กางเกงของเขากับเธอถูกโยนลงบนพื้น ร่างบอบบางขาวผ่องในตอนนี้จึงเหลือเพียงกางเกงชั้นในผ้าลูกไม้สีดำห่อหุ้มกาย แต่คนตัวโตไม่เหลืออะไรปกปิดความใหญ่โตที่กำลังกราดเกรี้ยวกระดกตีส่วนนั้นของเธอจนสะดุ้งโหยง
“อย่านะ อย่าทำอะไรบ้า ๆ”
“บ้าเหรอ ฉันว่าเธอน่าจะชอบมากกว่านะ”
“ไม่ ฉันไม่ชอบ”
“เธอยังไม่ได้ลองเลย จะรู้ได้ไง ถุงยางอยู่ที่ลิ้นชักข้างเตียง งั้นเอานิ้วฉันไปก่อนแล้วกันนะ”
เขาปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ แล้วล้วงมือเข้าไปในขอบเอวกางเกงในตัวจิ๋ว ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในร่องรักคับแน่นทีละนิด จากตั้งใจว่าจะสอดสองนิ้วกลับต้องเปลี่ยนใจเหลือนิ้วเดียวเพราะความคับแน่นที่ตอดรัดเหมือนกับไม่เต็มใจต้อนรับ ทั้งที่เขาใส่ไปได้แค่เพียงสองข้อนิ้วเท่านั้นเอง
“อ๊าย ไม่นะ เอาออกไป”
เขากระดกนิ้วระรัวทันทีที่เข้าไปได้เพียงสองข้อนิ้ว ทำเอาคนตัวบางผวากอดเขาแน่นตัวสั่นสะท้าน สัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลองทำเอาเธออ่อนระทวยไปทั้งร่างไร้หนทางสู้
“เอานิ้วหรือเอาน้ำเธอออกล่ะ”
ความหนุบหนับของร่องรักที่มีนิ้วแกร่งคาอยู่ทำเอาเขาอดใจไม่ไหว มือข้างที่กอดเอวเธอเอาไว้ละลงมาสอดเข้าใต้บั้นท้ายกลมกลึงแล้วกำรูดท่อนเนื้อซึ่งเหยียดขยายใหญ่โตแทบปริแตก
“ซี้ด...ไปที่เตียงนะ”
คนตัวบางส่ายหน้าหวือ เธอกอดคอเขาแน่น เกร็งสะท้านทั้งส่งเสียงร้องครางแปลกประหลาดอย่างลืมอาย ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาหรือใครจะได้ก้าวล่วงเข้ามาในความฉ่ำเยิ้มของเธอมาก่อน มันเสียวซ่านแปลกใหม่จนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“ไม่ คุณปุณณ์ อ๊า”
ผนังบอบบางที่ตอดรัดนิ้วเขาแน่นขึ้นส่งสัญญาณให้เขารู้ว่าสาวงามตรงหน้ากำลังจะแตะขอบสวรรค์ จึงเร่งจังหวะเกร็งข้อนิ้วกระดกระรัวไม่หยุดพร้อมกับชักสาวตัวตนร้อนฉ่าในจังหวะเดียวกัน
หนุ่มสาวร้องครวญครางระงม กอดกันแน่น ก่อนจะเกร็งกระตุกเสร็จสมถึงสวรรค์พร้อมกัน
“อืม...น้ำมนต์”
มือใหญ่ละจากท่อนเนื้อที่เพิ่งแตกกระจายน้ำรักจนหมดทุกหยาดหยดมาลูบแผ่นหลังบอบบางที่สั่นสะท้านของเธออย่างต้องการปลอบโยน
สองร่างหอบหายใจสะท้าน หัวใจสองดวงเต้นแรงเป็นจังหวะเดียวกันจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ ลมหายใจหอบกระเส่ารินรดซอกคอของกันและกันจนร้อนวาบไปทั้งตัว
นิ้วที่ยังคงแช่อยู่ในผนังบอบบางสัมผัสได้ถึงแรงตอดรัดหนึบหนับจากการเสร็จสมที่เพิ่งผ่านพ้นไป รู้สึกดีแทบบ้า ถ้าหากเปลี่ยนจากนิ้วเป็นท่อนเนื้อของเขา มันจะรู้สึกดีแค่ไหน
แต่แล้วภวังค์ความคิดของเขาก็ถูกทำลายลงเมื่อเธอลุกพรวดพราดแล้วเดินเร็ว ๆ ออกจากห้องน้ำไปโดยไม่ยอมหยิบชิ้นส่วนซึ่งกองอยู่บนพื้นติดมือไปสักชิ้น
“น้ำมนต์ เดี๋ยว”
ประตูห้องปิดลงอย่างแรงทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเขา ดาราหนุ่มเสยผมอย่างหงุดหงิดตัวเองที่ทำเสียเรื่อง ไม่คิดเลยว่าการที่แค่อยู่ใกล้ชิดกับเธอ ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างกายของเธอ เขาก็เตลิดเปิดเปิงไปหมด รู้ตัวอีกทีก็เกินเลยไปไกล ดีแค่ไหนที่ไม่เอาเจ้าลูกชายจอมตะกละดันเข้าไปในตัวเธอ ไม่อย่างนั้นไม่รู้เลยว่าจะอึดอัดใจแค่ไหนที่ยังต้องเจอหน้ากันทุกวัน
“โธ่เว้ย...”
เขาชกลงไปในน้ำรัว ๆ จนแตกกระจายกระเด็นเต็มหน้า เสยผมที่เปียกลู่อย่างหงุดหงิดอีกครั้ง
ร่างเปลือยเปล่าภายใต้น้ำฝักบัวที่เปิดอย่างแรงสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น ลำพังแค่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็ทำเขาเกลียดเธอแทบจะหักคอจิ้มน้ำพริกจนได้รับถ้อยคำและสายตาดูถูกอยู่แล้ว ดันมาทำตัวเป็นผู้หญิงใจง่าย ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาเชยชมง่าย ๆ ทั้งที่เขารังเกียจเธอแทบตาย ต่อจากนี้ก็เตรียมรอรับแรงกระแทกที่หนักกว่าเดิมได้เลย
“เธอต้องมีสติมากกว่านี้สิ น้ำมนต์”
ภายนอกบานประตูห้องนอนมีร่างใหญ่ในชุดคลุมอาบน้ำยกมือขึ้นมาเตรียมเคาะครั้งแล้วครั้งเล่าก็หดมือกลับเหมือนเดิมทุกครั้ง ด้วยไม่รู้ว่าถ้าเธอเปิดประตูออกมาแล้วเขาจะพูดอะไรกับเธอดี
จะขอโทษเหรอ เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรขนาดนั้นนี่ ไม่ได้มีอะไรกันโดยที่เธอไม่เต็มใจเสียหน่อย เขาก็แค่ขู่เล่น ๆ ผสมกับลูกโมโหหน่อย ๆ เลยพลั้งมือสอดเข้าไปในตัวเธอ แต่ก็แค่สองข้อนิ้วเท่านั้น ผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานหรืออาจผ่านผู้ชายมาอย่างโชกโชนอย่างเธอที่ถึงขั้นจะขายตัวให้เพื่อนเขาเพื่อปลดหนี้คงไม่คิดมาก
“เหอะ ที่เธอโดน มันก็สมกับความปากดีของเธอแล้ว น้ำมนต์”
“เธอตื่นสายนะ ไปกันได้แล้ว”
ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องส่วนตัวออกมาพร้อมกับลูกแมวตัวกลม ดาราหนุ่มซึ่งนั่งรออยู่นานแล้วก็พ่นวาจาร้ายกาจเพื่อตำหนิ แถมวันนี้เธอยังไม่ยอมทำหน้าที่สำคัญเข้าไปปลุกเขาถึงเตียงอีกต่างหาก ดีที่เขาไม่ได้เมาจึงสามารถตื่นได้ด้วยตัวเอง
