เมื่อณกมลเดินออกจากห้องแต่งหน้าเพื่อไปซื้อกาแฟให้เจ้านายจอมเอาแต่ใจ สาวทีมคอสตูมก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปกติเขาก็เป็นคนเรื่องมากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นแสดงท่าทีกับผู้จัดการส่วนตัวแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะว่าณกมลเด็กกว่าเขาก็เป็นได้ ถึงยิ่งเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์
“มองอะไรกันยัยพวกนี้ ทำงานสิ เอาเสื้อผ้าไปไว้ในห้องของปุณณ์ได้แล้ว อยากโดนพ่อเจ้าประคุณวีนหรือไง”
กระต๊อบดุลูกน้องเสียงเบาก่อนจะพากันหอบหิ้วเสื้อผ้าไปไว้ในห้องแต่งตัวส่วนตัวของเขาที่เพิ่งจัดแจงความเรียบร้อยเสร็จ ปกติถ้าสถานที่อำนวยทีมงานในกองถ่ายจะต้องจัดไว้ให้ เว้นแต่สถานที่ที่ยกกองไปถ่ายทำไม่สามารถจัดหาห้องส่วนตัวให้ได้จริง ๆ เขาถึงจะยอมใช้ห้องแต่งตัวและพักผ่อนร่วมกับนักแสดงคนอื่น
ชนทัตที่ยืนแชทกับสาวในมุมลับตาได้ยินสาว ๆ ทีมคอสตูมที่เดินผ่านพูดคุยกันอย่างออกรส ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนนั้นหมายถึงใคร จึงส่ายหน้าอย่างระอาแล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งหน้าทันที
“ออกฤทธิ์อะไรอีกล่ะมึง”
ด้วยสนิทสนมกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการจึงรู้จักนิสัยใจคอของเพื่อนรักดีที่สุด
“เจอหน้ากูก็ถามอะไรแบบนี้เลยเหรอ ไงวะ สบายดีไหม ไม่มีในหัวมึงเลยหรือไง”
ปุณณิธิพูดกลั้วหัวเราะ ด้วยรู้ดีว่าคุณชายอย่างตนค่อนข้างเรื่องมากจนเป็นที่ระอา แต่ไม่รู้เป็นอะไร ตั้งแต่เลิกรากับเธอคนนั้นไปเขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ขี้โมโห และหาความสุขได้ยาก จนคนอยู่ใกล้หวาดกลัวไปตามกัน
“ก็เห็นอยู่ว่าสบายดี จนมีแรงฟาดงวงฟาดงากับทีมงาน”
โดยเฉพาะทีมคอสตูมที่จะโดนเขาเล่นงานบ่อยที่สุด ด้วยบางครั้งจัดเสื้อผ้าให้เขาได้ห่วยแตกไร้รสนิยมจนน่าหงุดหงิด เปลี่ยนทีมงานไปหลายรอบก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น ขนาดมีหัวหน้ามือดีอย่างกระต๊อบคอยดูแล แต่ลูกน้องหัวทื่อทั้งหลายก็กลัวเขาลนลานจนทำงานไม่ได้เรื่อง
“กูยังไม่ได้ฟาดใครเลย มึงเอาอะไรมาพูด”
“อ้าว ก็สาว ๆ ทีมคอสตูม เห็นเดินบ่นงึมงำอะไรกันออกไป ไม่ใช่เพราะโดนมึงวีนใส่เหรอ”
“เหอะ เรื่องดี ๆ ไม่เคยตกมาถึงกูหรอก”
“น้อยใจหรือไงวะ มา ๆ กอด ๆ นะ”
ชนทัตอ้าแขนโผเข้าหาเพื่อนรักแต่กลับต้องชะงักเมื่อคนหล่อเอนกายหนี แถมยังยกเท้าขึ้นมาขู่อีกต่างหาก
“เฮ้ย ไอ้ทัต กูจะอ้วก มาก็สายยังไม่เสือกไปแต่งหน้าอีก”
“กูมีเข้าฉากบ่าย นี่กูมาก่อนเวลาแล้ว”
“เออ พูดมาก ไปแต่งหน้า”
“ครับ ไอ้คุณชาย”
ชนทัตกำลังจะเดินไปนั่งประจำที่ให้ช่างแต่งหน้าเสริมหล่อให้ แต่กลับต้องชะงักยืนอยู่กับที่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อมีสาวสวยแปลกหน้ารูปร่างบอบบางเปิดประตูเข้ามาพร้อมด้วยกาแฟเย็นแบรนด์ดัง
“มาแล้วค่ะ คราวนี้หวานน้อยจริง ๆฉันยอมให้แล้ว”
“อืม ป้อนสิ ฉันมือไม่ว่าง”
