Chapter 20

1920 Words
คลั่งใหญ่บ้าคลั่ง เป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบห้า รูปร่างสูงใหญ่และกำยำแข็งแกร่ง ถือว่าเป็นลูกสมุนที่โอโตฮวาไว้ใจมากคนหนึ่ง ไม่มีใครรู้ชื่อนามจริงของมัน ตามข้อมูลที่ทีมสืบสวนพิเศษพยายามรวบรวมมาให้ได้มากที่สุด จึงสรุปได้แค่ว่ามันเป็นเด็กเร่ร่อนข้างถนน ซึ่งบังเอิญเจอกับโอโตฮวาและเกิดถูกชะตาจึงรับมาเลี้ยงดูเพื่อใช้งานในอนาคต ถือว่าในสายตาของโอโตฮวาคลั่งใหญ่บ้าคลั่งเลี้ยงไม่เสียข้าวสุก ส่วนสาเหตุที่มันใช้ชื่อนี้เพราะตอนสู้กับทีมสวาทของตำรวจ มันแทบไม่กลัวตาย แต่กลับใช้ขวานใหญ่คู่พุ่งเข้าไล่ฟันตำรวจคอมมานโดสมกับชื่อที่มันใช้ หรืออาจเพราะมันถูกโอโตฮวาปลุกพลัง เลยทำให้คิดว่าไม่มีใครทำอะไรมันได้ กาลเวลาผ่านไปคลั่งใหญ่บ้าคลั่งได้รับการไว้วางใจจาก สุธน ปลาทอง หัวหน้าใหญ่ของโอโตฮวา มันกับน้องชายสองคนได้รับมอบหมายให้ดูแลงานที่รับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งก็คือคาสิโนที่มีชื่อว่า แดนสวรรค์ แต่เป็นขุมนรกบนดินของเหล่าผู้หญิงที่ถูกหลอกหรือโดนลักพาตัวแถมตัวมันก็บ้ากามไม่แพ้ลูกค้าที่มาใช้บริการ อย่างไรก็ตามในวันนี้ก็มาถึง วันที่พวกมันจะต้องชดใช้ในบาปกรรมที่ก่อไว้ ++++++ "โผล่หัวมาสักที ไอ้เวร" ปรมัตถ์พึมพำ คลั่งใหญ่บ้าคลั่งลุกขึ้นยืนและมาเผชิญหน้ากับปรมัตถ์ เทียบความสูงแล้วตัวปรมัตถ์รู้ดีว่าเขาเสียเปรียบแน่นอน แต่ถ้ามีพลเรือนอยู่ตรงนี้ก็จะยิ่งทำให้เสียเปรียบมากขึ้น ใจปรมัตถ์ภาวนาขอให้หลี่ชิงชิงพาทุกคนหนีไปได้สำเร็จ และพวกบุญธรตามมาสมทบกับเขาทันหรืออย่างน้อยก็ช่วยพลเรือนออกจากคาสิโน ฝั่งคลั่งใหญ่บ้าคลั่งก็มองมาที่ยุวชนทหารตรงหน้า นึกฉงนใจไม่น้อยเพราะนานมากแล้วที่ไม่ค่อยได้เจอศัตรูที่ไม่มีท่าทางหวาดกลัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมันเช่นนี้ "ยอมรับว่าแกใจกล้ามากที่กล้า..." คลั่งใหญ่บ้าคลั่งยังไม่ทันเอ่ยจบประโยค มันก็เจอกำปั้นหนัก ๆ อัดเข้าใบหน้า แรงกำปั้นส่งผลให้มันถึงกับหน้าหัน ยอมรับว่ามันทึ้งไม่น้อยที่อีกฝ่ายอายุยังน้อยแต่กลับมีพละกำลังขนาดนี้ทว่ามีหรือที่มันจะยอมถูกเล่นงานฝ่ายเดียว มันจึงสวนหมัดเสยคางใส่ปรมัตถ์ทันที เดชะบุญเขาถอยหลบทันแต่ก็ถูกลำตัวขนาดใหญ่ อัดตรงเข้ากระแทกที่ส่วนลำตัว ยุวชนทหารหนุ่มปลิวกระเด็นไถลกับพื้นและรู้สึกจุกไม่น้อย คลั่งใหญ่บ้าคลั่งส่งเสียงหัวเราะก้องกังวาน สมแล้วกับชื่อที่มันใช้ในวงการ คลั่งสมชื่อเสียเหลือเกิน "วันนี้คือวันตายของมึง ไอ้หนู !" คลั่งใหญ่บ้าคลั่งประกาศก้องอย่างมั่นใจ ด้านปรมัตถ์ก็ถุยเลือดลงพื้น "อย่าพึ่งได้ใจไปสิ กูไม่ยอมให้โดนเล่นฝ่ายเดียวหรอก" เขาเอ่ยและกลับมาตั้งท่าต่อสู้ "ปากดีนะมึง !" ชายร่างสูงใหญ่พุ่งตรงเข้าโจมตีใส่ปรมัตถ์ในทันที มันเหวี่ยงกำปั้นขวา-ซ้ายระดมรัวไม่ยั้ง ฝั่งปรมัตถ์ยกแขนขึ้นมากันไว้ แรงสองกำปั้นที่กระทบกับท่อนแขนทำเอาเขารู้สึกเหมือนแขนกำลังจะหัก แต่แล้วปรมัตถ์ก็หาทางโต้กลับด้วยลูกถีบซ้าย อัดเข้าหน้าท้องจนมันเซถอยหลัง เปิดโอกาสให้เขาซัดฝ่ามือเข้ากลางอก ทว่าคลั่งใหญ่บ้าคลั่งรีบยกสองแขนขึ้นกันไว้เสียก่อน แต่ตัวมันก็ปลิวกระเด็นไปชนผนัง เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่และกว้าง เพราะแรงกระแทกที่รุนแรงเมื่อครู่ คลั่งใหญ่บ้าคลั่งถุยเลือดลงพื้น สีหน้าของมันแทบไม่แสดงความเจ็บปวดใด ๆ ออกมา หากแต่เป็นความรู้สึกชอบอกชอบใจ ที่ได้เจอศัตรูผู้สามารถทำมันบาดเจ็บได้เพียงนี้ ครู่ต่อมามันก็รวบรวมพลังที่มี สมานอาการบาดเจ็บภายในเพื่อจะสู้ต่อ ฝั่งปรมัตถ์ที่เห็นแบบนั้นก็ยอมรับว่าศัตรูคนนี้มันคลั่งสมชื่อ แม้อัยการเย่เฉินจะบอกให้จับเป็นก็จริง แต่จากประสบการณ์ที่พึ่งผ่านสนามรบมามันบอกแก่ปรมัตถ์ว่า ให้จับฉลามขาวยังง่ายกว่าจับคลั่งใหญ่บ้าคลั่งแบบยังมีลมหายใจ และบางทีมันอาจจะสู้ชนิดถวายชีวิตไปแล้ว เพราะหากมันทำพลาดก็คงมีชะตาไม่ต่างจากโอโตฮวา... คือถูกสั่งเก็บ "ในที่สุดกูก็ได้เจอศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อแบบมึง กูรอมานานแล้ว" คลั่งใหญ่บ้าคลั่งก็ส่งเสียงหัวเราะกึกก้องราวกับคนเสียสติหลุดจากโรงพยาบาลจิตเวชย์ "มันน่าดีใจขนาดนั้นเลย" ปรมัตถ์ถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "แน่นอน !" จู่ ๆ คลั่งใหญ่บ้าคลั่งก็เคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นจนน่าใจหาย มันปรากฏตัวต่อหน้าปรมัตถ์และใช้สองฝ่ามือหมายจะตบศีรษะของเขาให้แหลกทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ สองฝ่ามือของมันถูกแรงลมที่ไม่อาจแตะต้องได้ดันมือเอาไว้ ไม่ให้มาถึงศีรษะของปรมัตถ์ กลายเป็นโอกาสโต้กลับอย่างง่ายดาย ยุวชนทหารหนุ่มซัดหมัดฮุดซ้ายเข้าที่หน้าคลั่งใหญ่บ้าคลั่งจนมันหน้าหัน แล้วใช้สองฝ่ามือซัดลำตัวของมันปลิวกระเด็นอีกครั้ง หากแต่รอบนี้มันกัดฟันทนต่อความเจ็บปวด และวิ่งเข้าจู่โจมใส่ปรมัตถ์อย่างบ้าคลั่ง ฝั่งยุวชนทหารหนุ่มที่ตั้งหลักไม่ทัน ก็โดนแทกเข้าลำตัวปลิวไถลกับพื้นไปหลายเมตร