เกวลินถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาสวย รูปร่างดี ไม่ได้ขี้เหร่อย่างที่นพเก้าพูดกับแสงเพชร เพียงแต่ความสวยถูกแว่นตาหนาเตอะบดบังเอาไว้
เธอสายตาสั้นมาตั้งแต่ช่วงเรียนจึงจำเป็นต้องสวมแว่นอยู่ตลอด แว่นตาแทบจะเป็นอวัยวะที่สามสิบสามของเธอก็ว่าได้ ส่วนคอนแท็กต์เลนส์เธอจะใส่ยามจำเป็นจริงๆ เท่านั้น อีกอย่างเธอไม่ค่อยชอบเพราะใส่แล้วมันปวดตา
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังตั้งใจทำงาน จดจ่ออยู่กับข้อมูลในคอมพิวเตอร์ก็ถูกเจ้านายเรียกเข้าไปคุยในห้อง
เกวลินหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที หลังจากที่รู้ว่านพเก้าจะให้เธอไปงานเลี้ยงในช่วงค่ำของวันนี้ด้วยคน
“แล้วพี่แมนดี้ล่ะคะ ทำไมต้องให้เกลไปแทน” เกวลินถามถึงมานะ เพราะปกติเวลาต้องไปร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ เจ้านายจะหนีบเลขาคู่ใจไปด้วยเสมอ
“คุณแมนดี้ติดธุระด่วน ทำไมเจ้านายสั่งคุณทำไม่ได้”
ชายหนุ่มถามราวกับไม่พอใจทำให้ลูกน้องสาวต้องรีบอธิบาย เธอเหรอจะปฏิเสธได้ ถ้าไม่อยากตกงาน เจ้านายสั่งก็ต้องทำตาม
“บอสขาไม่ใช่เกลทำไม่ได้ แต่อยากรู้ว่าทำไมก็เท่านั้นเอง”
หญิงสาวยิ้มหวานเอาใจชายหนุ่ม ทั้งที่ในใจกำลังพ่นคำด่าเป็นชุด อีตาบอสเรื่องมาก อีตาบอสชอบเข้าสังคม อาทิตย์หนึ่งมีเจ็ดวันไปงานร่วมงานสังสรรค์แล้วห้าวัน ดีจริงๆ ที่เธอเป็นแค่ผู้ช่วยเลขาจึงไม่ต้องตามติดเขาไปทุกที่อย่างมานะ
“ตกลงคุณไปได้ใช่ไหม ไม่มีปัญหาอะไรนะ” ยังมาถามอีกนะอีตาบอสสุดหล่อ เกวลินบ่นในใจก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ หากเธอมีปัญหาก็ตกงานสิ
“ไม่มีค่ะบอสขา เกลไปได้สบายอยู่แล้ว ไปกี่โมงคะเกลจะได้เผื่อเวลาไปแต่งตัวหาชุดสวยๆ ใส่”
“ช่วงเย็นๆ หน่อยแต่เรื่องชุดกับแต่งหน้าคุณไม่ต้องเดือดร้อน ผมจัดการให้แล้ว หลังจากเราออกไปกินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็ไปร้านที่ผมนัดเอาไว้เลย”
“จะออกไปตั้งแต่เที่ยงเลยเหรอคะ”
“ครับ เผื่อเวลาหน่อยจะได้ไม่ไปงานสาย คุณมีปัญหาเหรอ”
“ไม่มีเลยค่ะ บอสว่ายังไงเกลก็ว่าตามนั้น”
“งั้นประมาณสิบเอ็ดโมงคุณก็เตรียมตัวได้เลย”
“ค่ะ บอสมีอะไรจะสั่งเกลอีกไหมคะ ถ้าไม่มีเกลขอตัวไปทำงานที่ค้างก่อน”
“ไม่มีครับ เชิญคุณเกลไปทำงานเถอะ”
สิ้นคำอนุญาตของเจ้านายลูกน้องสาวก็ตรงดิ่งไปทางประตู นพเก้ามองแผ่นหลังของเกวลินห่างออกไปจนลับสายตาถึงได้ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดของเพื่อนรัก
ไอ้คุณแสงเพชรจะให้เขาจีบเธออย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะเกวลินไม่ใช่สเป็ก เธอสวยก็จริงแต่หน้าอกเล็กไปหน่อย รูปร่างก็ผอมบาง ผิวก็ขาวเกิน เขาไม่ชอบ เขาชอบผู้หญิงผิวสีแทน มีน้ำมีนวล จับเต็มไม้เต็มมือ แบบยัยผู้ช่วยเลขาขอปัดตก
หลังกลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเองหญิงสาวก็รีบเอาโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาสิริวิมลเพื่อแจ้งข่าวร้าย เย็นนี้เธอไปช่วยย้ายของไม่ได้แล้ว เนื่องจากต้องไปงานเลี้ยงกับบอสขา ไม่รู้จะได้กลับเวลาไหนด้วยซ้ำ
