ผลสำภาษณ์ออกมาหลังจากวันสัมภาษณ์ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ มินตราได้ไปเรียนรู้งานที่ออสเตรเลียอย่างที่เธอคาดหวัง เพื่อนๆ ต่างร่วมกันแสดงความยินดี โดยเมทินีก็ไม่ลืมที่จะโพสต์ลงโซเชียลเพื่อที่เรื่องจะได้ไปถึงณัฐดล เธอรู้ดีว่าเขายังตามดูเพื่อนของเธอจากบัญชีโซเชียลของเธออยู่ และเธอก็อยากให้เขาเห็นว่าตอนนี้ ชีวิตของมินตราดีขึ้นแค่ไหน
‘แสดงความยินดีกับเพื่อนค่า เตรียมบินไปออสแบบสวยๆ #โสดแล้วปัง’ เมทินีโพสต์แล้วแท็กหามินตรา
“ยินดีกับแกด้วยจริงๆ นะที่ทำได้ พวกฉันสองคนรอรอบหน้าก็แล้วกัน” เมทินีบอกกับเพื่อนของเธอ
“ฉันอยากให้พวกแกไปด้วยมากกว่า ไปคนเดียวเหงาแย่เลย” มินตราเอ่ยขึ้น เธอรู้สึกดีใจมากๆ แต่ก็รู้สึกเสียใจด้วยในขณะเดียวกัน เพราะไม่อยากห่างกับเพื่อนๆ
“แกไปแค่ 3 ปีเอง ไปเพื่ออนาคตของแกเอง กลับมาเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนั่นแหละน่า” ลลิตาพูดขึ้นบ้าง
“งั้นวันศุกร์เราไปฉลองกันดีไหม ฉันเบื่อๆ เซงๆ อยากเมา” เมทินีเสนอขึ้น
“ทะเลาะกับผัวอีกแล้วล่ะสิทรงนี้”
“รู้มากนักนะยายลิน แต่ก็ถูก ฉันรู้สึกว่าพักหลังนี้ทะเลาะกันบ่อย”
“โอเคๆ ยังไงก็นัดกันอีกทีแล้วกัน ฉันขอตัวไปทำงานก่อน พี่จาตั้งแต่รู้ว่าฉันผ่านการคัดเลือก ก็จิกแปลกๆ” มินตราทำท่ากระซิบกระซาบก่อนจะเดินแยกออกมา
“อุ๊ย!!!” เธออุทานด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ โนอาก็โผล่เข้ามาขวางเธอไว้ และไม่ใช่เพียงแต่มินตราเท่านั้นที่ตกใจ แต่เพื่อนๆ ทั้งสองคนของเธอ และพนักงานคนอื่นที่เห็นก็ตกใจเหมือนกัน ดูก็รู้ว่าเขาจงใจเข้ามาขวางหน้าเธอ
“คุณโนอา” ตอนนี้เธอจำชื่อเขาได้แล้ว และต้องการรู้มากๆ ว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมถึงได้ทำเหมือนอยากให้คนอื่นๆ ในบริษัทรู้นักหนา ว่าเขารู้จักกับเธอ จริงๆ จะว่ารู้จักกันก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะถ้าไม่รวมเรื่องที่เธอเมาแล้วไปนอนกับเขา ก็ถือว่าแทบจะไม่รู้จักอะไรกันเลย
“ยินดีด้วยนะครับ ได้ยินว่าผลสัมภาษณ์ออกแล้ว และคุณก็ผ่านการคัดเลือกให้ไปเรียนรู้งานที่ออส” มินตราหันไปมองเพื่อนๆ ทั้งสองคนของเธอ แน่นอนว่าสองสาวกำลังเพ่งมองเธออย่างจับผิด อุตส่าห์ปัดความสงสัยของเพื่อนๆ ออกไปได้จนหมดแล้วแท้ๆ เขาดันมาทำให้พวกนี้สนใจขึ้นมาอีกจนได้
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวจำใจต้องตอบไปตามมารยาท และพยายามจะเดินเลี่ยงออกไป แต่ก็ถูกเขาคว้าแขนเอาไว้ก่อน มินตราสะบัดแขนตัวเองออกจากมือเขาทันทีตามสัญชาตญาณ
“อ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่พอดีผมซื้อกาแฟมาให้ เห็นว่าคุณจะไปซะแล้ว ก็เลยต้องรั้งเอาไว้ก่อน” เขาพูดพลางยืนแก้วกาแฟในมือให้กับหญิงสาวตรงหน้า เธอไม่มีทางเลือกถ้าไม่รับเอาไว้ เขาต้องไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่
“ขอบคุณ” เธอบอกกับเขา ก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่โต๊ะทำงาน แก้วกาแฟถูกวางลงอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด ทีนี้จะแก้ตัวกับเพื่อนๆ ยังไง
‘ทำไมคุณโนอาทำเหมือนสนิทกับแกจัง’
‘ทำไมเขาต้องซื้อกาแฟให้แกด้วย’
‘มีอะไรที่พวกฉันไม่รู้หรือเปล่า เม้าส์มาเดี๋ยวนี้ อย่าต้องให้สืบเอง’ ข้อความจากแชตกลุ่มถูกรัวส่งเข้ามาไม่หยุด ลลิตากับเมทินีสนใจประเด็นนี้อย่างมากตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้
“เวรเอ๊ย” หญิงสาวสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะวางโทรศัพท์ลง เธอยังไม่ได้กดเข้าไปอ่านข้อความพวกนั้น เพราะต้องการจะหาคำแก้ตัวให้ได้ก่อน
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของมินตราดังขึ้น รบกวนสมาธิของเธอขณะกำลังใช้ความคิด แต่ก็ต้องรับสายก่อนเพราะงานต้องสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว
“หวังว่าจะชอบลาเต้นะครับ ผมไม่รู้ว่าปกติคุณดื่มอะไร ก็เลยสั่งเมนูที่พนักงานบอกว่าสาวๆ ในออฟฟิศชอบสั่งกัน” แต่พอรับสายดันกลายเป็นโนอาที่โทรเข้ามาเสียอย่างนั้น นี่เขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ อยากปั่นหัวเธอเล่นๆ เอาความสนุกงั้นเหรอ
“นี่คุณ! จะเลิกทำแบบนี้ได้เมื่อไหร่ ฉันไม่สนุกด้วยนะ” เสียงเข้มจากปลายสาย เรียกรอยยิ้มให้กับใบหน้าหล่อของเขาได้
“แหม ก็แค่ซื้อกาแฟให้เอง ทำไมต้องดุขนาดนั้นด้วย”
“การที่คุณทำแบบนี้ คนอื่นเขาจะมองคุณไม่ดี ฉันก็จะถูกคนอื่นนินทาด้วย”
“นินทาว่าไง นินทาว่าผมจีบคุณน่ะเหรอ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเอง
“นินทาเรื่องที่ฉันผ่านการสัมภาษณ์น่ะสิ คนที่ไม่รู้อะไรด้วยก็จะหาว่าฉัน นอนกับคุณแลกสิทธิพิเศษ” โนอาหัวเราะชอบใจ นี่เธอช่างเป็นคนที่คิดมากเสียจริง
“มีใครรู้ด้วยเหรอ ว่าเรา...เคยนอนด้วยกันแล้วน่ะ” มินตรารีบดึงโทรศัพท์ออกให้ห่างหู แล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดไปที่โทรศัพท์ ก่อนจะมองไปรอบๆ ด้วยความระแวงว่าจะมีคนมาได้ยิน
“อย่าพูดพล่อยๆ นะ”
“พูดเรื่องจริงต่างหาก”
“คุณต้องการอะไรจากฉัน จะให้ฉันทำอะไร คุณถึงจะหยุดพูดเรื่องนี้ แล้วก็หยุดมาวุ่นวายกับฉันสักที” เธอเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกโรคจิตตามข่มขู่ยังไงก็ไม่รู้
“ไปดินเนอร์กันสักมื้อสิ ผมอยากรู้จักกับคุณมากกว่านี้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่รู้ว่าอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาสนใจได้มากขนาดนี้เหมือนกัน แต่ตั้งแต่คืนนั้นเขาก็ฝันถึงเธอตลอด ไม่สามารถหักใจให้ลืมเธอได้เลย ถ้าไม่สานต่อก็คงจะเป็นอยู่แบบนี้ อย่างน้อยถ้ารู้จักกันให้มากขึ้น ถึงจุดหนึ่งเขาอาจจะรู้สึกเบื่อ แล้วก็ตัดใจลืมไปเองได้ แต่ตอนนี้เขารู้เพียงว่า ต้องรู้จักกับเธอให้ได้
“ฉันไม่รู้จักดินนงดินเนอร์อะไรของคุณหรอกนะ”
“ก็แค่ไปกินข้าวนั่นแหละ ผมสัญญาว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะแยกย้าย ไม่มีซัมติงอะไรมากกว่านั้นโอเค๊?” หญิงสาวครุ่นคิดอยู่สักพัก ถ้าแค่กินข้าวก็คงไม่เสียหายอะไร ตอนนี้เธอเองก็โสด อีกอย่างถ้าไปแล้วทุกอย่างมันจบก็ถือว่าโอเค
“ได้ แต่แค่กินข้าว อิ่มแล้วแยกย้าย ห้ามเรียกร้องอะไรมากกว่านั้น ไม่มีดื่มเหล้า และฉันจะไปเองกลับเอง” มินตรายื่นข้อเสนอของเธอ
“โอเค ได้ เป็นอันว่าคุณตกลงแล้วใช่มั้ย”
“อืม”
“ถ้างั้นผมขอช่องทางการติดต่อของคุณหน่อยสิ”
“จะเอาไปทำไมอีก ก็แค่กินข้าวทุกอย่างก็จบไม่ใช่หรือไง”
“เอาไว้นัดกันไง คุยจบคุณก็บล็อกทิ้งได้นี่” มินตราถอนหายใจก่อนจะบอกเบอร์ให้กับเขา หวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า เธอจะได้ไม่ต้องอึดอัดเวลามาทำงานแบบนี้