บทที่ 1
พรึบ!
เสียงของอะไรบางอย่างที่ตกกระทบลงมาสู่ผิวน้ำอย่างแรงจนเกิดเสียงขึ้นบริเวณแม่น้ำสายใหญ่ทำให้ชายหนุ่มที่จำต้องเดินผ่านทางนี้เป็นปกติอยู่แล้วมุ่งตรงไปยังบริเวณที่เกิดเสียง แต่เมื่อเดินไปถึงพวกเขากลับต้องหันมามองหน้ากันเมื่อมีร่างของสิ่งมีชีวิตนอนไม่ได้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำ สีของแม่น้ำที่ไม่มีอะไรปนเปื้อนทำให้มันมีสีใสจนสามารถมองทะลุผ่านลงไปยังใต้น้ำที่มีปลาและสิ่งอื่นๆ แหวกว่ายกันอยู่
“มีอะไรไม่รู้อยู่ที่ริมแม่น้ำ พวกเจ้ามาดูตรงนี้สิเร็วเข้า” เสียงของชายหนุ่มที่มีผมสีดำสนิทเหมือนถ่านใบหูคล้ายหมาป่าตั้งขึ้นเมื่อมีเสียงหรืออะไรบางอย่างที่เรียกความสนใจแก่ตนได้ อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าสีสดเด่นสะดุดตาเปิดโชว์แผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อที่เรียงสวยอย่างน่ามอง
ฟุตฟิดๆ
จมูกของชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าเปิดโชว์แผ่นอกกำลังทำหน้าที่ของมันเป็นอย่างดีเมื่อเขามาถึงร่างของใครที่ไม่รู้ชื่อที่มีกลิ่นแปลกและต่างจากตัวเมียหรือเพศเมียคนอื่นๆ ที่เคยเจอมาก่อน เมื่อไม่รู้ว่าจะต้องจัดการยังไงต่อทำให้อีกฝ่ายที่คิดอะไรไม่ออกจึงทำได้เพียงแค่อุ้มร่างบางที่มีผมสีหวานแปลกตาขึ้นมาจากน้ำเพียงเท่านั้นก่อนที่จะนั่งรอเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ที่กำลังเดินมา
“อะไรตะโกนเสียงดังเชียว เกิดอะไรขึ้นเคแกน”
ชายอีกคนที่มีผมสีทองดวงตาสีเดียวกัน ผิวสีแทนสวยน่ามองถามเพื่อนของตนที่เดินล่วงหน้ามาด้วยน้ำเสียงอยากรู้ปนสงสัยก่อนที่จะเห็นสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายกับพวกเขานอนเปียงน้ำอยู่ใกล้ๆ เพื่อนตน
น้ำที่แนบไปกับร่างกายทำให้เสื้อผ้าเปียกและเห็นสัดส่วนของตัวเมียตรงหน้าได้อย่างชัดเจนจนอีกฝ่ายต้องสงบสติอารมณ์ไม่ให้คิดไปไกลมากกว่านี้
“มีอะไร แล้วนั้นใครนายไปเอามาจากไหนนะเคแกน” แลคติส ชายที่มีผมสีน้ำตาล ดวงตาสีเขียวมรกตกำลังมองสิ่งมีชีวิตที่กำลังไปได้สติอยู่ข้างเคแกนที่พยายามจะดมกลิ่น
“ก็ข้าเห็นนางหมดสติอยู่ริมแม่น้ำนะสิ แล้วพวกเราจะเอายังไงกับสตรีคนนี้ดี”
เคแกนพูดขึ้นพร้อมมองไปทางเพื่อนที่มาด้วยกันที่ทั้งสามคนเองก็กำลังสนใจร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่พอสมควร แต่ดีมากแล้วที่หนึ่งในทีมของพวกเขามีคนเป็นหมอด้วยนั่นคืออีธานหมอประจำทีมที่ต้องเดินทางไปด้วยกันที่ตอนนี้กำลังมองมาที่สาวเจ้าที่ไม่รู้ที่มาที่ไป
การที่จะมีสตรีหรือตัวเมียในป่ากว้างใหญ่แบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากเพราะที่นี่ตัวเมียหรือสตรีเป็นสิ่งหายากและมีน้อยจึงแทบจะไม่มีตัวเมียคนไหนได้รับอนุญาตให้เดินป่าที่มีแต่อันตรายแบบนี้ได้อย่างแน่นอนอีกทั้งยังไม่มีคนดูแลหรือติดตามมาด้วย
“ข้าว่าเอานางไปกับเรา บางที่อาจจะเกี่ยวกับเรื่องหอแห่งเทพก็ได้”
หมอหนุ่มพูดจบก็เดินมาทางหญิงสาวที่มีผมสีลูกกวาดสวยน่ามองแถมยังสะดุดตามากที่สุดคนหนึ่งเพราะมันเป็นชมพู ทั้ง 4 คนเลือกที่จะเดินทางต่อเพราะแถวนี้มันอันตรายเกินไปทำให้พวกเขาต้องผลัดกันอุ้มสาวเจ้าผู้ไร้ที่มาไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เวลาผ่านไปไว้เหมือนโกหกแต่ตัวเมียตรงหน้าก็ไร้วี่แววว่าจะฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ในตอนนี้เจ้าตัวไม่ได้สวมเสื้อผ้าตัวเดิมอีกต่อไปเพราะหมอหนุ่มทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกให้เรียบร้อยแล้ว
“อือ…”
อลิสที่ตอนนี้เริ่มได้สติแล้วจึงส่งเสียงอย่างไม่สบายตัวนัก ก่อนที่จะค่อยๆ ลืมตามองจนไปสะดุดกับท้องฟ้าที่มีดาวอยู่เป็นจำนวนมากเหมือนกับว่าพวกมันกำลังแข่งกันส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าที่ในยามค่ำคืนที่ไร้ซึ่งแสงอาทิตย์
เมื่อเงยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่กำลังโบกสะบัดไปมาตามลมที่พัดไปมาในยามค่ำคืนอันงดงาม บรรยากาศที่ได้กลิ่นของธรรมชาติของการอยู่ป่าเปอร์เซียก็ถึงกับติดสปริงสะดุ้งขึ้นมาจนกลุ่มชายที่กำลังนั่งคุยกันเรื่องงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายมาต้องหันไปมองด้วยสายตาแปลกใจ
“ฟื้นแล้วรึ”
เชียสต์ชายหนุ่มผิวแทนผมสีทองถามพร้อมมองไปที่หญิงสาวที่มองมาทางกลุ่มของชายหนุ่มที่มีใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เรียกได้ว่าหล่อซะจนไม่กล้าแม้แต่จะพูดเลยก็ว่าได้ แต่ในทางกลับกันเธอที่ตอนนี้มองไปเสื้อผ้าของตัวเองก็ต้องมาตกใจอีกรอบสองเพราะเสื้อผ้าที่เธอใสมาไม่ใช้แบบนี้
เกิดอะไรขึ้นกัน แล้วคนพวกนี้เป็นใคร?