“ขอโทษค่ะ”
เธอตัดปัญหาด้วยการกล่าวขอโทษ ยอมกลับมาเป็นลูกหนี้และทาสผู้ซื่อสัตย์เพื่อลดแรงปะทะ มันอาจจะทำให้เธอปลอดภัยจากเหตุการณ์แบบเมื่อคืนก็ได้
ทั้งที่เมื่อคืนที่ผ่านมา เธอไม่อาจข่มตานอนได้เลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว ไหนจะเพราะกาแฟสามสี่อึกซึ่งคนไม่กินกาแฟอย่างเธอจำใจต้องกินตามคำสั่งของเจ้านาย ทั้งที่เธอมั่นใจว่าเขารู้และจำได้ แต่เขาก็ยังกลั่นแกล้งให้เธอดื่มกาแฟอยู่ดี
นอกจากฤทธิ์กาแฟที่ไม่ถูกโรคกับเธอ ยังเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืน ทำเอาเธอนอนพลิกกายไปมาในความมืดอย่างคิดไม่ตกและเจ็บใจตัวเอง
เมื่อเห็นเธอเดินก้มหน้าหอบหิ้วสัมภาระของเขาออกจากห้องไปก็ไม่ได้พูดจาให้มากความอีก เขาอุ้มลูกแมวตัวน้อยแล้วจูบศีรษะกลม ๆ ของมัน ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปทำงาน
“สวัสดีครับ น้ำมนต์”
ชนทัตเอ่ยทักสาวสวยทันทีที่เข้ามาในห้องแต่งหน้าซึ่งวันนี้โลเคชันในการถ่ายทำไม่เอื้ออำนวยให้เพื่อนรักมีห้องพักส่วนตัว จึงจำต้องมาใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกับดาราทุกคนในทุกขั้นตอน
“สวัสดีค่ะพี่ทัต”
“ทำไมวันนี้หน้าตาไม่สดชื่นเลย”
ใต้ตาดำคล้ำแม้จะลงรองพื้นมาหนาพอตัว ฟ้องว่าเจ้าตัวอิดโรยแค่ไหน
“นอนไม่ค่อยหลับค่ะ”
“อ้าว ทำไมนอนไม่หลับล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเมื่อคืนพี่โทรไปกวนเวลาพักผ่อน”
พระเอกหนุ่มหันขวับไปมองเธอตาเขม็ง ท่าทางอิดโรยที่มีให้เห็นตั้งแต่เช้าและแลดูพูดน้อยกว่าทุกทีนี่เป็นเพราะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเขาจนดึกดื่นนี่เอง ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันหนักหนา
คอยดูเถอะ ถ้าเธอไม่มีเรี่ยวแรงทำงานจนรับใช้เขาไม่ได้เรื่องจะตัดเงินให้
“ไม่หรอกค่ะ พอดีน้ำมนต์ยังไม่ชินกับห้องใหม่ค่ะ”
“ถ้าคืนนี้นอนไม่หลับอีกก็บอกนะ พี่คุยเป็นเพื่อนน้ำมนต์ได้ จนเช้าเลยก็ไหว”
คนรูปหล่อพ่อรวยโปรยยิ้มมีเสน่ห์ ที่พูดออกมาไม่ได้แค่เพราะอยากเอาใจสาว แต่เขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
“ไม่กวนพี่ทัตดีกว่าค่ะ คืนนี้น่าจะหลับเองได้”
“พี่เต็มใจนะ”
“น้อย ๆ หน่อยไอ้ทัต มาแต่งหน้า เขาจ้างมาแสดงละคร ไม่ได้จ้างให้มาหม้อหญิง เธอก็เหมือนกัน นั่งให้เพื่อนฉันเต๊าะอยู่ได้ ชอบนักหรือไง ไปซื้อกาแฟให้ฉันซะที”
ณกมลวางช้อนอาหารเช้าที่เพิ่งตักเข้าปากได้แค่คำเดียวลง แล้วเดินถือจานข้าวออกจากห้องไปซื้อกาแฟเจ้าประจำให้เขาทันทีโดยไม่ได้ต่อปากต่อคำกับคนพาล
“ไอ้ปุณณ์ เมนส์มึงมาหรือไง ผีเข้าผีออกแต่เช้า เป็นห่าอะไรวะ”
ชนทัตเดินมานั่งแต่งหน้าข้างคนเจ้าอารมณ์ ไม่เข้าใจว่าหมอนี่เป็นอะไร ทำไมถึงชอบกลั่นแกล้งและพูดจาแย่ ๆ ใส่ผู้ช่วยสาวแสนสวยเสมอ ทั้งที่เขาก็ดูว่าเธอเองออกจะน่ารัก ยิ้มหวาน และดูขยันขันแข็งออกปานนั้น
“เรื่องของกู”
“เรื่องของมึงไม่ได้สิ ก็มึงเสือกมาฟาดงวงฟาดงาใส่น้ำมนต์ น้องออกจะน่ารัก”
“หึ แบบนี้นี่นะน่ารัก กูว่ามึงตาบอดแล้วไอ้ทัต”
“มึงสิตาบอด”
“ใช่ค่ะ สวยจนเอามาเป็นนางเอกยังได้เลย ทั้งงานหน้า งานนม เอ้ย งานหุ่น สวยสะบัดซะ ถ้าน้องปุณณ์ไม่เอา พี่กระต๊อบเอานะคะ”
กระต๊อบที่กำลังคุมเด็กจัดเสื้อผ้าที่ดาราต้องใส่เข้าฉากแอบได้ยินสองหนุ่มคุยกัน ยิ่งหูผึ่งเมื่อน้องปุณณ์คนหล่อบอกว่าน้องน้ำมนต์ไม่สวยจึงโพล่งออกมากลางวง และนั่นก็ทำให้ทั้งช่างทำผม ช่างแต่งหน้า และทีมงานที่อยู่ในห้องนั้นพยักหน้าหงึก ๆ อย่างเห็นด้วย
“ฮึ่ม พี่กระต๊อบครับ ภายนอกอาจจะแค่ดูได้ แต่ข้างในไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่ายัยนั่นเป็นคนแบบไหน”
“พูดเหมือนรู้จักกันมานานเลยนะคะ ไหนว่าเพิ่งเจอกันที่ห้องเสื้อคุณนาบีไง”
หนูนายื่นหน้าออกมาจากราวผ้า ทั้งยังทำใจกล้าถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกไป แต่นั่นก็ทำเอาพระเอกหนุ่มหน้าถอดสี
“เออน่า ผมมองออกแล้วกันว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายลึก”
“งั้นก็ส่งต่อให้พี่ไหมคะ พี่จะให้น้องน้ำมนต์มาดูแลเสื้อผ้าที่กองนี้แทน ส่วนพี่จะได้แยกตัวไปดูอีกกองของน้องปัณณ์ เห็นว่ากำลังเตรียมเปิดกล้องอย่างจริงจังแล้วด้วย ถ้าพี่ต้องวิ่งไปวิ่งมาพี่ต้องตายแน่ ๆ”
“อย่าดีกว่าครับ ผมขี้เกียจหาคน พี่ไปหาคนอื่นแทนเถอะ พี่มะขวิดครับ เขียนคิ้วผมต่อได้แล้ว ผมจะไม่พูดแล้วครับ”
คนหล่อตัดบทด้วยการเร่งให้ช่างแต่งหน้ารีบเขียนคิ้วให้ตัวเอง พร้อมกับการหลับตาทำสมาธิ เป็นการหยุดบทสนทนาทั้งหมดแต่เพียงเท่านี้
สาว ๆ ในห้องหันมองหน้ากันด้วยความงง ปากบอกไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อเทพบุตรลูกชายเจ้าของบริษัทคิดอะไรอยู่กันแน่