เมื่อคุยกับเพื่อนเรียบร้อยเธอก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกับที่มานะเดินเข้ามาหาพอดี ชายหนุ่มเห็นหน้าเพื่อนร่วมงานดูเซ็งๆ ก็พอจะเดาได้
ถึงจะรู้สึกสงสารอย่างไรแต่วันนี้เขามีธุระสำคัญจริงๆ ไม่สามารถละทิ้งธุระได้ จำเป็นต้องยกหน้าที่ดูแลเจ้านายให้เกวลิน
“ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้นล่ะคุณน้องเกลขา”
“ก็เพราะพี่แมนดี้นั่นแหละค่ะ ติดธุระทำให้เกลต้องไปงานแทน” เธอทำหน้างอแต่ไม่ได้โทษเขาจริงจัง
“โซซอร์รีนะคะคุณน้องเกลขา วันนี้วันเกิดคุณหลัว พี่แมนดี้ต้องไปดินเนอร์กับเขาค่ะ ฝากคุณน้องดูแลบอสขาให้หน่อยนะคะ”
“งุ้ย อิจฉาคนมีหลัวจริงๆ เลยค่ะ คืนนี้คงได้กินทั้งของคาวของหวาน ชิมิ” เกวลินหัวเราะคิกเมื่อเห็นแก้มสากของเพื่อนร่วมงานเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเพราะความขวยเขิน มานะเอามือขึ้นมาทัดผมเหน็บไว้ตรงใบหูราวกับตัวเองผมยาวสลวยพลางบิดตัวไปมา
“คุณน้องก็...จะเหลือเหรอคะ หนูต้องหาหลัวบ้างนะคะลูกสาวชีวิตจะได้มีรสชาติซู่ซ่า” คิดถึงเรื่องบนเตียงแล้วรู้สึกตื่นตัว เขาอยากให้เกวลินมีคนรักบ้างจังชีวิตจะได้ครบรส ไม่ใช่เอาแต่ทำงานงกๆ จนไม่รู้จักความรัก
“เกลก็อยากมีอยู่หรอกค่ะพี่แมนดี้ แต่สวรรค์ไม่ประทานมาสักทีจะให้เกลทำยังไงล่ะคะ เฮ้อ” หรือเธอต้องไปมูขอเหมือนกับเหล่าเพื่อนพ้องที่ชอบโพสต์อวดหลัว (ผัว) ผ่านโลกโซเชียล
“ไม่ต้องรีบค่ะคุณน้อง คนที่ใช่จะมาในเวลาที่เหมาะสม”
“ถูกต้องค่ะพี่แมนดี้ขา งั้นรอต่อไปค่ะ”
อันที่จริงเกวลินไม่ได้คิดจะมีคนรักหรอกเพียงแต่หาเรื่องมาเมาท์มอยกับเพื่อนร่วมงานชายใจหญิงก็เท่านั้น เธอปล่อยให้บุญวาสนาเป็นตัวกำหนดดีกว่า
หากสวรรค์อยากให้มีคู่เดี๋ยวก็ส่งมาเองแหละ ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนร้องขอหรือวิ่งไปขอพรจากไหน เพราะเธอเองก็เชื่อว่าคนที่ใช่จะมาในเวลาที่เหมาะสม สวรรค์อาจจะประทานมาตอนอายุเจ็ดสิบก็เป็นได้ใครจะไปรู้ แต่ถ้าจะมอบให้ตอนนั้นเธอขอแก่ตายคนเดียวดีกว่า
เวลาผ่านไปกระทั่งถึงสิบเอ็ดโมงเจ้านายก็เดินออกมาจากห้องทำงาน จากนั้นก็สั่งให้คนขับรถมารับตนเองกับผู้ช่วยเลขาบริเวณหน้าอาคาร
บริษัทเดอะคิงส์คอนดอมตั้งอยู่ในตึกจีทีพีซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าสำหรับบริษัท เป็นตึกของตระกูลจิรทิปต์พงศากุลของแสงเพชร ตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าและรถไฟฟ้า ค่อนข้างสะดวกในการเดินทางมาก
ร้านอาหารที่นพเก้าพาเกวลินมากินข้าวเที่ยงเป็นร้านสไตล์อิตาเลียน ค่อนข้างหรูมีระดับเพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาใช้บริการก็ต้องเป็นลูกค้ากระเป๋าหนักและชอบความหรูหราซึ่งตรงข้ามกับเกวลิน
ด้วยความที่ไม่รู้จะสั่งอะไรหญิงสาวจึงให้ชายหนุ่มเป็นคนจัดการ โดยใช้คำพูดที่ว่าเธอเป็นคนง่ายๆ กินอะไรก็ได้ แต่ในความเป็นจริงหลังจากอาหารมาเสิร์ฟเธอแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย
“ทำไมคุณไม่ค่อยกินเลย ไม่ชอบเหรอหรือว่าไม่อร่อย”
นพเก้าถามขึ้นมาหลังจากเห็นหญิงสาวตักอาหารในจานเหมือนคนไม่หิวทั้งที่ตอนอยู่ในรถเธอบ่นว่าหิวข้าวมาก เพราะตอนเช้ารีบมาทำงานจึงไม่ทันหาอะไรรองท้อง
“มันก็อร่อยค่ะ แต่เกลไม่ค่อยชอบกินอาหารอิตาเลียน”
เธอบอกเขาตามตรงพลางแสดงสีหน้าเกรงใจ ใช่ว่าอาหารของทางร้านจะไม่ดีเพียงแต่เธอไม่คุ้นชินกับอาหารเหล่านี้จึงรู้สึกกินแล้วกลืนไม่ค่อยลง
“ผมขอโทษ ผมลืมถามคุณว่าอยากกินอะไร” เจ้านายรู้สึกผิดขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองจัดแจงทุกอย่างโดยไม่ได้ถามลูกน้องสักคำ สีหน้าของนพเก้าทำให้เกวลินต้องยกมือขึ้นโบก
“ไม่เป็นไรค่ะบอสขา เกลกินได้ไหนๆ ก็สั่งแล้วถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ” อาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้ถ้าไม่กินก็เสียดายแย่
“แล้วปกติคุณชอบกินอาหารแบบไหน เผื่อต่อไปผมจะได้พาไปถูกร้าน” เขาถามด้วยความอยากรู้ เพราะปกติสาวๆ ที่เคยคบด้วยมักจะชอบร้านแบบนี้
“ก็ข้าวตามสั่งร้านทั่วไป ส้มตำไก่ย่าง อะไรก็ได้ที่เป็นข้าว ไม่ใช่สเต๊กหรือสปาเกตตี มันเข้าไม่ถึงอะค่ะบอส จะว่าเกลบ้านนอกก็ได้นะคะ มันไม่ถูกปากเลย”
แค่คิดถึงส้มตำของคุณป้าที่ขายอยู่ในซอยน้ำลายก็สอขึ้นมาทันทีก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ภาพควันของไก่ปิ้งบนเตาร้อนๆ ลอยอยู่ในหัว ส้มตำจ๋า ไก่ย่างจ๋า เกลอยากกินเหลือเกิน แต่ตอนนี้เธอทำได้แค่คิดในใจเท่านั้น
ฮือๆ สาบานพรุ่งนี้เธอจะไม่กินอย่างอื่นนอกจากส้มตำ
“ผมจะจำเอาไว้ วันนี้คุณกินได้แน่นะ ถ้าไม่ได้เราไปหาอย่างอื่นกินกัน ผมไม่มีปัญหา” เจ้านายถามด้วยความเป็นห่วง
“กินได้แน่นอนค่ะ เดี๋ยวจะกินให้หมดเลย”
หญิงสาวยิ้มตาหยีก่อนจะตัดเนื้อในจานออกเป็นชิ้นๆ แล้วตักเข้าปาก จากนั้นก็เคี้ยวถึงแม้จะไม่ค่อยชอบแต่กินได้
ชายหนุ่มเห็นอาการเธอแล้วก็แอบสงสาร ทว่าเขายังไม่ทันจะอ้าปากพูดต่อ กลับได้ยินเสียงทักทายมาจากข้างหลังจึงหันไปมอง ดวงตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอคนที่ตัวเองเกลียดอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานานนับปี
“เจนนี่” ชายหนุ่มเรียกชื่อเล่นแขกไม่ได้รับเชิญด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาที่ใช้มองเธอไม่ปิดบังความรังเกียจ
เจนนี่ หรือ เจนนิตาทำเมินสายตาคู่นั่น เพราะไม่อยากเก็บเอามาใส่ใจ เธอยิ้มหวานให้เขาแต่เขากลับทำหน้าดุใส่ ไม่เหมือนในอดีตที่เขาเอ็นดูเธอไม่ต่างจากน้องสาวคนหนึ่ง
“สวัสดีค่ะพี่เก้า เจนนี่เอง”
“คุณกลับมาทำไม มาเที่ยว?”
“เปล่าค่ะ กลับมาอยู่ถาวร”
“สามีของคุณไม่ว่าเหรอ”
“เราหย่ากันแล้วค่ะ”
“หย่าแล้ว”
“ค่ะ เจนนี่กลับมาทวงหัวใจคืน”
“อย่าฝันไปเลย คนอย่างไอ้ตินเจ็บแล้วจำ”
“ไม่ลองก็ไม่รู้ค่ะ คนอย่างเจนนี่อยากได้อะไรก็ต้องได้”