ณกมลยื่นแก้วกาแฟไปจนถึงปากเขา และเจ้านายรูปหล่อก็ดูดกาแฟแก้วนั้นอึกใหญ่ ก่อนจะใช้มือดันแก้วกาแฟให้ออกห่างตัวอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ขมปี๋ หวานน้อยนะ ไม่ใช่ไม่ใส่น้ำเชื่อมเลย”
“ฉันสั่งหวานน้อยแล้วนะคะ แบบที่คุณกิน พนักงานก็รับรู้ว่าแก้วนี้เป็นของคุณ ทำไมมันถึงไม่เหมือนเดิมล่ะคะ”
“ก็ลองชิมดูสิ”
เขาคว้าแก้วมาจากมือเธอแล้วยื่นให้จนถึงปาก จึงจำต้องดูดกาแฟขมปี๋ของเขาอย่างเสียไม่ได้
“คราวนี้เป็นไง”
“ขมค่ะ”
อย่างที่บอกจะไม่ขมได้ไงก็เธอไม่กินกาแฟ แถมยังไม่สามารถแยกออกได้อีกต่างหากว่าแก้วเมื่อสักครู่กับแก้วนี้มันรสชาติต่างกันอย่างไร สำหรับเธอมันก็เป็นกาแฟขม ๆที่มีรสหวานปะแล่ม ๆติดปลายลิ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ก็ขมไง บอกแล้วใช่ไหมว่าเธอสั่งผิด”
“คุณต้องการหวานกี่เปอร์เซ็นต์บอกมาดีกว่าค่ะ ฉันจะได้กำหนดแน่นอน”
“25”
“งั้นรอเดี๋ยวนะคะ ถ้าคราวนี้หวาน 25% แล้วคุณยังบ่นขมหรือหวานเกินไปฉันคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าไม่กินก็ไม่ต้องกินค่ะฉันจนปัญญา”
เธอมองสบตาเขาอย่างไม่ลดละ ไม่รู้หรอกว่ากาแฟทั้ง 2 แก้วนี้มันรสชาติไม่ได้เรื่องหรือเพราะเขาจงใจกลั่นแกล้งเธอกันแน่ ถึงให้เธอเดินหลายร้อยเมตรเพื่อไปซื้อกาแฟที่พนักงานก็ยืนยันว่าชงในแบบที่เขาเคยดื่มถึง 2 รอบ
“ทำงานแค่นี้ก็ไม่ได้เรื่อง ยังจะมาเถียงอีก ไล่ออกซะดีไหม”
“ถ้าอยากสูญเงินก็ไล่ฉันออกเลยค่ะ ตามสบาย”
“เธอนี่มัน...”
“เฮ้ย ๆ อะไรกันวะไอ้ปุณณ์ มึงจะวีนใส่น้องเขาทำไม แค่เรื่องกาแฟเอง แล้วนี่น้องเขาเป็นใครชื่ออะไรมึงไม่คิดจะแนะนำให้กูรู้จักเลยหรือวะ”
ชนทัตเอ่ยขัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือสาวสวยร่างบางไม่ให้โดนเพื่อนรักขย้ำจนจมเขี้ยวเสียก่อน แถมเขายังอยากรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลยตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง
“ผู้ช่วยกู ชื่อน้ำมนต์ ส่วนนี่ไอ้ทัต เพื่อนสนิทฉัน”
“สวัสดีค่ะคุณทัต”
“สวัสดีครับน้ำมนต์ ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ เรียกพี่ทัตดีกว่านะ”
“จะดีหรือคะ”
“นั่นสิกูว่าให้เรียกคุณแบบที่เรียกกูดีกว่า”
“เรียกพี่เถอะ พี่ชอบแบบนี้”
ชนทัตไม่สนใจเสียงคัดค้านของเพื่อนรัก อยากสนิทสนมกับผู้ช่วยคนใหม่ของเพื่อนจนตัวสั่น แต่นั่นไม่ใช่เพียงเพราะว่าเธอสวยและแฝงความเซ็กซี่ไปทั้งตัว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขารู้สึกว่าเธอเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เขาอยากรู้จัก อยากจะมองเธอตลอดเวลาจนไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้แม้เพียงเสี้ยววินาที ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต
“ก็ได้ค่ะ พี่ทัต”
“รู้จักกันแล้วก็ไปซื้อกาแฟสิ มัวมายืนอ่อยผู้ชายอยู่ได้”
“ค่ะ”
เธอเดินออกจากห้องไปแล้วแต่ชนทัตยังคงยืนมองประตูที่ปิดสนิทอยู่เหมือนเดิมราวกับคนตกอยู่ในภวังค์ ก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อเพื่อนรักเรียกเขาด้วยเสียงที่ไม่เบานัก
“ทัต ไอ้ทัต...ไอ้ทัต”
“เฮ้ย ตะโกนทำห่าอะไรวะ หูกูจะแตก”
ชนทัตบ่นงึมงำแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ประจำตัวให้ช่างแต่งหน้าลงรองพื้นให้
“กูเรียกมึงตั้งนานก็ไม่เห็นได้ยิน มองหาอะไรนักหนาวะ”
“ก็มองผู้ช่วยของมึงไง สวยฉิบหาย”
“อย่ายุ่งกับผู้หญิงคนนั้น”
คนหวงของโพล่งออกมาทันทีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำเอาชนทัตหรี่ตามองด้วยความสงสัย
“หวงเหรอวะ อย่าบอกนะว่าเด็กมึง”
ชนทัตทำหน้าไม่เชื่อ ความสวยเซ็กซี่ของผู้หญิงคนนี้สามารถเป็นเด็กใหม่ของปุณณิธิได้อย่างสบาย แต่ดูการกระทำที่หมอนั่นแสดงออกมาแล้วมันไม่น่าใช่
“ไม่ใช่เด็กกู แต่อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้นเลย ไม่ดีหรอก กูเตือนมึงไว้แค่นี้”
“น้องเขามีผัวแล้วเหรอวะ”
“เคยมี แต่ไม่รู้ตอนนี้มีผัวใหม่แล้วหรือยัง”
“กูไม่สนหรอก ถ้าตอนนี้ไม่มีใครก็แปลว่ากูมีสิทธิ์จีบ”
“ถ้าจะเอาเล่น ๆ ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ อย่ามายุ่งกับคนแบบนี้เลย”
“มึงพูดเหมือนกับว่าน้องเป็นคนไม่ดี”
“มึงรู้ไว้แค่นี้ก็พอว่าผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะมึงที่เป็นเพื่อนรักกู”
“แต่กูรู้สึกว่าน้องเขาเป็นคนดี สวยฉิบหาย แล้วกูก็ไม่ได้คิดที่จะฟันเล่น ๆ ด้วย”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าถ้าน้องเขายังโสด กูก็จะจีบน้องเขาอย่างจริงจังไงวะ”
“ไอ้ทัต แต่ยัยนั่นเป็นลูกน้องกู จะมีแฟนทั้งทีทำไมมึงไม่หาคนที่คู่ควร”
“คู่ควรของมึงกับคู่ควรของกูมันไม่เหมือนกัน”
“แต่ว่ามึงยังไม่รู้จักยัยนั่นดีพอ”
“พอ ๆ ไม่ต้องมาห่วงกูมาก กูเป็นผู้ชายไม่ได้มีอะไรเสียหาย น้องเขาเป็นยังไง กูจะศึกษาด้วยตัวเอง ถ้ามึงบอกว่าน้ำมนต์ไม่ได้เป็นเด็กของมึง หวังว่าคงไม่ขัดขวางกูนะ”
“เออ แล้วแต่มึงเลย ถ้าต้องเสียใจเพราะผู้หญิงแบบนั้นกูจะซ้ำ”
ปุณณิธิทิ้งแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหัวเสีย ยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นดูดอึกใหญ่ โดยต้องการให้ความเย็นของกาแฟในแก้วช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายและหัวใจที่กำลังบีบตัวอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
“เฮ้ย ไหนมึงบอกว่าแก้วนี้ขมไปไง แดกทำไมวะ”
“ก็รสชาติปกติที่กูเคยกินนี่”
เขาตอบหน้าตาเฉยทั้งยังยกขึ้นดูดอีกอึกใหญ่จนเกือบหมดแก้ว
“แล้วมึงวีนน้ำมนต์และใช้น้องให้เดินออกไปซื้อเป็นครั้งที่ 3 ทั้งที่รสชาติมันเหมือนเดิมนี่นะ ไอ้เหี้ยปุณณ์”
“ทำไมวะ ก็แค่รับน้อง มึงจะมาเดือดร้อนอะไรแทนยัยนั่นไม่ทราบ ยังไม่ทันได้เป็นแฟน ยัยนั่นจะมีผัวอยู่แล้วหรือเปล่าก็ยังไม่รู้แต่เสือกไปเข้าข้างแล้ว นี่มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า”
“มึงทำเกินไปหรือเปล่าวะ รับน้องห่าอะไรให้เดินไปซื้อกาแฟ 3 รอบมันไม่สนุกนะเว้ย”
“พูดมาก ลูกน้องกู กูจะใช้งานอะไรก็ได้ไม่ต้องมาเสือก แต่งหน้าไปเงียบ ๆ เหอะมึง”
“ถ้าจีบติดเมื่อไหร่กูจะให้น้ำมนต์ลาออก”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เชื่อกู”
เพราะเขาเองนี่แหละที่จะเป็นคนขัดขวางให้ถึงที่สุด