สิริวิมลตื่นขึ้นมาในช่วงเที่ยงของอีกวัน หลังจากโดนแสงเพชรใช้เป็นยาทดลองเรื่องนกเขาไม่ขันอยู่ทั้งคืน เธอเบ้หน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงอาการตึงๆ ตรงหว่างขา ก่อนจะเอามือขึ้นมาทุบศีรษะเบาๆ เพราะมีอาการมึนหัวเล็กน้อยอาจจะเกิดจากเหล้าที่ดื่มเข้าไป
“ตื่นแล้วเหรอคุณ” เจ้าของใบหน้าละมุนหล่อสะอาดราวกับคนอาบน้ำวันละหลายรอบเอ่ยทัก หลังจากเห็นคนบนเตียงลืมตาตื่นพร้อมบิดขี้เกียจ
“คุณดัสติน” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้เหลือเพียงศีรษะเท่านั้น เธอมองเขาด้วยความเขินอายเมื่อเห็นเขามองมาด้วยสายตาระยิบระยับ
“ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ”
“...” เธอไม่พูดแต่พยักหน้ารับแทน
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องเมื่อคืน แต่ผมอยากให้คุณอาบน้ำก่อน”
“ค่ะ แล้วชุดของมินนี่”
“ผมวางไว้ในห้องแต่งตัวแล้ว”
“เอ่อคุณออกไปก่อนได้ไหม”
“ทำไมครับ”
“ก็มินนี่จะไปเข้าห้องน้ำ มันโป๊”
“ได้ครับ แต่จริงๆ ไม่ต้องอายก็ได้นะ”
“คุณดัสติน!”
หญิงสาวแผดเสียงใส่ด้วยความเคอะเขิน หลังจากเห็นสายตาดุจเสือหิวของผู้ชายที่เพิ่งรู้จักยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง
คนบ้ามาพูดกับเธอแบบนี้ได้อย่างไร เมื่อคืนเธอเมาหรอกแต่ตอนนี้สติครบถ้วนสมบูรณ์ดี ใครจะกล้าหอบร่างกายไร้เสื้อผ้าเดินลงจากเตียงทั้งที่มีผู้ชายนั่งมองอยู่กันเล่า
“ออกไปสิคะมินนี่อยากอาบน้ำแล้ว”
“ให้ผมเข้าไปช่วยคุณถูสบู่ดีไหม”
“ไม่ต้องค่ะ มินนี่อาบเองได้ เชิญ”
แสงเพชรแอบยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนตามคำสั่งแล้วไปรอสิริวิมลอยู่บนโซฟาบริเวณห้องรับแขกแทน อันที่จริงห้องนี้เขาไม่ได้อยู่ประจำมีไว้สำหรับเรื่องบนเตียงเท่านั้นซึ่งไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาอยากมีเซ็กซ์อีกเลยนับตั้งแต่ป่วยเมื่อหลายปีก่อนหลังจากเลิกรากับอดีตคนรักที่เกือบจะเข้าประตูวิวาห์
สิริวิมลเดินเข้ามาในห้องน้ำเห็นสภาพตัวเองในกระจกแล้วอยากจะร้องกรี๊ด ไม่รู้ผีห่าซาตานตัวไหนเข้าครอบงำถึงทำให้เธอยอมมอบความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าอย่างแสงเพชร
เธอมองรอยจูบบนอกอวบแล้วรู้สึกเสียวท้องน้อย ร่างกายร้อนวูบวาบไปหมดโดยเฉพาะตรงใจกลางความเป็นสาว ไหนจะความฉ่ำแฉะที่ยังหลงเหลือเป็นหลักฐาน ภาพเมื่อคืนวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหาย รวมถึงเสียงคราง เสียงเนื้อกระทบกัน ยังดังกึกก้องอยู่ในหู คิดแล้วก็อายเหลือเกิน
“ช่างมันเถอะ ถือว่าหาประสบการณ์ชีวิตก็แล้วกัน เผื่อไปเจอเนื้อคู่จะได้เก่งๆ ไม่อ่อนหัด” คำปลอบโยนมาพร้อมกับอาการเชิดหน้าไม่แคร์ สิริวิมลเป็นคนที่มีนิสัยแมนๆ ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องปล่อยไปตามนั้นจะมามัวเศร้าเสียใจทำไม
เธอใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ออกมานั่งอยู่ตรงหน้าแสงเพชรที่แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจดเท้า แต่เพราะเมื่อคืนใช้พลังงานเยอะทำให้สิริวิมลเลือกจะขอไปกินข้าวก่อนเพราะท้องร้องโครกครากบ่งบอกถึงความหิว
ชายหนุ่มจึงเดินนำหญิงสาวมาที่ห้องครัว เขาได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้เธอหมดแล้ว
“ตามสบายเลยนะครับ”
“อาหารบนโต๊ะนี้คุณให้มินนี่กินคนเดียวเหรอคะ”
“ใช่ครับ ผมไม่รู้คุณชอบกินอะไร ก็เลยสั่งให้คนจัดมาพอเป็นพิธี” คำว่าพอเป็นพิธีทำให้หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ปากอ้ากว้างด้วยความงุนงง พอเป็นพิธีของเราไม่เท่ากันใช่ไหม สำหรับเธอแบบนี้เรียกว่าพิธีบวงสรวง
“แน่ใจนะคะว่าพอเป็นพิธี”
“ครับ ไม่กี่อย่างเอง”
“พิธีบวงสรวงใช่ไหมคะ เยอะขนาดนี้ใครจะกินหมด”
“ไม่หมดก็ทิ้งไม่เห็นต้องสนใจเลย”
หญิงสาวอ้าปากค้างตาโตกับคำตอบของคนหน้าหล่อ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาน่าจะมีเงินแต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว คิดว่าเขาน่าจะรวยมาก
สิริวิมลขี้เกียจเถียงกลับจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้แล้วค่อยๆ ตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก ความอร่อยบวกกับความเหนื่อยทำให้เธอกินจนข้าวหมดจาน แถมยังขอเติมข้าวอีกต่างหาก ตอนแรกคิดว่าอาหารตรงหน้าจะไม่หมดแต่ที่ไหนได้เกลี้ยงทุกจาน
“เห็นตัวเล็กแบบนี้คุณกินเก่งเหมือนกันนะ”
“ก็คนมันหิว อีกอย่างมินนี่เสียดายของ”
“คุณอิ่มแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ อิ่มมากแล้วก็อร่อยทุกเมนู” เธอเอามือขึ้นมาลูบพุงอย่างไม่อายทำให้เขาหลุดยิ้ม เกิดมาแสงเพชรยังไม่เคยเจอสาวสวยคนไหนเป็นแบบสิริวิมลเลย ทั้งไม่ห่วงสวย ทั้งกินเยอะ ว่าไปก็เป็นคนสวยที่แปลกดี แปลกจนสามารถทำให้คนอย่างเขาสนใจ
“ในเมื่อคุณอิ่มแล้ว เรามาคุยกันต่อดีกว่า” น้ำเสียงเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อเข้าสู่โหมดเป็นการเป็นงานสมกับเป็นเจ้าของบริษัทผลิตถุงยางอนามัยที่ส่งขายไปทั่วโลก
“คุณอยากคุยอะไรกับมินนี่คะ ถ้าเรื่องรับผิดชอบไม่ต้องค่ะ มินนี่ไม่ต้องการ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเรื่องไม่ได้เกิดจากเขาแต่เป็นเธอเองที่อยากหาประสบการณ์
“คุณคิดว่าผมเป็นคนดีขนาดนั้นเชียว” ชายหนุ่มยกยิ้มตรงมุมปาก ก่อนจะคว้าแก้วน้ำตรงหน้ามาดื่ม
“แล้วคุณดัสตินไม่ใช่คนดีเหรอคะ” เธอถามกลับด้วยความอยากรู้ มีมนุษย์คนไหนบ้างที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกคนล้วนมีทั้งความชั่วและความดีอยู่ในตัว เธอเองก็เช่นกัน
“ครับ ผมไม่ใช่คนดี”
“เชื่อค่ะ แล้วเรื่องที่จะคุยคือ”
“ผมอยากเลี้ยงดูคุณ เงินแล้วแต่คุณต้องการ”
“เลี้ยงดู! หมายถึงเป็นอีหนูเหรอคะ”
“ผมยังไม่มีเมียคุณจะเป็นอีหนูได้ยังไง”
“แล้วทำไมถึงอยากเลี้ยงดูมินนี่” คำถามของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ ไม่รู้จะเอาอย่างไรดีบอกหรือไม่บอก
แสงเพชรอยู่ระหว่างการชั่งใจจะบอกเธอดีไหมว่าเขาป่วย เพราะแม้แต่คนในครอบครัวยังไม่รู้เลย มีเพียงคนเดียวที่รู้คือเพื่อนสนิทที่มีชื่อว่า นพเก้า
เขาลังเลใจกลัวเธอจะเอาเรื่องนี้ไปโพนทะนาหาผลประโยชน์ หากมีคนรู้ว่าเขาเป็นโรคนกเขาไม่ขันได้เอาปี๊บมาคลุมหัวแน่ จบเลยชีวิตสุดเพอร์เฟกต์ของซีอีโอบริษัทถุงยางอนามัย
“ผมบอกความลับคุณก็ได้ แต่คุณต้องสัญญาห้ามบอกใคร”
สุดท้ายก็ต้องยอมพูดหลังจากกลอกตาคิดไปมาอยู่หลายนาที เขาคิดว่าถ้าอยากหายป่วยก็ต้องบอกเธอ
สิริวิลขมวดคิ้วมุ่นอยากรู้ใจจะขาดว่าชายหนุ่มสุดหล่อที่มีหน้าตาออกไปทางฝั่งตะวันตกเก็บงำความลับเรื่องอะไร ทำไมถึงดูเหมือนเขาลำบากใจที่จะพูด
“ค่ะ สัญญาคนอย่างมินนี่ไม่พูดแน่นอน”
“ผมเป็นโรค เอ่อ โรคนกเขาไม่ขัน”
“โรคนกเขาไม่ขัน หมายถึงตรงนั้นไม่ยอมทำงาน”
ถามพลางมองต่ำลงไปยังช่วงล่างของเขาทำให้แสงเพชรรู้สึกอับอายไม่น้อย เธอแทบไม่อยากเชื่อเพราะเมื่อคืนนกเขาขันไม่ยอมหยุด ขันจนเธอเมื่อยเอว ขันจนเธอแทบจะร้องขอชีวิต ตื่นมาไม่ป่วยก็บุญแค่ไหนแล้ว
“ครับ ผมไม่ได้โกหกมันไม่ขันจริงๆ ผมรักษามาหลายทางจนมาเจอคุณเมื่อวานมันถึงกลับมาใช้งานได้”
“ไม่อยากเชื่อ คุณน่ะเหรอคะนกเขาไม่ขัน”
“ผมป่วยจริงๆ คือที่ผมอยากจะจ้างคุณ เพราะผมอยากรู้หลังจากเมื่อคืนมันจะยังขันไหม ผมกลัวมันจะทำแบบนั้นไม่ได้อีก”
“มินนี่ไม่ตกลงค่ะ ไม่ว่าคุณจะป่วยหรือไม่ป่วยก็ตาม”
“ทำไมล่ะ ผมไม่ได้ให้คุณช่วยฟรีๆ มีค่าตอบแทนตามที่คุณต้องการ บอกตัวเลขมาได้เลย”
“ไม่เอามินนี่ไม่ได้ร้อนเงิน ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวคุณ ผมจะให้คุณทุกอย่าง เงิน คอนโด รถ กระเป๋าคุณอยากได้อะไรว่ามา ขอร้องช่วยผมหน่อย”
“มินนี่ไม่เอาอะไรทั้งนั้น”
หญิงสาวปฏิเสธอย่างไม่เสียดาย จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนเพื่อเอาข้าวของที่วางอยู่บนพื้นกลับคอนโด
ก่อนกลับเธอยังบอกเขาอีกว่า ตัวเองไม่ได้ขายตัว แค่อยากมาหาประสบการณ์เรื่องบนเตียง มันคือวันไนต์แสตนด์ ได้แล้วก็แยกย้ายทางใครทางมัน
แสงเพชรถึงกับอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกหญิงสาวใช้งานเสร็จแล้วทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแบบนี้ แต่ในเมื่อเธอไม่ตกลงเขาก็ไม่บังคับ บางทีอาจจะหายแล้วก็ได้ คืนนี้ค่อยไปหาผู้หญิงคนใหม่มาลอง
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ หวังว่าเราไม่ต้องเจอกันอีก”
“แต่ผมรู้สึกว่าเราต้องได้เจอกันอีก”
“คุณรู้ได้ยังไง” เธอเลิกคิ้วถามด้วยความอยากรู้
“ความรู้สึกมันบอก”
เขายักไหล่ตอบพลางยิ้มมุมปาก ใจจริงก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้เจอกันอีกไหมแต่อยากแกล้งเธอเล่น เห็นสิริวิมลทำหน้าย่นไม่พอใจแล้วรู้สึกสนุกดี
“เป็นไปไม่ได้ค่ะ ขอตัวนะคะขอให้คุณดัสตินโชคดี อ้อ ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นมินนี่ไม่เอาไปพูดกับใครแน่นอน”
หญิงสาวส่ายหน้าอย่างคนไม่เชื่อ ก่อนจะเอ่ยคำลาด้วยคำมั่นสัญญาแล้วลงจากรถของเขาจากนั้นก็เดินเข้าไปในตัวอาคารสูง หารู้ไม่สิ่งที่ชายหนุ่มพูดจะเป็นความจริงเพราะตัวของเธอเอง