พอดีกับมีเสียงระเบิดดังจากด้านบน มันส่งแรงสั่นสะเทือนมายังห้องใต้ดิน สร้างความหวั่นใจที่เพดานจะถล่มลงมาหรือเปล่า แม้แต่ระดับคลั่งใหญ่บ้าคลั่งก็ไม่บ้าระห่ำมากพอที่จะเสี่ยงอยู่ที่นี่ มันจึงตัดสินใจวิ่งไปหาห้องลับหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟท์ พอดีกับปรมัตถ์ลุกขึ้นยืนในสภาพที่จุกไปทั้งตัว เขายอมรับว่าอีกฝ่ายแรงเยอะยิ่งกว่าควายร้อยตัว ที่สำคัญปรมัตถ์จะไม่ยอมให้มันไปหาหลี่ชิงชิงที่กำลังคนอื่นหลบหนีอยู่ +++++++ หลี่ชิงชิงติดต่อทางวิทยุกับจ่าสิบเอกแลนเดน เพื่อพาพลเรือนทั้งหมดออกจากเขตอันตราย จากแผนผังกอปรกับมีหนึ่งในกลุ่มเด็กสาวซึ่งอยู่มานาน จนสามารถรู้เส้นทางต่าง ๆ ที่นี่ทั้งหมดนำทางทุกคนออกจากคาสิโน มาสู่ลานจอดรถด้านนอกได้สำเร็จ หลี่ชิงชิงหันมาบอกกับคนอื่น ๆ ให้รีบวิ่งไปที่รถหุ้มเกราะที่จอดอยู่ แล้วรอจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารมาช่วย ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ยุวชนทหารสาวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารพุ่งตรงไปที่กลุ่มเด็กสาว หลี่ชิงชิงไม่รอช้ารีบเข้าไปขัดขวางโดยการใช้สันมือ ฟันเข้าตรงกลางของบางสิ่งที่คิดลอบทำร้ายพลเรือน "รีบไปซะ !" หลี่ชิงชิงตะโกนบอกกับคนอื่น ๆ และหันมาเผชิญหน้ากับศัตรูตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว เธอจดจำศัตรูผู้นี้ได้จากข้อมูลในแขนขวานของโอโตฮวา หนึ่งในสมุนที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งมาเฟียตระกูลปลาทอง รวมทั้งโอโตฮวาเองด้วยซึ่งนามของมันคือ คลั่งรองคุ้มคลั่ง น้องชายของคลั่งใหญ่บ้าคลั่ง มันเป็นชายร่างสูงบางเเต่ยังพอเห็นมัดกล้ามอยู่เล็กน้อย ทว่าจุดเด่นของคลั่งรองคุ้มคลั่งคือแขนขวาที่ยาวผิดปกติ กรงเล็บที่ทั้งยาวและแหลมคมเหมือนกรงเล็บของสัตว์ ถ้าวัดความยาวด้วยตาเปล่าแล้ว หลี่ชิงชิงคิดว่าน่าจะเทียบเท่ากับเสาไฟต้นหนึ่งได้ นอกจากแขนที่ผิดปกติแล้วยังมีเขี้ยวอันแหลมคมผสมกับลิ้นยาวที่แลบออกมา แน่นอนว่าในความคิดแวบแรกของหลี่ชิงชิงคือ... [นี้มันเกินขอบเขตของมนุษย์ไปแล้ว] หลี่ชิงชิงคิด ขณะเดียวกันทางฝั่งคลั่งรองคุ้มคลั่งก็รู้สึกประหลาดใจที่ศัตรูไม่มีความเกรงกลัวต่อมันเลยแม้แต่น้อย "น่าสนใจดีนี่" คลั่งรองคุ้มคลั่งกล่าว "ว่าไงนะ" หลี่ชิงชิงขมวดคิ้ว "นานมากแล้วที่ข้าไม่ค่อยได้เจอศัตรูแบบเจ้า ที่ไม่เกรงกลัวต่อร่างกายอันบิดเบี้ยวนี้" มันใช้มือซ้ายอันปกติชี้มาที่ตัวเอง "และเจ้าคงสงสัยสินะ สาวน้อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายข้า" ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับแต่หลี่ชิงชิงก็ต้องยอมรับว่า เธอก็สงสัยไม่น้อยเหมือนกันทว่าในตอนอยู่สงคราม หลี่ชิงชิงเคยเห็นข้าศึกศัตรูมีร่างกายผิดปกติแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งมันก็เป็นเพราะการดัดเเปลงร่างกาย และอาจรวมไปถึงการตัดต่อพันธุ์กรรมด้วย ดังนั้นในกรณีของคลั่งรองคุ้มคลั่งน่าจะอยู่สองข้อนี้แน่นอน หลี่ชิงชิงชักกระบี่ออกเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง "แกโดนดัดแปลงตั้งแต่เด็กหรือ" หลี่ชิงชิงถามแบบคาดเดา คลั่งรองคุ้มคลั่งหัวเราะเสียงแหบห้าวออกมา "เดาถูกแล้วสาวน้อย ข้าโดนดัดเเปลงตั้งแต่เด็กเพื่อฝึกเป็นเครื่องมือสังหารให้กับนายน้อยสวี่เฟิ่ง" [สวี่เฟิ่ง ลูกชายของสวี่หมิงล่างนี่] สายตาของคลั่งรองคุ้มคลั่งก็ฉายแววจิตสังหารตรงมาทางหลี่ชิงชิง "ข้าเสียใจแม่สาวน้อย ที่ข้าต้องดับลมหายใจของเจ้า !" พูดจบมันก็พุ่งเข้าโจมตีด้วยแขนยาวของมัน ทว่าหลี่ชิงชิงใช้เพลงกระบี่ปัดป้องกรงเล็บออกไปทันท่วงที เธอเบี่ยงหลบทางซ้ายและซัดฝ่ามือไปที่ท่อนแขน คลั่งรองคุ้มคลั่งสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของท่อนแขนได้ แต่มันก็เอาแขนขวาอันใหญ่และยาวเหวี่ยงกระแทกลำตัวหลี่ชิงชิง ทว่าเธอยกเข่าและแขนขึ้นมากันไว้ ทำให้มันลดแรงกระแทกเล็กน้อย เมื่อถอยห่างออกมาได้ระยะหนึ่ง หลี่ชิงชิงก็ตั้งท่ากระบี่เตรียมเข้าจู่โจม แต่ก็ช้ากว่าคลั่งรองคุ้มคลั่งที่ควบคุมแขนขวาพร้อมกรงเล็บตรงมาที่ข้างลำตัว ด้วยไหวพริบที่ฝึกฝนมาหลี่ชิงชิงจึงรีบเปลี่ยนทิศทางของกระบี่ได้อย่างรวดเร็ว ไฟธาตุวายุถูกรวบรวมไว้ที่ตัวอาวุธประจำกาย เพลงกระบี่กระบวนท่าที่หนึ่ง.... สายลมพัดผ่าน.... เพียงแค่หลี่ชิงชิงวิ่งผ่านแขนขวาของคลั่งรองคุ้มคลั่ง ผิวเนื้อแขนก็ปริแตกออกเหมือนผนังบ้านที่กำลังแตกร้าว ไม่นานโลหิตก็ทะลักออกจากผิวเนื้อ วินาทีนั้นเองที่คลั่งรองคุ้มคลั่งรับรู้ว่ามันถูกคมกระบี่ของศัตรูเข้าให้แล้ว แต่แค่นี้โค่นล้มมันไม่ได้หรอกซึ่งตรงนี้หลี่ชิงชิงรู้ดีและเธอคิดว่าต่อจากนี้ต่างหาก คือศึกหนักที่ต้องรับมือให้ได้ ครู่ต่อมาเธอก็สัมผัสได้ถึงรังสีจิตสังหารที่รุนแรงแผ่มาทางศัตรู "อีหนู ดูเหมือนว่าข้าจะใจอ่อนกับเจ้ามากไป งั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว" +++++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD