ตอนที่ 17 ป้อนสิ

1783 Words
เมื่อณกมลเดินออกจากห้องแต่งหน้าเพื่อไปซื้อกาแฟให้เจ้านายจอมเอาแต่ใจ สาวทีมคอสตูมก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปกติเขาก็เป็นคนเรื่องมากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นแสดงท่าทีกับผู้จัดการส่วนตัวแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะว่าณกมลเด็กกว่าเขาก็เป็นได้ ถึงยิ่งเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ “มองอะไรกันยัยพวกนี้ ทำงานสิ เอาเสื้อผ้าไปไว้ในห้องของปุณณ์ได้แล้ว อยากโดนพ่อเจ้าประคุณวีนหรือไง” กระต๊อบดุลูกน้องเสียงเบาก่อนจะพากันหอบหิ้วเสื้อผ้าไปไว้ในห้องแต่งตัวส่วนตัวของเขาที่เพิ่งจัดแจงความเรียบร้อยเสร็จ ปกติถ้าสถานที่อำนวยทีมงานในกองถ่ายจะต้องจัดไว้ให้ เว้นแต่สถานที่ที่ยกกองไปถ่ายทำไม่สามารถจัดหาห้องส่วนตัวให้ได้จริง ๆ เขาถึงจะยอมใช้ห้องแต่งตัวและพักผ่อนร่วมกับนักแสดงคนอื่น ชนทัตที่ยืนแชทกับสาวในมุมลับตาได้ยินสาว ๆ ทีมคอสตูมที่เดินผ่านพูดคุยกันอย่างออกรส ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนนั้นหมายถึงใคร จึงส่ายหน้าอย่างระอาแล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งหน้าทันที “ออกฤทธิ์อะไรอีกล่ะมึง” ด้วยสนิทสนมกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการจึงรู้จักนิสัยใจคอของเพื่อนรักดีที่สุด “เจอหน้ากูก็ถามอะไรแบบนี้เลยเหรอ ไงวะ สบายดีไหม ไม่มีในหัวมึงเลยหรือไง” ปุณณิธิพูดกลั้วหัวเราะ ด้วยรู้ดีว่าคุณชายอย่างตนค่อนข้างเรื่องมากจนเป็นที่ระอา แต่ไม่รู้เป็นอะไร ตั้งแต่เลิกรากับเธอคนนั้นไปเขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ขี้โมโห และหาความสุขได้ยาก จนคนอยู่ใกล้หวาดกลัวไปตามกัน “ก็เห็นอยู่ว่าสบายดี จนมีแรงฟาดงวงฟาดงากับทีมงาน” โดยเฉพาะทีมคอสตูมที่จะโดนเขาเล่นงานบ่อยที่สุด ด้วยบางครั้งจัดเสื้อผ้าให้เขาได้ห่วยแตกไร้รสนิยมจนน่าหงุดหงิด เปลี่ยนทีมงานไปหลายรอบก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น ขนาดมีหัวหน้ามือดีอย่างกระต๊อบคอยดูแล แต่ลูกน้องหัวทื่อทั้งหลายก็กลัวเขาลนลานจนทำงานไม่ได้เรื่อง “กูยังไม่ได้ฟาดใครเลย มึงเอาอะไรมาพูด” “อ้าว ก็สาว ๆ ทีมคอสตูม เห็นเดินบ่นงึมงำอะไรกันออกไป ไม่ใช่เพราะโดนมึงวีนใส่เหรอ” “เหอะ เรื่องดี ๆ ไม่เคยตกมาถึงกูหรอก” “น้อยใจหรือไงวะ มา ๆ กอด ๆ นะ” ชนทัตอ้าแขนโผเข้าหาเพื่อนรักแต่กลับต้องชะงักเมื่อคนหล่อเอนกายหนี แถมยังยกเท้าขึ้นมาขู่อีกต่างหาก “เฮ้ย ไอ้ทัต กูจะอ้วก มาก็สายยังไม่เสือกไปแต่งหน้าอีก” “กูมีเข้าฉากบ่าย นี่กูมาก่อนเวลาแล้ว” “เออ พูดมาก ไปแต่งหน้า” “ครับ ไอ้คุณชาย” ชนทัตกำลังจะเดินไปนั่งประจำที่ให้ช่างแต่งหน้าเสริมหล่อให้ แต่กลับต้องชะงักยืนอยู่กับที่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อมีสาวสวยแปลกหน้ารูปร่างบอบบางเปิดประตูเข้ามาพร้อมด้วยกาแฟเย็นแบรนด์ดัง “มาแล้วค่ะ คราวนี้หวานน้อยจริง ๆฉันยอมให้แล้ว” “อืม ป้อนสิ ฉันมือไม่ว่าง” ณกมลยื่นแก้วกาแฟไปจนถึงปากเขา และเจ้านายรูปหล่อก็ดูดกาแฟแก้วนั้นอึกใหญ่ ก่อนจะใช้มือดันแก้วกาแฟให้ออกห่างตัวอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ขมปี๋ หวานน้อยนะ ไม่ใช่ไม่ใส่น้ำเชื่อมเลย” “ฉันสั่งหวานน้อยแล้วนะคะ แบบที่คุณกิน พนักงานก็รับรู้ว่าแก้วนี้เป็นของคุณ ทำไมมันถึงไม่เหมือนเดิมล่ะคะ” “ก็ลองชิมดูสิ” เขาคว้าแก้วมาจากมือเธอแล้วยื่นให้จนถึงปาก จึงจำต้องดูดกาแฟขมปี๋ของเขาอย่างเสียไม่ได้ “คราวนี้เป็นไง” “ขมค่ะ” อย่างที่บอกจะไม่ขมได้ไงก็เธอไม่กินกาแฟ แถมยังไม่สามารถแยกออกได้อีกต่างหากว่าแก้วเมื่อสักครู่กับแก้วนี้มันรสชาติต่างกันอย่างไร สำหรับเธอมันก็เป็นกาแฟขม ๆที่มีรสหวานปะแล่ม ๆติดปลายลิ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “ก็ขมไง บอกแล้วใช่ไหมว่าเธอสั่งผิด” “คุณต้องการหวานกี่เปอร์เซ็นต์บอกมาดีกว่าค่ะ ฉันจะได้กำหนดแน่นอน” “25” “งั้นรอเดี๋ยวนะคะ ถ้าคราวนี้หวาน 25% แล้วคุณยังบ่นขมหรือหวานเกินไปฉันคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าไม่กินก็ไม่ต้องกินค่ะฉันจนปัญญา” เธอมองสบตาเขาอย่างไม่ลดละ ไม่รู้หรอกว่ากาแฟทั้ง 2 แก้วนี้มันรสชาติไม่ได้เรื่องหรือเพราะเขาจงใจกลั่นแกล้งเธอกันแน่ ถึงให้เธอเดินหลายร้อยเมตรเพื่อไปซื้อกาแฟที่พนักงานก็ยืนยันว่าชงในแบบที่เขาเคยดื่มถึง 2 รอบ “ทำงานแค่นี้ก็ไม่ได้เรื่อง ยังจะมาเถียงอีก ไล่ออกซะดีไหม” “ถ้าอยากสูญเงินก็ไล่ฉันออกเลยค่ะ ตามสบาย” “เธอนี่มัน...” “เฮ้ย ๆ อะไรกันวะไอ้ปุณณ์ มึงจะวีนใส่น้องเขาทำไม แค่เรื่องกาแฟเอง แล้วนี่น้องเขาเป็นใครชื่ออะไรมึงไม่คิดจะแนะนำให้กูรู้จักเลยหรือวะ” ชนทัตเอ่ยขัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือสาวสวยร่างบางไม่ให้โดนเพื่อนรักขย้ำจนจมเขี้ยวเสียก่อน แถมเขายังอยากรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลยตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง “ผู้ช่วยกู ชื่อน้ำมนต์ ส่วนนี่ไอ้ทัต เพื่อนสนิทฉัน” “สวัสดีค่ะคุณทัต” “สวัสดีครับน้ำมนต์ ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ เรียกพี่ทัตดีกว่านะ” “จะดีหรือคะ” “นั่นสิกูว่าให้เรียกคุณแบบที่เรียกกูดีกว่า” “เรียกพี่เถอะ พี่ชอบแบบนี้” ชนทัตไม่สนใจเสียงคัดค้านของเพื่อนรัก อยากสนิทสนมกับผู้ช่วยคนใหม่ของเพื่อนจนตัวสั่น แต่นั่นไม่ใช่เพียงเพราะว่าเธอสวยและแฝงความเซ็กซี่ไปทั้งตัว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขารู้สึกว่าเธอเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เขาอยากรู้จัก อยากจะมองเธอตลอดเวลาจนไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้แม้เพียงเสี้ยววินาที ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต “ก็ได้ค่ะ พี่ทัต” “รู้จักกันแล้วก็ไปซื้อกาแฟสิ มัวมายืนอ่อยผู้ชายอยู่ได้” “ค่ะ” เธอเดินออกจากห้องไปแล้วแต่ชนทัตยังคงยืนมองประตูที่ปิดสนิทอยู่เหมือนเดิมราวกับคนตกอยู่ในภวังค์ ก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อเพื่อนรักเรียกเขาด้วยเสียงที่ไม่เบานัก “ทัต ไอ้ทัต...ไอ้ทัต” “เฮ้ย ตะโกนทำห่าอะไรวะ หูกูจะแตก” ชนทัตบ่นงึมงำแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ประจำตัวให้ช่างแต่งหน้าลงรองพื้นให้ “กูเรียกมึงตั้งนานก็ไม่เห็นได้ยิน มองหาอะไรนักหนาวะ” “ก็มองผู้ช่วยของมึงไง สวยฉิบหาย” “อย่ายุ่งกับผู้หญิงคนนั้น” คนหวงของโพล่งออกมาทันทีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำเอาชนทัตหรี่ตามองด้วยความสงสัย “หวงเหรอวะ อย่าบอกนะว่าเด็กมึง” ชนทัตทำหน้าไม่เชื่อ ความสวยเซ็กซี่ของผู้หญิงคนนี้สามารถเป็นเด็กใหม่ของปุณณิธิได้อย่างสบาย แต่ดูการกระทำที่หมอนั่นแสดงออกมาแล้วมันไม่น่าใช่ “ไม่ใช่เด็กกู แต่อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้นเลย ไม่ดีหรอก กูเตือนมึงไว้แค่นี้” “น้องเขามีผัวแล้วเหรอวะ” “เคยมี แต่ไม่รู้ตอนนี้มีผัวใหม่แล้วหรือยัง” “กูไม่สนหรอก ถ้าตอนนี้ไม่มีใครก็แปลว่ากูมีสิทธิ์จีบ” “ถ้าจะเอาเล่น ๆ ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ อย่ามายุ่งกับคนแบบนี้เลย” “มึงพูดเหมือนกับว่าน้องเป็นคนไม่ดี” “มึงรู้ไว้แค่นี้ก็พอว่าผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะมึงที่เป็นเพื่อนรักกู” “แต่กูรู้สึกว่าน้องเขาเป็นคนดี สวยฉิบหาย แล้วกูก็ไม่ได้คิดที่จะฟันเล่น ๆ ด้วย” “หมายความว่าไง” “ก็หมายความว่าถ้าน้องเขายังโสด กูก็จะจีบน้องเขาอย่างจริงจังไงวะ” “ไอ้ทัต แต่ยัยนั่นเป็นลูกน้องกู จะมีแฟนทั้งทีทำไมมึงไม่หาคนที่คู่ควร” “คู่ควรของมึงกับคู่ควรของกูมันไม่เหมือนกัน” “แต่ว่ามึงยังไม่รู้จักยัยนั่นดีพอ” “พอ ๆ ไม่ต้องมาห่วงกูมาก กูเป็นผู้ชายไม่ได้มีอะไรเสียหาย น้องเขาเป็นยังไง กูจะศึกษาด้วยตัวเอง ถ้ามึงบอกว่าน้ำมนต์ไม่ได้เป็นเด็กของมึง หวังว่าคงไม่ขัดขวางกูนะ” “เออ แล้วแต่มึงเลย ถ้าต้องเสียใจเพราะผู้หญิงแบบนั้นกูจะซ้ำ” ปุณณิธิทิ้งแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหัวเสีย ยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นดูดอึกใหญ่ โดยต้องการให้ความเย็นของกาแฟในแก้วช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายและหัวใจที่กำลังบีบตัวอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ “เฮ้ย ไหนมึงบอกว่าแก้วนี้ขมไปไง แดกทำไมวะ” “ก็รสชาติปกติที่กูเคยกินนี่” เขาตอบหน้าตาเฉยทั้งยังยกขึ้นดูดอีกอึกใหญ่จนเกือบหมดแก้ว “แล้วมึงวีนน้ำมนต์และใช้น้องให้เดินออกไปซื้อเป็นครั้งที่ 3 ทั้งที่รสชาติมันเหมือนเดิมนี่นะ ไอ้เหี้ยปุณณ์” “ทำไมวะ ก็แค่รับน้อง มึงจะมาเดือดร้อนอะไรแทนยัยนั่นไม่ทราบ ยังไม่ทันได้เป็นแฟน ยัยนั่นจะมีผัวอยู่แล้วหรือเปล่าก็ยังไม่รู้แต่เสือกไปเข้าข้างแล้ว นี่มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า” “มึงทำเกินไปหรือเปล่าวะ รับน้องห่าอะไรให้เดินไปซื้อกาแฟ 3 รอบมันไม่สนุกนะเว้ย” “พูดมาก ลูกน้องกู กูจะใช้งานอะไรก็ได้ไม่ต้องมาเสือก แต่งหน้าไปเงียบ ๆ เหอะมึง” “ถ้าจีบติดเมื่อไหร่กูจะให้น้ำมนต์ลาออก” “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เชื่อกู” เพราะเขาเองนี่แหละที่จะเป็นคนขัดขวางให้ถึงที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD