ละชิ้นบ่งบอกได้ว่าเป็นของมีค่ามากขนาดไหน
"คุณหนูชอบชิ้นไหนเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวจะใส่ให้" หนึ่งในสองคนนั้นเอ่ยถาม
"ฉัน เอ๊ย ข้าเลือกไม่ถูก เจ้าลองเลือกมาเถอะถ้าข้าไม่ชอบจะบอก" เธอตอบกลับไปก็คนไม่เคยจะรู้ได้ยังไงต้องเลือกอะไรแบบไหน มีทั้งหยก ทอง เงิน ไข่มุกแต่ละชิ้นก็ดูแพงๆ ทั้งนั้น เกิดหยิบแล้วมันไม่เข้ากันก็ไม่สวยนะซิ
หลังจากพูดจบคนที่ถามก็ก้มเลือกของแต่ละชิ้นใส่ถาดใบเล็กที่ถือไว้ส่วนอีกคนก็หวีผมเสร็จและกำลังถักเปียสองข้างให้ ซึ่งเธอพอใจมากนึกว่าจะมัดหมวยเป็นซาลาเปาให้ แหมเด็กทำมันก็น่ารักแหละแต่เธอเองก็แก่แล้วขอทำใจสักนิดค่อยๆ หัดแบ๊วละกัน
หลังจากการแต่งตัวที่ยาวนานในที่สุดก็เสร็จสักที ฉันถึงกับถอนหายใจก็แหม กว่าจะทำเสร็จแต่ละอย่าง มิน่าในนิยายถึงบรรยายว่าใช้เวลาเป็นชั่วยาม เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็มองตัวเองในกระจกพบเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าชังแต่งตัวงดงามกำลังยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อแต่งตัวแล้วต่อไปก็ต้องหาอะไรกินสินะ ว่าแต่ร่างนี้นอนไปนานแค่ไหนกันแล้วกินยังไง แล้วครอบครัวนี้นอกจากแซ่ซานเธอก็ยังไม่รู้อะไรอีกเลย
ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหญิงสาวทั้งสองคนก็พาเธอเดินออกมาจากห้อง เธอจึงได้เห็นว่าข้างนอกเป็นอย่างไร จะเป็นอย่างไรก็เป็นสถานที่ที่สวยมากเลย มีสวนดอกไม้หลากสีข้างทางเดิน มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงามีโต๊ะเก้าอี้หิน วางไว้มีศาลาเล็กๆ ข้างบ่อน้ำที่มีดอกบัวกำลังออกดอกงดงาม เมื่อหันไปมองด้านหลังก็เห็นเป็นเรือนขนาดไม่ใหญ่มากแต่ดูแข็งแรงงดงามโชคดีจริงๆ มีแต่ของสวยงามเต็มไปหมด
ทั้งสองคนช่วยกันประคองพาเธอเดินไปตามทางจนมาถึงประตูที่เป็นวงกลม ซึ่งเหมือนกับว่านี่คงเป็นประตูหน้าเรือน พอเดินออกมาก็พบสวนหิน บ่อน้ำใหญ่ที่เชื่อมกับบ่อน้ำบ่อเล็กในเรือน มีศาลาหลังใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งยื่นลงไปบนบ่อน้ำมีทางเดินปูด้วยหินงดงาม ด้านหน้าไม่ไกลมีเรือนใหญ่สองหลังตั้งอยู่ซ้ายและขวาและบริเวณนี้ยังมองเห็นหลังคาเรือนอื่นๆ อีกด้วย
เมื่อเดินมาจนถึงเรือนใหญ่ฝั่งขวามือสองสาวก็พาเข้าไปในห้องห้องหนึ่งซึ่งเธออ่านป้ายหน้าเรือนได้ว่าเรือนคลายหิว ตั้งชื่อได้ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นเรือนอะไร เมื่อเข้ามาก็เจอห้องกว้าง ๆ ที่น่าจะจุคนได้หลายสิบถึงร้อยคนเลยทีเดียว มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้เกือบเต็ม สองสาวพาเดินไปทางด้านซ้ายของห้องใหญ่จึงพบกับห้องที่มีขนาดเล็กกว่า กลางห้องมีโต๊ะวางอยู่หนึ่งตัวและบนเก้าอี้ก็มีคนนั่งอยู่บ้างแล้ว สองในนั้นคือท่านพ่อท่านแม่นั้นเอง
********