ในความคิดของหญิงสาวที่กำลังตีกันวุ่นไปหมดในหัวเพราะเท่าที่จำได้คือเธอจะกลับบ้านจากการทำงานดึกแต่ก็มาเจอกับกลุ่มชายจำนวนไม่น้อยที่กำลังทำมิดีมิร้ายกับผู้หญิงอายุประมาณเท่าเธอในตรอกแคบๆ ที่ไม่ค่อยมีคนเดินกันมากนัก พอพวกมันเจอเธอเข้า เธอก็รู้ได้เลยว่าพวกนั้นกำลังคิดอะไรกันอยู่เพราะจากสภาพของผู้หญิงที่กำลังนอนที่พื้นในตรอกนั้นก็รู้เลยว่าโดนมาไม่น้อยเลยทีเดียว เธอจึงเลือกที่จะวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะก่อนจะเดินเข้าตรอกมาจะเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่มากๆ ที่ไม่ค่อยจะมีคนผ่านเพราะถนนจะปิดไม่ให้รถผ่าน แต่เพราะที่ทำงานของเธอนั้นอยู่ในย่านนี้เธอจึงต้องจำใจผ่านทางนี้
โดยส่วนใหญ่แล้ว ฉันจะไม่ค่อยมาทางนี้เท่าไรนักเพราะมันน่ากลัวเพราะไม่ค่อยมีไฟและกล้องวงจรปิดแถมยังชอบมีกลุ่มผู้ชายประมาณ 5-10 คนมักจะไปที่นั่นแต่เพราะตอนนี้ถนนที่เธอจะไปมันเสียเขาจึงปิดซ่อมทำให้ เธอต้องเดินอ้อมไปอีกทางก็คือตรอกทางนี้นั้นเอง
แลคติสที่สังเกตว่าท่าทีของแปลกๆ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาแล้วทำให้เขาที่สังเกตได้จึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงแต่นั้นก็ทำให้อลิสที่เห็นแบบนั้นถึงกับสติแตกกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขั้วหัวใจ จนทำให้ชายทั้ง3ที่ได้เห็นแบบนั้นรีบเข้าไปปิดปากหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
“อยากให้เราตายกันหมดรึไง ฮะ!” เชียสต์ที่ปิดปากของหญิงสาวได้บอกอย่างเหลืออด บนทำให้อลิสที่เห็นแบบนั้นยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่จนอีธานต้องห้ามไม่ให้เชียสต์ทำให้อลิสกลัวไปมากกว่านี้
“เจ้ามาจากไหน” พอเพื่อนของตนปล่อยมือออกจากปากของหญิงสาวแล้วอีธานจึงเริ่มถามอลิสด้วยความรวดเร็ว
“แล้วที่นี่ที่ไหนล่ะ พวกนายเป็นใคร ฮะ”
“ที่นี่คือป่าที่ขั้นระหว่างบาเบดอสกับคิงแมนดิสแล้วเจ้ามาจากไหนทำไมถึงมาอยู่ในป่านี้คนเดียวแบบนี้ รวมถึงการแต่งกายของเจ้าก็ด้วยมันไม่เหมือนการแต่งกายของพวกเราเลย เจ้ามาจากไหน”
แลคติสถามด้วยความสงสัยและคนอื่นในพวกเขาก็เช่นกัน อลิสที่ได้ฟังแบบนั้นจึงบอกเรื่องของตนไปว่าเกิดที่ไหนและชื่ออะไรจนชายทั้ง 4 ที่ได้ยินแบบนั้นก็ต้องเงียบไม่สักพักเพื่อคิดวิเคราะห์จากเรื่องที่อลิสเล่ามาทั้งหมด
“สรุปว่าเจ้าชื่ออลิสสิน่ะ ข้าเคแกน” เคแกนที่มีหูคล้ายสัตว์บอกกับอลิสพร้อมกับพยายามดมกลิ่นของเธออย่างตั้งใจ
“คะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่การแต่งกายดูจะไม่ค่อยเรียบร้อยนัก
“แล้วทำไมเจ้าถึงไปอยู่ที่แม่น้ำนั้นได้ล่ะ” อีธานที่คิดเท่าไรก็คิดไปตกเพราะที่อีกฝ่ายเล่ามาก็แค่บอกว่าตกน้ำแล้วมาที่นี่เลย
“คือ...พอดี ฉันไปทำงานแล้วกลับดึกมากเลยไปเจอพวกผู้ชายที่นิสัยไม่ดีเข้า พวกนั้นพยายามข่มขื่นฉันนะคะ แต่อลิสก็รอดมาได้นะ” อลิสที่เริ่มเล่าก่อนที่จะส่งยิ้มให้ในประโยคท้ายอย่างกลบเกลื่อน
“สรุปก็คือเจ้าจะถูกข่มขืนเลยกระโดดน้ำเพื่อเอาตัวรอดใช้หรือเปล่า” อีธานถามอย่างถ้วนค้ำตอบโดยมีอลิสพยักหน้าให้เเทนคำตอบ
“ข่มขืนคืออะไรรึ อลิส” เคแกนที่กำลังดมกลิ่นของอีกฝ่ายไม่ห่างถามอย่างตั้งใจจนอลิสที่นั่งไม่กล้าที่จะตอบคำถามมากนักแต่ก็จำใจตอบ
“ข่มขื่นก็คือการที่ผู้ชายจะมามีอะไรกับผู้หญิงไงคะ แต่อลิสไม่เต็มใจแบบนั้นเรียกว่าข่มขื่นไงล่ะ” ฝ่ายชายที่พอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับสะอึกกับการที่ได้คำตอบโดยมีเชียสต์กำลังมองไม่ห่าง
“แล้วเมื่อไรจะออกมาจากตัวอลิสซะที ไปดมกลิ่นอยู่ได้” เชียสต์บอกอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับพยายามถีบเคแกนให้ออกห่างจากตัว
“ก็อลิสนะสิมีกลิ่นแปลกๆ เจ้าลองดมกลิ่นดูสิ กลิ่นคล้ายของคาวเหมือนกลิ่นเลือดเลย หรือว่าเจ้าพวกนั้นรุนแรงกับเจ้ารึอลิส”
เคแกนถามอย่างสงสัยเพราะที่พยายามดมกลิ่นแล้วแต่ในตอนแรกนั้นแทบจะไม่มีกลิ่นเลยด้วยซ้ำ แต่มาตอนนี้มันก็เริ่มส่งกลิ่นอันหอมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ .
อลิสที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับหน้าแดงเพราะเธอเองนั้นไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเลย
“เอ่อ คือไม่ใช่หรอกค่ะเพราะอลิสยังไม่เคย…เออ ไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนเลยนะคะ” อลิสบอกไปอย่างอ้ำอึ้งแต่คำตอบที่ได้นั้นก็โดนใจฝ่ายชายทั้งหลายไม่น้อยเหมือนกัน เชียสต์ที่ดมกลิ่นตามที่เคแกนบอกก็ได้กลิ่นแบบนั้นเช่นกันและนั่นยิ่งทำให้เขาแทบจะห้ามตัวเองไม่อยู่เลย เพราะกลิ่นที่มันส่งมานั้นหอมมากจนอดใจไม่ไหวเลย
“เจ้ามีกลิ่นนะ เหมือนเจ้าจะบาดเจ็บนะ” อีกฝ่ายที่กำลังทำท่าฟุดฟิดๆ มาสักระยะตามที่ชายมีใบหูต่างจากคนอื่นบอกกับตนมาทำให้เขายิ่งยากจะรู้เข้าไปอีกจึงเอาแต่ดมกลิ่นจนลืมเรื่องรอบตัวไป
“จริงเหรอ ฉันมีกลิ่นตัวด้วยเหรอ” หญิงสาวผมสีสะดุดตาเมื่อได้ยินแบบนั้นยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่กับการที่เพศตรงข้ามมาทักเรื่องกลิ่นตัวแบบนี้ก็ทำให้เธอทำท่าทีเหมือนกับชายผิวแทนร่างกำยำสมส่วนเหมาะกับการที่จะเป็นทหารมากกว่าที่จะมาเดินป่าแบบนี้
“ใช่แน่เลย กลิ่นของเจ้ามันแรงมากเลยนะ”
ชายอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้จากทั้ง3 คนที่มัวแต่พยายามดมกลิ่นอยู่ ก่อนจะเอามือมาปัดที่จมูกของตัวเองอย่างแรงเพื่อหวังให้กลิ่นคาวที่หอมชวนให้เคลิบเคลิมออกไปให้ไกลจากเขาให้มากที่สุด เมื่อหมอหนุ่มเห็นเพื่อนของตัวเองที่พยายามปัดอากาศอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นยิ่งทำให้เขาอยากจะตรวจร่างกายของคนที่พึ่งเจอกันไม่นานมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะดูจากการแต่งกายและกลิ่นกายของอีกฝ่ายนั้นชวนทำให้เพศตรงข้ามหลงได้โดยง่าย
พวกเขาทั้ง 4 เริ่มเดินทางกันต่อเพื่อหวังให้การเดินทางรวดเร็วยิ่งขึ้นเพราะกว่าจะถึงหอแห่งเทพก็อีกหลายอาทิตย์เลยกว่าจะถึงหรืออาจจะใช้เวลานานกว่าที่คิดเอาไว้เสียด้วยซ้ำ ยิ่งมาเจออลิสที่นี่ด้วยแล้วพวกเขายิ่งต้องรีบเดินทางเพื่อที่ต้องการยืนยันการมีอยู่ของนางและอื่นๆ อีกเพราะดูจากการแต่งกายแล้วนางอาจจะไม่ใช่คนแถวนี้เลยก็ได้ ระหว่างการเดินทางเคแกนที่คอยอยู่ติดกับร่างบางผมสีหวานตลอดเวลาชนิดที่ว่าแทบไม่ให้คลาดสายตาเลยก็ว่าได้ การกระทำชวนให้ชายผิวแทนอารมณ์เสียไม่น้อยเลย
"จะอะไรกันนักกันหนา รีบเดินหน่อยไม่ได้หรือไงฮะ! " ชายผมทองพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์เสียเมื่อเห็นเพื่อชายของตนเองตัวติดกับหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มตลอดเวลา
"อะไรของนายนะ เราก็เดินกันอยู่นี่ไงไม่เห็นรึไงเชียสต์" เคแกนหันหน้าไปพูดกับขายผิวแทนอย่างอารมณ์เสียไปด้วยแต่ก็เพียงไม่นานก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
เสียงฝีเท้าของตัวอะไรบางอย่างขนาดใหญ่เดินเข้ามาเรื่อย ๆ ชายผิวแทนกับชายตาสีเขียวเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างไม่ไกลจากตัวพวกเขามากนัก
"อะไรนะ! เสียงฝีเท้าแบบนี้"อีธานที่จับเสียงฝีเท้าได้ก็พูดขึ้นเป็นเชิงถามเพื่อนในกลุ่ม
"อลิสอยู่ใกล้ข้าไว้นะ" เคแกนเตือนหญิงสาวที่พอได้ยินคนอื่นๆ พูดคุยกันก็มองซ้ายมองขวาอย่างสงสัยปนอยากรู้
ปัก!!
เสียงต้นไม้ที่ถูกตีอย่างแรงด้วยมือเปล่าของตัวอะไรบางอย่างทำให้ต้นไม้ด้านหน้าของคนทั้ง 5 ปลิวลอยไปอีกทางอย่างแรง อลิสที่เมื่อเห็นแบบนั้นก็ถึงกับตาค้างกับต้นไม้ที่ปลิวลอยไปกระแทกกับต้นไม้อีกต้นที่อยู่อีกด้าน
"นั่นมัน สิงโตนี้" เสียงอีธานพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
สิงโตขนาดใหญ่กว่าปกติหันหน้ามามองชายทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าแต่สายตาของมันกลับหันไปมองร่างของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มที่ยืนอยู่ด้านในสุดโดยที่มีชายทั้งสี่คนล้อมรอบเอาไว้ สิงโตสีน้ำตาลอ่อนตัวใหญ่คำรามออกมาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะหันไปมองชายทั้งสี่คนที่ยืนขว้างมันไม่ให้เขาไปถึงตัวมนุษย์เพศเมียยกมือขึ้นสูงเตรียมใช้แรงที่มีต่อสู้ให้กลุ่มเพศชายแตกกระจายแต่เชียสต์ไหวตัวทันจึงตะโกนให้รับมือ
"มันคิดจะต่อสู้กับเรา เตรียมตัวเอาไว้" เชียสต์พูดพร้อมมองไปทางสิงโตที่มีเผ่าพันธุ์ลูกครึ่งเดียวกับตัวของเขาอย่างตั้งใจและวิเคราะห์ท่าทีของศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"มันเป็นอะไรนะ ทำไมมันคลั่งแบบนี้ล่ะ"
แลคติสถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะเดือนนี้ยังไม่ใช้ฤดูผสมพันธุ์หรือได้รับการต่อสู้ที่รุนแรงแต่ทำไมเผ่าพันธุ์ที่เหมือนกับเชียสต์ถึงได้กลายร่างมาอยู่ในร่างนี้ได้แบบนี้
"คงจะเป็นเพราะกลิ่นของยัยผมลูกกวาดนั้นแน่เลยที่ทำให้มันรู้สึกอย่างผสมพันธุ์ตอนนี้เพราะนี้ก็ใกล้ฤดูผสมพันธุ์แล้วด้วย ยิ่งใครที่ร่างกายไม่แข็งแรงหรือใจไม่แข็งพอก็จะเป็นอย่างที่เห็นที่แหละ" เชียสต์ตอบข้อสงสัยของคนอื่นได้ ต่างจากอลิสที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกที่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น
"อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะฉันนะ"
"ก็ใช่นะสิยัยโง่" เชียสต์ตอบกลับไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงมาก
วูบ ปัง!!
ยังไม่ทันได้เตรียมตัวหรือระวังร่างของเชียสต์ก็ปลิวไปกระแทกกับต้นไม้อีกต้นอย่างเต็มแรงนั้นยิ่งทำให้คนที่เหลือตกใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่น้อย
"เชียสต์ เป็นไงบ้าง" อีธานที่ตั้งสติได้ตะโกนถามอีกฝ่ายที่ล้มไปนอนกับพื้นอย่างหมดสภาพโดยที่มีคนที่เหลือเฝ้าระวังเอาไว้ให้
"ไม่เป็นอะไรมาก แค่ก ๆ " เชียสต์ที่พอตอบกลับไปก็ด้วยน้ำเสียงแหบกว่าปกติ
"ระวัง! "
เคแกนที่จับท่าทีของสิงโตตัวนี้ได้ก็รีบตะโกนเพื่อเมื่อเห็นว่ามันอ้าปากเห็นเขี้ยวขนาดใหญ่พร้อมมือทั้งสองข้างที่เตรียมตะปบทำให้คนที่ได้ยินหันกลับมาสนใจเจ้าสิงโตตัวตรงหน้าแต่ยังไม่ทันที่จะได้สู้กับสิงโตตัวตรงหน้าก็หายไปอย่างรวดเร็ว
แลคติสที่มารู้ตัวได้ว่ามันทำท่าทีเพื่อให้ตัวพวกเขาระวังตัวโดยที่มันไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นแต่ที่ทำเพื่อให้พวกเขาคิดเอาไว้แบบนี้เพื่อที่จะทำอะไรบางอย่าง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขารีบหันไปมองด้านหลังที่มีเคแกนกับอลิสอยู่แต่พอหันกลับไปหญิงสาวก็หายไปแล้ว
"อลิส มันหรอกเราอลิสหายไปแล้ว! " แลคติสพูดด้วยน้ำเสียงโมโหที่คิดช้าเกินไป
"โอ๊ย เจ็บจัง"
ไม่รู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วหลังจากที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ภายในรอบจะเป็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่มากนักภายในถ้ำไม่มีอะไรเลยนอกจากร่างบางที่พึ่งได้สติกับเจ้าตัวบางอย่างที่ไม่รู้ได้ว่าหายไปไหนแล้ว
กรร
เสียงสัตว์ขนาดใหญ่ร้องคำรามเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางที่ได้ยินดังนั้นจึงเลือกที่จะแกล้งสลบต่อโดยตาข้างหนึ่งของเธอไม่ได้ปิดสนิทเพราะอยากรู้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดต้องการอะไรจากเธอ
เจ้าสัตว์ประหลาดตัวขนาดใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกับของในมือที่ดูคล้ายกับผลไม้มีลักษณะเป็นสีแดงจะเป็นแอปเปิ้ลก็ไม่ใช่จะเป็นส้มก็ไม่เชิงคงเพราะที่นี่ไม่เหมือนที่ ๆ เธอเคยอยู่ทำให้อะไรๆ ก็ดูแปลกตาไปเสียหมด สิงโตตัวโคตรใหญ่และใหญ่กว่าปกติที่เธอเคยเจอค่อยๆ หันหน้ามามองตัวของเธอที่แกล้งสลบอยู่ที่พื้นจากนั้นมันจึงค่อยๆ ก้มหน้าลงจากนั้นตัวของมันที่ใหญ่กว่าปกติก็ล้มตัวลงนอนโดยการคว่ำหน้าลงพื้นแต่หัวหรือหน้าของมันมองมาทางร่างบางที่แกล้งสลบอยู่ ดูลักษณะของมันไม่เหมือนสัตว์ร้ายเมื่อกี้นี้เลยด้วยซ้ำ คงจะใช้เวลาไปกับการมองหญิงสาว
เมื่อไรมันจะเลิกมองสักทีเนี่ย ไอคนแกล้งสลบก็เมื่อยไปเถอะ มองอยู่ได้ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไงฮะ!!!
ฮึ่ม...
เสียงถอนหายใจของสิงโตตัวเดียวในถ้ำกำลังถอนกายใจไปด้วยมองร่างของคนแปลกหน้าที่มันกำลังคิดว่าเป็นของเล่นชิ้นใหม่อยู่ตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจเพราะเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเจ้าของเล่นที่มันเอามาก็ยังไม่ฟื้นสักที
หรือว่ามันจะไม่ได้ร้ายเหมือนขนาดตัวของมัน เพราะดูจากการกระทำแล้วมันแทบจะไม่ได้ทำอะไรเธอเลยด้วยซ้ำ สิงโตก็คงเหมือนแมวนั่นแหละเพราะมันคือสายพันธ์เดียวกันคงจะไม่ได้ต่างอะไรมากมายนักหรอก
อีกด้าน
หลังจากที่อลิสหายตัวไปทั้งสี่คนก็ตามหากันพอสมควร แต่เป็นเพราะเชียสต์ที่ยังเจ็บแผลจากการถูกกระแทกทำให้ประสาทรับกลิ่นใช้ไม่ค่อยได้ผลมากเท่าไรนัก
"ข้าได้กลิ่นแล้ว" ชายผิวแทนคนเดียวในกลุ่มเดินเอาแขนขวาจับแขนข้างซ้ายเอาไว้เพื่อไม่ให้ไปโดนสิ่งต่างๆ เพราะแขนข้างซ้ายโดนหนักมาพอสมควร
"ได้กลิ่นนางแล้วใช่ไหม ถ้าได้กลิ่นก็ดมเร็วเข้าสิ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้" เคแกนทำสีหน้าเศร้าปนเป็นห่วงหญิงสาว
"นายก็ใจสิ ว่าแต่นายเองก็เป็นหมาป่าไม่ใช่หรือไง ปกติหมาป่าประสาทรับกลิ่นจะดีไม่ใช่เหรอ" อีธานหันไปมองเคแกนที่ทำทีเลิ่กลั่กทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเจ้าตัว
"ใช่ หรือว่านายกลัว" แลคติสพูดสนับสนุนอีธาน
"ก ก็ตอนนี้ข้านั่งเป็นห่วงอลิสอยู่นะเวลาข้าเป็นห่วงใครมากๆ ประสาทรับกลิ่นจะไม่ดีแค่นั้นเอง"
"ได้กลิ่นแล้วอยู่ทางนั้น" เชียสต์ทำสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็เพียงแค่ไม่นานก่อนจะกลับมาเป็นแบบเดิม เมื่อพูดจบทุกคนก็เดินไปตามทางที่ชายผมทองชี้ให้ดูก่อนจะเดินต่อไปอย่างเร่งรีบ
ชายทั้ง 4 คนเดินตามกลิ่นมาเรื่อยอย่างเร่งรีบด้วยความเป็นห่วง
"เชียสต์นายคิดยังไงกับอลิส"
อีธานที่เดินตามมาข้างหลังอยู่ดีๆ ก็พูดขึ้น คนที่ถูกถามเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากมายนัก ต่างจากคนที่ได้ยินอีก 2 คนที่พอได้ยินในสิ่งที่หมอหนุ่มถามก็หูผึ่งขึ้นมาทันที
"เจ้าถามทำไม มีอะไรหรือไง"
"ใช่ อีธานเจ้าจะถามเชียสต์ให้ได้อะไรขึ้นมาดูอาการก็รู้ว่าเจ้านี้ไม่ชอบนาง" เคแกนบอกกับหมอหนุ่ม
"ใช่ที่ไหนละ ข้าดูอาการของเจ้าออกว่าเจ้าก็ดูจะชอบนาง ข้าไม่ใช้คนโง่ที่จะดูไม่ออกหรอกนะ" อีธานพูดเสริมประโยคนี้ทำเอาชายทั้งสองคนอึ้งไปเล็กน้อย
"เจ้าดูยังไงว่าหมอนี้ชอบนางไม่มีอะไรที่บ่งบอกเลยว่าเชียสต์ชอบอลิสนะ" แลคติสเสริมทัพ
"ใช่ ข้าต่างหากที่ชอบนาง" คราวนี้เคแกนพูดพร้อมยืนเท้าสะเอว
"เจ้าก็รู้ว่าหมอนี้ปากไม่ตรงกับใจใช้ไหมเชียสต์ บางที่นายอาจจะชอบนางแต่ทำทีเป็นไม่ชอบก็ได้ใครจะไปรู้"
"แล้วยังไง จะถามให้ได้อะไรขึ้นมารึไงเอาเวลาที่เจ้าถามข้าไปหานางให้เจอก่อนดีกว่านะ" ชายผิวแทนตอบกลับหมอหนุ่มไปอย่างไม่สนใจ
"เพราะที่ข้าถามเนี่ยข้าชอบนาง ข้าก็เลยถามเจ้าดูว่าเจ้าจะเป็นเหมือนกันหรือเปล่าแค่นั้นเอง" เอดาสตอบคำถามของชายที่ยืนนำอยู่ด้านหน้ากลับไป
"ข้าก็ชอบนาง!!" มาถึงประโยคนี้เคแกนกับแลคติสถึงกับพูดพร้อมกัน ทั้งคู่มองหน้าของกันและกันอย่างไม่พอใจ
"ได้ เราสามคนหรืออาจจะสี่คนชอบนาง ถึงยังไงก็เถอะความชอบความรักมันห้ามกันไม่ได้อยู่แล้วเมื่อไรที่นางเลือกหรือไม่เลือกพวกเราก็อาจจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้ เพราะข้าจะเอานางมาเป็นของข้า" อีธานพูดกลับไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแบบไม่ต้องอธิบายต่อ
"ได้ ข้าก็จะเอานางมาเป็นของข้าเหมือนกัน" เคแกนพูดพร้อมยกยิ้มเสริม เชียสต์ที่ได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเบาๆ "กลิ่นของนางเริ่มชัดขึ้นแล้ว น่าจะไม่ไกล" พูดจบชายผมทองก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอย่างรวดเร็วเมื่อเริ่มได้กลิ่นชัดมากขึ้นจนมาหยุดลงที่ปากถ้ำ
ทั้งสี่คนเตรียมตัวพร้อมต่อสู้อย่างเต็มที่เดินเจ้าไปในถ้ำอย่างระมัดระวัง
"กรี๊ด......"
อลิสส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นหนูตัวไม่ใหญ่มากวิ่งผ่านหัวของนางไป อลิสจึงกระโดดขึ้นตัวเจ้าสิงโตตัวใหญ่ทันที ก่อนจะลงมาจากตัวมันเมื่อสังเกตเห็นว่ามันวิ่งผ่านไปแล้ว